บทที่ 721 ลำเอียงไปหน่อยแล้วมั้ง / บทที่ 722 ฉันมีแผนกับเขา

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 721 ลำเอียงไปหน่อยแล้วมั้ง

ด้านในสวนดอกไม้

ตอนนี้เยี่ยมู่ฝานยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อ ปกปิดความขลาดเขลาบนใบหน้าไว้ไม่อยู่ “บอ…บอส…”

เยี่ยหวันหวั่นกวาดมองเขาขึ้นลง “เกิดอะไรขึ้น?”

เยี่ยมู่ฝานยอมรับผิดอย่างว่าง่าย “ขอโทษนะหวันหวั่น! ฉันผิดไปแล้ว! ถึงตอนนั้นฉันจะขับเร็วไปหน่อย แต่ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายขับย้อนศรมา รถก็เลยชนเละเลย…”

“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว

“แค่ถลอกน่ะ…” เยี่ยมู่ฝานตอบเสียงอ่อย

เยี่ยหวันหวั่นพูด “ตัวคนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รถพังไม่เป็นไร”

“หวันหวั่น…” เยี่ยมู่ฝานได้ยินน้องสาวไม่ได้โทษตัวเอง น้ำตาก็พลันคลอเบ้า

ก่อนหน้านี้เยี่ยหวันหวั่นเคร่งครัดกับเขามาก ทำเอาตอนนี้พอเขาเห็นเธอก็รู้สึกกลัวแล้ว

“จัดการเรื่องเหอจวิ้นเฉิงแล้วเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นถาม

เยี่ยมู่ฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง จัดการแล้ว! ไอ้บ้านั่นเมื่อกี้ยังจะให้ฉันเอาหลักฐานออกมาอีก เหอะๆ น่าขำจริงๆ!”

เยี่ยมู่ฝานมองน้องสาวที่อยู่ด้านหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย “หวันหวั่น แกพูดถูกจริงด้วย เมื่อมีอำนาจในการพูด จะทวงความยุติธรรมตอนไหนก็ได้!”

ควาามจริงก่อนหน้านี้มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาเอาแต่ตัดพ้อ คิดว่าฟ้าไม่ยุติธรรม ชิงชังความเลวร้าย ความพยายามของตนก็ถูกคนอื่นเอาไป จนเกือบจะเสียสติอยู่รอมร่อ

สุดท้ายเป็นเพราะคำพูดของหวันหวั่นทำให้เขาสงบใจลงและเพ่งสมาธิกับงานได้

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้ว ขณะมองสีหน้าลิงโลดของเยี่ยมู่ฝาน ใบหน้าก็อ่อนโยนลงไม่น้อย “จัดการแล้วก็ดี คืนนี้พวกเรากลับไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันเถอะ!”

เยี่ยมู่ฝานตอบ “ได้เลย!”

ตกดึก เยี่ยหวันหวั่นกับเยี่ยมู่ฝานกลับถึงบ้าน เหลียงหวั่นจวินทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะ

“เส่าถิง ดื่มน้อยๆ หน่อยสิ!”

เยี่ยเส่าถิงมีใบหน้ายิ้มยินดี “ไม่เป็นไร วันนี้ดีใจ!”

พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นพึ่งพาได้มากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เยี่ยมู่ฝานก็เริ่มตั้งตัวได้ หน้าที่การงานเป็นไปด้วยดี เขาก็รู้สึกปลาบปลื้มจนพูดไม่ออก

ความปลาบปลื้มนี้ ความสำเร็จใดๆ ในอดีตล้วนไม่อาจเปรียบเทียบได้

“เป็นพ่อไม่ดีกับพวกแกเอง ทำให้พวกแกลำบากขนาดนี้…” เยี่ยเส่าถิงเข้าใจดี เส้นทางในอนาคตของลูกสองคนจะยากลำบากมาก

เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยเสียงหวาน “พ่อคะ พูดอะไรกันเนี่ย พ่อเป็นพ่อที่ดีที่สุดในโลกต่างหาก!”

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พ่อคงไม่ตกต่ำมาถึงขั้นนี้

ในวงการที่ยึดเอาผลประโยชน์เป็นหลัก ความรักระหว่างเลือดเนื้อเชื้อไขไม่มีค่าพอให้พูดถึง จะมีสักกี่คนที่ละทิ้งทุกสิ่งโดยไม่ลังเลเพื่อลูกสาวของตัวเองอย่างเยี่ยเส่าถิง

เยี่ยเส่าถิงมองลูกสาว ใบหน้าฉายแววรักเอ็นดู แต่พอมองลูกชายของตัวเองก็พลันทำหน้าดุขึ้นมา “เจ้าเด็กบ้า ไอ้นิสัยใจร้อนนี่เมื่อไหร่จะแก้หายสักที! บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ขับรถช้าๆ ขับรถช้าๆ! แกก็ไม่ยอมฟัง! ดูซิเป็นยังไง! รถแพงขนาดนั้นพังไปแล้ว! นี่ต้องใช้เงินกันเท่าไร?”

เยี่ยมู่ฝานได้ยินคำบ่นของผู้เป็นพ่อก็กุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด มาอีกแล้ว

เยี่ยหวันหวั่นรีบพูด “พ่อ อีกฝ่ายเมาแล้วขับย้อนศรต่างหาก ไม่ใช่ความผิดพี่นะคะ ยิ่งไปกว่านั้นรถพังก็ไม่เป็นไร ซื้อคันใหม่พอ รถคันนั้นก็เก่าเกินไปแล้ว ด้วยตำแหน่งของพี่ สมควรเปลี่ยนได้แล้วล่ะค่ะ”

เยี่ยเส่าถิงได้ยินก็พยักหน้า “อืม หวันหวั่นพูดมีเหตุผล”

เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก

เขาน้ำตานองหน้า “พ่อ พ่อลำเอียงไปหน่อยแล้วมั้ง ผมพูดไปร้อยกว่ารอบไม่มีประโยชน์ พอหวันหวั่นพูดพ่อบอกว่าถูกๆๆ…”

————————————–

บทที่ 722 ฉันมีแผนกับเขา

เหลียงหวั่นจวินส่ายหน้าอดหัวเราะไม่ได้ มองลูกชายและลูกสาว ในดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นใจ

ตอนนี้คนในครอบครัวนั่งหัวเราะหยอกล้อกันที่นี่ได้แล้ว เป็นเรื่องที่เธอจะคิดยังไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ

ไม่รู้ว่านึกถึงอะไร สีหน้าของเหลียงหวั่นจวินเคร่งขรึมหลายส่วน เอ่ยอย่างลังเลว่า “จริงสิ เส่าถิง เมื่อวานคุณแม่โทรศัพท์มา บอกว่า…ถ้ามู่ฝานกับหวันหวั่นมีเวลาให้ไปกินข้าวที่บ้านเก่า…”

พอได้ยินคำพูดเหลียงหวั่นจวิน สีหน้าของเยี่ยมู่ฝานพลันเย็นเยียบลง “ไปทำไม! ผมไม่ไป!”

เยี่ยหวันหวั่นกวาดมองเยี่ยมู่ฝาน เอ่ยอย่างเชื่องช้า “ช่วงนี้หนูกับพี่ค่อนข้างยุ่ง คงจะไม่มีเวลา ไว้เดือนหน้านะคะ พี่ อีกสองสามวันพี่อย่าลืมไปเลือกของขวัญให้คุณตากับคุณยาย ตั้งใจเลือกหน่อยล่ะ”

เยี่ยมู่ฝ่านเปลี่ยนคำพูด “อ้อ รู้แล้ว!”

เหลียงหวั่นจวินหัวเราะอย่างจนปัญญา เมื่อกี้เพิ่งบ่นไปว่าพ่อเอาแต่ฟังหวันหวั่น สุดท้ายเขาก็ไม่ใช่แบบนี้หรอกเหรอ

ถึงแม้ว่าทางสองผู้เฒ่าอาจจะเปลี่ยนแปลงความคิดที่มีต่อเธอไม่ได้ แต่เธอก็ไม่อยากให้หวันหวั่นกับมู่ฝานโดนลูกหลงเพราะผู้มีอำนาจอย่างพวกเขา

นิสัยแบบมู่ฝาน อาจถูกพวกแม่ลูกเยี่ยอีอีเล่นงานได้ง่ายๆ…

ยังดีที่ด้านข้างมีหวันหวั่นค่อยเตือน ทำให้เธอวางใจลงไม่น้อย

ขณะมองดูลูกสาวที่สวยขึ้นเรื่อยๆ และพึ่งพาได้มากขึ้นทุกที จิตใจของเหลียงหวั่นจวินก็หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ถามอย่างเป็นห่วงว่า “หวันหวั่น ช่วงนี้กับคุณเก้าเป็นยังไงบ้าง?”

เพื่อให้พ่อกับแม่วางใจ เยี่ยหวันหวั่นจึงพยักหน้าติดต่อกัน “อืมๆ ดีมากค่ะ! ที่โรงเรียนก็ใกล้ปิดเทอมแล้ว จากนั้นพวกเราวางแผนจะไปเที่ยวกันสองคนค่ะ”

เยี่ยมู่ฝานได้ยินแล้วใบหน้าพลันเคร่งเครียด “จะไปกันเองเหรอ? ทำแบบนั้นได้ไง ฉันจะไปด้วย!

“ไม่เอา!” เยี่ยหวันหวั่นปฏิเสธตรงๆ

เยี่ยมู่ฝานทำสีหน้าจริงจัง “หวันหวั่นเธอไร้เดียงสาไปแล้ว เดินทางคนเดียวอะไร เจ้าหมอนั่นต้องวางแผนทำอะไรกับเธอแน่!”

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเขา “ใช่สิ ต้องมีแผนอยู่แล้ว แต่เป็นฉันต่างหากที่มีแผนกับเขา ดังนั้นพี่ไปไม่ได้!”

เยี่ยมู่ฝานหุบปาก

อ๊าก! น่าโมโหจริงโว้ย!

วันต่อมา เรื่องในงานแฟชั่นอวอร์ดถูกสื่อใส่สีตีไข่แล้วนำเสนอออกไป

ไม่ว่าจะเป็นสื่อหรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องล้วนยืนอยู่ข้างเยี่ยมู่ฝาน เขาทั้งหล่อทั้งเก่ง แถมตอนนี้อยู่ในตำแหน่งสูง ไม่มีเวลาไปปรักปรำคุณให้ปวดหัวเล่นหรอก

ในเมื่อไม่ใช่การปรักปรำ ก็จะต้องเป็นเรื่องจริงแน่

ในห้องทำงาน

เยี่ยหวันหวั่นกำลังพลิกอ่านข้อมูลการตรวจสอบอัญมณีกองหนึ่ง เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เชิญครับ”

“ผู้จัดการเยี่ย…”

พอเห็นผู้มา สายตาของเยี่ยหวันหวั่นก็เป็นประกายชนิดสังเกตที่ไม่เห็น “ม่านจู นั่งสิ มีเรื่องเหรอ?”

เสิ่นม่านจูหน้าแดงเพราะประกายตาของชายหนุ่ม ยืนลังเลอยู่นาน ถึงค่อยเอ่ยด้วยความเขินอาย “คือว่า…ผู้อำนวยการเยี่ย…เฟลิกซ์เขา…ได้ช่วยฉันมอบของให้คุณรึยังคะ?”

เยี่ยหวันหวั่นเคาะนิ้วกับโต๊ะที่มันวับจนเห็นเงาคน ได้ยินดังนั้นก็ถาม “เบอร์โทรของเธอน่ะเหรอ?”

เสิ่นม่านจูหน้าแดงกว่าเดิม น้ำเสียงเศร้าสร้อย “ฉันรออยู่คืนหนึ่ง แต่คุณก็ไม่ได้โทรมา ผอ.เยี่ย คุณรังเกียจฉันรึเปล่าคะ…”

เยี่ยหวันหวั่นกระแอมเบาๆ นวดหว่างคิ้วอย่างปวดหัว

เรื่องปฏิเสธเด็กสาว เธอไม่มีประสบการณ์จริงๆ

แน่นอนว่าเธอก็ไม่มีทางมีประสบการณ์ได้

ถ้าเป็นผู้ชายก็ง่ายอยู่ เธอพูดได้โดยไร้อุปสรรค แต่ว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักอีกทั้งยังบอบบาง เธอลองคิดในมุมกลับ จึงไม่กล้าตัดสินใจจริงๆ

………………………………………