เฟลิเปยกมือซ้ายซึ่งมีเพียงสี่นิ้วด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

“เจ้าตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการสังเคราะห์คาร์บาไมด์ก่อน แต่เพราะบทความไม่มีหลักฐานแน่ชัดเพียงพอ ดังนั้นการอภิปรายเกี่ยวกับความถูกต้องของทฤษฎีพลังชีวิตจะต้องดุเดือดแน่นอน พวกตาแก่ดื้อด้านที่เชื่อในทฤษฎีนี้จะต้องชักชวนผู้คนในการระหว่างการอภิปราย ข้าจะตีพิมพ์บทความเพื่อชี้ขาดในการโค่นล้มทฤษฎีพลังชีวิตอย่างสมบูรณ์ให้ได้ แม้ว่าเราจะไม่สามารถสังเคราะห์องค์ประกอบชีวิตอย่างเช่น เซลล์ได้สำเร็จก็ตาม ข้ามั่นใจว่าทฤษฎีพลังชีวิตที่ถูกล้มล้างได้อย่างสมบูรณ์จะสามารถขัดขวางเป้าหมายของพวกเขาไปได้สักพักหรือตลอดไป เรามาพูดถึงเรื่องที่เจ้าจะได้… อย่าบอกนะว่า เจ้าไม่ต้องการค่าชื่อเสียงเพื่อดึงความสนใจจากกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุให้มากขึ้นหรือ อย่าบอกนะว่าเจ้าจะไม่แก้แค้นที่ทราเควียร์พยายามจะสังหารเจ้า”

ลูเซียนหัวเราะเยาะ “เฟลิเป เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนงี่เง่าหรือ? ทำไมข้าต้องส่งบทความที่จะก่อให้เกิดความเกลียดชังมากขึ้นเป็นพิเศษด้วย ตอนนี้ข้าไม่กังวลกับค่าชื่อเสียง เพียงแค่ตารางธาตุอย่างเดียวข้าก็สามารถเก็บค่าชื่อเสียงได้สบาย”

ความเศร้าโศกปรากฏขึ้นบนใบหน้าเฟลิเป และพูดกับลูเซียนว่า “ศาสตราจารย์ข้าขอโทษ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีทางเลือกจริง  หากเจ้าปฏิเสธที่จะทำงานกับข้า ข้าจะอ้างชื่อของเจ้าในบทความของข้าเป็นพิเศษเพื่อขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือที่ดีเพราะเจ้าเป็นแรงบันดาลใจให้ข้าล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิต และเจ้าก็จะได้ค่าชื่อเสียงด้วย”

ลูเซียนไม่ตอบ แต่กลับจ้องมองไปที่เฟลิเปแทน เขากำลังพิจารณาว่าเขาสามารถสังหารเฟลิเปในตอนนี้ได้หรือไม่ เพราะเขารู้สึกว่าเขาฟื้นตัวเร็วกว่าเฟลิเปเพราะเขามีแหวนธาตุ

“ศาสตราจารย์ เจ้ารู้ไหมว่าร่างกายของข้ากำลังจะพังทลายลง? แม้ว่าเจ้าจะสังหารข้า แต่วิญญาณและร่างกายของข้าก็จะไปรวมตัวกันที่อื่น” ในตอนนี้เฟลิเปรู้สึกว่าเขาได้เปรียบกว่าศาสตราจารย์ ดังนั้นเขาจึงพูดกับลูเซียนอย่างอารมณ์ที่ดี

อย่างไรก็ตามเฟลิเปจะไม่มีวันเปิดเผยความลับสุดยอดของเขาต่อหน้าศัตรู ถ้าไม่มีเวทมนต์ลับนี้เขาคงตายไปแล้วในการต่อสู้กับทราเควียร์”

ลูเซียนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มีแผนสำรอง”

แม้ว่าลูเซียนจะไม่มีแผนสำรองใดๆ แต่เขาก็จะไม่แสดงจุดอ่อนต่อหน้าศัตรูเด็ดขาด เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผนึกสองชั้นของมงกุฎสุริยันจะถูกปลดออก เพื่อที่เขาจะได้โจมตีเฟลิเปอีกครั้ง!

หัวใจของเฟลิเปแทบหยุดเต้น ในฐานะศาสตราจารย์ เขาค่อนข้างลึกลับและมีไหวพริบอยู่เสมอ เฟลิเปจึงไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามเขายังแสร้งทำเป็นสงบอยู่ “อย่าเข้าใจผิดศาสตราจารย์ ข้าแค่พยายามหาวิธีที่เป็นประโยชน์ต่อเราทั้งคู่ ข้าคิดว่าบทความเกี่ยวกับการสังเคราะห์คาร์บาไมด์สามารถส่งเป็นผลงานความร่วมมือกับดรูอิดได้ เมื่อบทความเริ่มมีการถกเถียงกัน เจ้าก็ไม่ต้องพูดถึงอะไรเกี่ยวกับทฤษฎีพลังชีวิต หรือแสดงความคิดเห็นของเจ้า และข้ามั่นใจว่าผู้คนจะเข้าใจ เพราะเจ้าไม่ใช้นักเวทศาสตร์มืด จากบทความของเจ้าข้าก็จะตีพิมพ์บทความของข้าพร้อมหลักฐานชี้ขาดเพื่อล้มล้างทฤษฎีพลังชีวิต ในตอนนั้นเองความสนใจและความเกลียดชังทั้งหมดจะพุ่งมาที่ข้าแทน”

ริมฝีปากของลูเซียนยกยิ้มขึ้นมา

“ในสภาข้าเป็นคนเดียวที่เคยพบกับศาสตราจารย์มาก่อน หากเจ้าช่วยเหลือข้า ข้าสัญญาว่าจะเก็บความลับของเจ้าไว้ ข้าแน่ใจว่าเจ้าไม่ต้องการให้ศาสนาจักรและสภารู้ว่าเจ้าเป็นนักดนตรีที่จากอันโต้ และเจ้าก็หวังว่าจะได้พบเจ้าหญิงอีกครั้ง” เฟลิเปยังคงเกลี้ยกล่อมลูเซียนต่อไป “นอกเหนือจากผลประโยชน์ทั้งหมดที่ข้าได้กล่าวไป ข้าสัญญาว่าทำพิธีกรรมที่ทำให้ชีวิตและจิตวิญญาณพัฒนาขึ้นให้หนึ่งครั้ง”

ทุกสิ่งที่เฟลิปอยากทำตอนนี้คือการล้างแค้นไอ้แก่พวกนั้นๆ ที่วางแผนจะลอบสังหารเขา เมื่อทราเควียร์ตายไปแล้ว เฟลิเปก็มั่นใจว่าสมาชิกระดับสูงของหัตถ์ไร้ชีวาส่วนใหญ่จะไม่พูดกับเขา เพราะเสี่ยงที่จะทำให้นักเวทระดับสูงรุ่นเก่าไม่พอใจ

ลูเซียนคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วกล่าวว่า “ข้าหวังว่าเราจะทำงานร่วมกันได้ดี”

“ดี” เฟลิเปยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเราหาเวลามาเซ็นสัญญาปีศาจด้วยกัน”

หลังจากพูดจบเฟลิเปก็เลิกควบคุมร่างกายนี้ และร่างกายก็เริ่มยุบตัวและแตกเป็นชิ้นๆ

เสียงของเฟลิเปยังคงลอยอยู่ในอากาศแม้ว่าจะไม่มีร่างกายแล้วก็ตาม “ศาสตราจารย์แม้ว่าเราจะร่วมมือกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นเพื่อนกัน เจ้ายังคงเป็นหนึ่งในคนที่ข้าไม่ชอบมากที่สุด ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้ถ้ามีโอกาส แต่ตอนนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะแข็งแก่งขึ้น รู้ไหมการสังหารนักเวทระดับสองไม่สามารถทำให้ข้ารู้สึกภูมิใจหรือกนะ”

“ดูเหมือนว่า ระดับอาร์คานาของข้าจะสูงกว่าเจ้าในไม่ช้า” ลูเซียนตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

ร่างกายของเฟลิเปหายไปแล้ว สิ่งที่เหลือทิ้งไว้บนพื้นคือเครื่องรางที่ทำจากกระดูกและแหวนอีกหนึ่งวง

“เวทซ่อนชีพ? เวทระดับเก้า?” ลูเซียนพึมพำและนึกไปถึงสิ่งที่เขาได้อ่านมาก่อนหน้านี้ในตำราว่าด้วยศาสตร์มืด “ไม่ใช่… มันต่างกัน… เวทซ่อนชีพคือการเก็บพลังชีวิตส่วนใหญ่ไว้ในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายและซ่อนส่วนนั้นไว้ที่อื่น แต่สิ่งที่เฟลิเปเพิ่งทำไม่เหมือนกัน… มันอาจจะเป็นพิธีกรรมพิเศษจากหัตถ์ไร้ชีวา แต่ใครเป็นคนทำพิธีนี้ให้เขา? อาจารย์ของเฟลิเปเป็นใครกัน…?”

ลูเซียนนั่งมองดูเครื่องรางบนพื้น และเริ่มวางแผนบางอย่างในขณะที่เขากำลังรอให้พลังของเขาฟื้นตัว

ในเวลานี้เองที่ผู้วิเศษและนักเวทระดับสูงรวมถึง ราเวนติ และแกสตันจากกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ เปเซอร์ และทิน่า-ทีมอส จากหัตถ์ไร้ชีวาที่ในที่สุดก็สังเกตเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นและมาถึงเป็นที่เรียบร้อย

ราเวนติโกรธจัดเมื่อเห็นซากศพทั้งหมดบนพื้นดิน รวมทั้งลูเซียนที่กำลังยืนด้วยความยากลำบาก

“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย พวกแกต้องการอะไร?!” ราเวนติคำรามขึ้นมาที่เห็นนักเวทจากหัตถ์ไร้ชีวา ทันใดนั้นอากาศก็ร้อนขึ้นมาราวกับว่าพวกเขากำลังถูกล้อมรอบด้วยลาวาที่กำลังลุกไหม้

นี่เป็นสัญญาณว่าราเวนติกำลังจะร่ายเวท ‘เพลิงนรก’ ที่เป็นเวทระดับเก้าของเขา

ร่างที่สวมเสื้อคลุมยาวสีดำทั้งตัวและมีกะโหลกสีขาวอยู่บนเสื้อ ใบหน้าของเปเซอร์ถูกปกปิดไว้ มีเพียงเปลวไฟสีแดงเพียงสองจุดที่กะพริบอยู่ใต้หมวกคลุมของเขา “ราเวนติสมาชิกของเราก็ถูกโจมตีเช่นกัน ก่อนที่เราจะพบหลักฐานหรือพิสูจน์ใดๆ โปรดจงรู้ไว้หัตถ์ไร้ชีวาก็ตกเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน”

เปเซอร์เป็นจอมเวทระดับแปด และนักเวทศาสตร์มืดระดับเก้า เขาเป็นสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา

จากนั้นเปเซอร์ก็ชี้ไปที่เครื่องราง และแหวนที่ตกอยู่บนพื้นดินและเขาใช้เวทมนตร์หยิบมันขึ้นมา

“หัตถ์แห่งการฟื้นฟู… สิ่งนี้เป็นของเฟลิเป…”

หลังจากตรวจสอบและพูดคุยกับลูเซียนเล็กน้อย แกสตันก็พูดว่า “ลูเซียน อีวานส์ ผู้ชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม และเฟลิเป การ์เนโรผู้ชนะรางวัลบัลลังก์นิรันดรถูกโจมตีตามลำดับ ผู้โจมตีคือทราเควียร์จากหัตถ์ไร้ชีวา”

จากนั้นแกสตันก็มองไปที่อีกด้านหนึ่ง “พวกเจ้าสองคนมีเบาะแสอะไรบ้างไหม”

ทีน่า-ทีมอสนักเวทหญิงที่มีรูปโฉมดั่งซัคคิวบัสที่ชั่วร้ายพูดอย่างพอใจว่า “พวกเราคิดออกแล้ว!”

ในห้องลับของหอคอยเวทมนตร์ในไฮด์เลอร์มีกล่องเล็กๆ ที่ประดับด้วยอัญมณีสวยงามมากมายวางอยู่ตรงใจกลางของวงเวทที่ซับซ้อน

ทันใดนั้นกล่องก็เริ่มเปล่งแสงสีขาวพราวพราวออกมา จากนั้นนิ้วมือก็ปรากฏขึ้น ขณะที่มันลอยอยู่ในอากาศนิ้วก็เริ่มขยับและเติบโตขึ้น มันใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นและในที่สุดนิ้วก็กลายเป็นชายร่างเปลือยคนหนึ่ง!

เขาคือเฟลิเป

“เป็นอีกครั้ง… ที่ข้าต้องการให้เทพอสูรจอมเวท ลิชใช้หน่วยความจำจากเซลล์เพื่อประกอบพิธีกรรมซ่อนชีพ…” เฟลิเปมองร่างกายใหม่ของเขาและเดินไปที่ห้องนอนเพื่อสวมเสื้อผ้า “ข้าล้มละลายอีกแล้ว…”

หลังจากเฟลิเปจักการทุกอย่างเรียบร้อย โรเจริโอก็มาถึง เขาดูจริงจังมาก “เกิดอะไรขึ้น”

เฟลิเปตอบอย่างเย็นชา “มีคนอื่นรู้ว่าข้ากำลังทำการสังเคราะห์องค์ประกอบชีวิต ท่านโรเจริโอมีคนทรยศในหมู่พวกเรา”

“ท่านเทพอสูรจอมเวท ลิช และธานาทอสได้รับข่าวแล้วและพวกเขารู้ว่ามันรุนแรงแค่ไหน และคาดว่าจะยังไม่น่ามีการพยายามลอบสังหารเกิดขึ้นอีก ตอนนี้เรายังต้องให้ความสำคัญกับการทดสอบอยู่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว” เฟลิเปวางมือลงในกระเป๋าตามปกติ “ข้าค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะสำเร็จในหนึ่งสัปดาห์”

เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับศาสตราจารย์เลย

หอคอยเวทมนตร์อีกแห่งในไฮด์เลอร์ วิญญาณของทราเควียร์กลับมารวมตัวอีกครั้งในอัญมณีสีม่วง พลันมีมือหนึ่งจับอัญมณีไว้และทุบมันให้กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยพลังแห่งความตายสีดำ

มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านในของอัญมณี แต่ในไม่ช้าเสียงร้องดังกล่าวก็หายไป

“อะดอลขอบคุณสำหรับข้อมูล แต่น่าเสียดายที่เราล้มเหลว”

“ข้าเสียใจที่ได้ยินอย่างนั้น”

หลังจบการสนทนาสั้นๆ ภายห้องก็เงียบลง จากนั้นก็ปรากฏช่องว่างขึ้น และอะดอลก็กลับสู่โลกแห่งวิญญาณ

คฤหาสน์ในซาริวา

หลังจากพักผ่อนมาครึ่งวัน ด้วยความช่วยเหลือจากแหวนธาตุลูเซียนก็เกือบจะหายสนิทแล้ว เขาทำลายบทความบางส่วนที่เขาเขียนก่อนหน้านี้และเขียนขึ้นใหม่:

วิธีการผลิตขนาดใหญ่ของผลิตภัณฑ์การเล่นแร่แปรธาตุมีประโยชน์ในซาริวาที่พบในการทดลองปลูกข้าวโอ๊ต และการใช้งานที่เหมาะสม

………………………….