ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 289 ขจัดเภทภัยให้โลกแปดพิภพ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หวงเจี๋ยเก็บมุกวิเศษ เดินออกจากโพรงหิน สายตามองไกลออกไปยังทิศทางของนภาพิภพ

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ มีเงาร่างหนึ่งผลักประตูเข้ามา สืบเท้ามาถึงเบื้องหน้าหวงเจี๋ย คนผู้นั้นคือถังหย่งฮ่าวนั่นเอง

“ศิษย์น้องหวง สำนักกำลังจะบุกเขากว่างเฉิงในตอนนี้อย่างนั้นหรือ?” สีหน้าถังหย่งฮ่าวเคร่งขรึม มองหวงเจี๋ยอย่างจริงจัง

หวงเจี๋ยเหมือนว่าจะไม่แปลกใจในการมาเยือนของถังหย่งฮ่าวอย่างใด กล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “สำนักไม่ได้จะบุกโจมตีเขากว่างเฉิง แต่ต้องการขจัดภัยที่บ่อนทำลายโลกแปดพิภพต่างหาก”

ถังหย่งฮ่าวมุ่นคิ้วพลางมองหวงเจี๋ย

สีหน้าท่าทางหวงเจี๋ยเฉยชา “เขากว่างเฉิงคบคิดกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต มีเค้าส่อให้เห็นแจ่มชัด ในความเป็นจริงแล้วที่นั่นก็คือต้นกำเนิดของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต เป็นคนนำทางของนพยมโลก”

“มารนพยมโลกเหมือนปีศาจอัคคีจากโลกปีศาจอัคคี ล้วนเป็นศัตรูของโลกแปดพิภพ”

“สำนักเราละอายใจในฐานะดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกแปดพิภพในปัจจุบัน เป็นภาระหน้าที่ต้องขัดขวางการถึงของนพยมโลก หรือไม่ใช่เล่า?”

ถังหย่งฮ่าวเอื้อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เขากว่างเฉิงกับสำนักเราบาดหมางกัน ข้ารู้ดีแก่ใจ ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่สะสมมาแค่วันสองวัน”

“ถ้าหากเป็นการสู้รบระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ของเราทั้งสองจริง ก็นับเป็นการต่อสู้ภายในของเหล่าจอมยุทธ์โลกแปดพิภพ ข้าถังหย่งฮ่าวในฐานะผู้สืบทอดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ จะต่อสู้แนวหน้ากับผู้สืบทอดกว่างเฉิงจนตัวตาย จะไม่ลังเลเด็ดขาด”

“แต่เจ้าก็พูดแล้ว ว่านพยมโลกเป็นศัตรูร่วมกันของโลกแปดพิภพ ต่อให้ระหว่างสำนักเรากับเขากว่างเฉิงจะมีความขัดแย้งอะไร ก็ควรจะจัดการนพยมโลกและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตก่อนค่อยสะสางเช่นกัน”

“ในแต่ละสำนัก แต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ล้วนมีไส้ศึกของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต บัดนี้เขากว่างเฉิงเกิดสงครามใหญ่ ชัดเจนว่าระหว่างภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตกับเขากว่างเฉิงกำลังต่อสู้สังหารกันอย่างสุดชีวิต”

ถังหย่งฮ่าวจ้องหวงเจี๋ยด้วยสายตาไม่ยินดียินร้าย “พวกเรานั่งบนภูดูเสือกัดกันก็พอ ยังต้องช่วยภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตด้วยหรือ?”

สายตาหวงเจี๋ยสงบนิ่งดุจดั่งน้ำ “ศิษย์พี่ถัง เมื่อครู่ข้าบอกแล้ว ว่าเป้าหมายของสำนักเราคือปราบคนที่อาจจะนำพานพยมโลกมาเยือนอย่างไรเล่า”

“เขากว่างเฉิง ก็คือต้นกำเนิดของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต”

หวงเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อย “สงครามใหญ่ในตอนนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าใช่ไม่ใช่อุบายหลอกคน?”

ถังหย่งฮ่าวได้ยินแล้ว ลูกตาดำของเขาพลันหดลงเล็กน้อย

หวงเจี๋ยกล่าวต่อไปว่า “ยอดฝีมือระดับสุดยอดของเขากว่างเฉิง ถ้าต้องพูดถึงล่ะก็ คนที่อุทิศตนสู่นพยมโลกได้ง่ายที่สุดคือใคร? แท้จริงแล้วคือเจ้าสำนักของพวกเขา หยวนเจิ้งเฟิงผู้ซึ่งมีตำแหน่งฐานะสูงที่สุด”

“ผู้อาวุโสหยวนท่านนี้ เคยผ่านช่วงรุ่งเรืองในยุคจ่านตงเก๋อมาก่อน อีกทั้งเคยผ่านช่วงจำศีลในยุคของจ่านซีโหลวเช่นกัน มองในมุมของผู้สืบทอดสำนักเขากว่างเฉิง เขาแบกภาระอันหนักหน่วงในการทำให้สำนักผงาดขึ้นอีกครั้ง และแบกรับแรงกดดันอันน่าพรั่นพรึงของสำนักเราที่ท่านปู่ข้ามอบให้เขาอีก”

“จ่านซีโหลวได้จากไปแล้ว ตัวเขาเองก็ยังมีอาการเจ็บเดิมอยู่อีก สิ้นหวังก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ อายุขัยถดถอย ปัจจุบันใกล้ฝั่งลงขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางเบื้องหน้าอับแสง ความกดดันก็ยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ”

หวงเจี๋ยเอื้อนเอ่ยสงบนิ่ง “ต่อให้เขาไม่รักตัวกลัวตาย แบกรับความกดดันของสำนัก ก็อาจจะกดอยู่บนบ่าเขาทุกขณะ…”

ถังหย่งฮ่าวพลันตัดบทหวงเจี๋ย “ศิษย์น้องหวง เจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นรึ?”

พฤติกรรรมไร้มรรยาทแบบนี้ ระหว่างศิษย์ร่วมสำนัก แทบบจะไม่เคยเกิดขึ้นกับถังหย่งฮ่าวมาก่อน

กระนั้นสายตาที่เขามองหวงเจี๋ยในตอนนี้ กลับเด็ดขาดอย่างยิ่ง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ ไฉนเลยต้องใช้วาจาเหล่านี้ปั่นหัวข้า?”

หวงเจี๋ยปิดปากเงียบ มองถังหย่งฮ่าวด้วยความเงียบสงบ

ถังหย่งฮ่าวจ้องมองหวงเจี๋ย “ศิษย์น้องหวง เจ้ามากฝีมือความสามารถ แต่ไรมาข้าล้วนเลื่อมใส ถึงคนนอกไม่รู้ถึงความสามารถของเจ้า แต่ข้ารู้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย”

“กำหนดแผนการระดับสูงของสำนัก เจ้าไม่เพียงมีอำนาจล่วงรู้ ซ้ำยังมีอำนาจเสนอแผนการ”

“เรื่องครานี้ เจ้ายิ่งมีส่วนร่วม”

“บัดนี้เขากว่างเฉิงกำลังโจมตีต้านภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต พวกเจ้ากลับเตรียมมีดแทงข้างหลัง บางทีเจ้าอาจจะคิดว่านี่เป็นกำหนดแผนที่เป็นประโยชน์ต่อสำนักที่สุด สามารถกำจัดสำนักเขากว่างเฉิงและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตได้ในคราวเดียว หากแต่ในความคิดข้า นั่นช่างแผนการที่คร่ำครึและโง่เขลา”

“เอาเถิด สัจธรรมศีลธรรมพวกเราไม่พูดถึงก่อน ข้าไม่ได้มีเจตนาจะบังคับคนอื่นให้คิดเช่นเดียวกับข้าทุกคน ข้าเพียงถามเจ้าประโยคเดียว พวกเจ้ามั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ แต่ถ้าหากทำให้นพยมโลกมาถึงแล้วจะทำเช่นไร?”

ถังหย่งฮ่าวเอ่ยด้วยสีหน้าเช่นเดิม “สถานที่ที่นพยมโลกมาเยือนอาจจะเป็นนภาพิภพ แต่นั่นก็เป็นโลกแปดพิภพเช่นกัน ก็เหมือนอย่างทางเชื่อมของโลกปีศาจอัคคีที่ทะเลตะวันออก พวกเราทุกคนอาจล้วนต้องเผชิญเหมือนเช่นการคุกคามปีศาจอัคคี”

หวงเจี๋ยมองถังหย่งฮ่าว พลันหัวร่อ “ศิษย์พี่ถัง พูดตรงๆ มีบางครั้งที่ข้ารู้สึกว่าท่านเขลาพอควร”

อีกฝ่ายมองเขา ไม่ได้เกิดอารมณ์โมโหแต่อย่างใด

เขากล่าวต่อไปว่า “แต่หนนี้ไม่เกี่ยวกับว่าท่านเขลาหรือไม่ หากแต่บางเรื่องท่านไม่รู้”

ถังหย่งฮ่าวเอื้อนเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าอยากฟังรายละเอียดกว่านี้”

“ยุคสมัยในตอนนี้ สถานการณ์ในตอนนี้ ล้วนต่างจากจ่านตงเก๋อและจ่านซีโหลวในตอนนั้นแล้ว” หวงเจี๋ยแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า กล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “ความทุกข์ทรมานตรงหน้าพวกเราในตอนนี้ คือบททดสอบ”

“เจ้าพูดอะไร?” ถังหย่งฮ่าวงงงวย

หวงเจี๋ยหัวร่อ ไม่ได้พูดต่อไปอีก หันหลังกลับพูดว่า “เขากว่างเฉิงร่วมทำเลวกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ชักนำนพยมโลกมาเยือน ตอนนี้พวกเราพยายามถอนรากถอนโคนพวกเขา กอบกู้โลกแปดพิภพ ก็ง่ายๆ เช่นนี้แล”

ครั้นสิ้นวาจา เขาหันกายย่ำเท้ากลับโพรงหินของตน

ถังหย่งฮ่าวมองเงาหลังของเขา ประกายตาซับซ้อนหาที่เปรียบไม่ได้

ทันทีที่หวงเจี๋ยกลับถึงโพรงหิน เขาก็เห็นว่ามีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ในนั้น จึงรีบรุดเข้าไปคารวะ “อาจารย์อามาถึงเมื่อใดหรือขอรับ”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็คือซี่จ้าวจวิน หนึ่งในเจ็ดสุริยัน เขาผงกศีรษะให้หวงเจี๋ย “พอๆ กับหย่งฮ่าว”

สายตาของซี่จ้าวจวินมองไปด้านนอกประตู “หย่งฮ่าว นิสัยตรงเกินไปแล้ว หากมิแก้ไข คงเป็นได้เพียงกระบี่ ไม่อาจเป็นผู้ถือกระบี่”

“สภาพแวดล้อมสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเหตุ” หวงเจี๋ยเอื้อนเอ่ยสงบนิ่ง “ศิษย์พี่ถังมีราคาของเขาเอง”

“สำนักเราต้องการรุดหน้าห้าวหาญ มุ่งหน้าตลอดทาง ศิษย์พี่ถังนั่นก็ดูเหมือนความต้องการไม่เหมาะกับยุคสมัย งมงายคร่ำครึ หากพวกข้าตนต่ออุปสรรคขนานใหญ่ ตกต่ำถึงขีดสุด กระนั้นคนเช่นเขานี้ กลับสามารถส่งผลประโยชน์ รักษาปราณดั้งเดิมสุดท้ายให้สำนักได้ด้วยซ้ำ”

ซี่จ้าวจวินเอ่ย “พูดได้ถูกต้อง หากแต่นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หย่งฮ่าวถูกกำหนดไว้เป็นเพียงมุกใสเปรอะฝุ่นเท่านั้น”

สีหน้าหวงเจี๋ยวเรียบเฉย “นี่แน่นอนอยู่แล้ว”

ชายวัยกลางคนผุดลุกขึ้น “ข้าเองก็จะรุดหน้าไปหาพวกอาจารย์อาพานแล้วเช่นกัน ทั้งมวลรอเพียงท่านเจ้าสำนักรุ่นก่อนออกฌาน เรื่องใหญ่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้าไม่เตรียมตัวไปเป็นพยานเรื่องทั้งหมดที่จะบังเกิดขึ้นกับตาพร้อมกันหรือ?”

“ไปถึงที่ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ปรับแผนการได้ทุกเมื่อ” หวงเจี๋ยส่ายศีรษะ “สิ่งที่ข้าควรทำล้วนได้ทำหมดแล้ว ข้าไม่สนใจจะไปเห็นแผนของข้ากลายเป็นจริง ความรู้สึกพึงใจจำพวกนั้นสำหรับข้า ไม่ได้มีความหมายมากนัก ขอเพียงผลสุดท้ายไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้ก็ใช้ได้แล้ว”

ซี่จ้าวจวินเองก็ไม่เซ้าซี้เช่นกัน “ข้ากลับต้องไปเห็นกับตาสักหน่อยแล้ว”

หวงเจี๋ยยิ้มจาง “อาจารย์อาค่อยๆ เดินทาง กำจัดเขากว่างเฉิงที่ชักนำนพยมโลกมาเยือนโลกแปดพิภพ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างแท้จริง”

ผู้เป็นอาจารย์ยิ้มแย้มเดินออกจากประตูไป “ไม่เลว เป็นเช่นนี้ถูกต้องแล้ว เขากว่างเฉิงหาเรื่องใส่ตัวเอง สำนักเราได้โอกาสขจัดเภทภัยให้โลกแปดพิภพได้พอดี!”

——————————