“ท่านอ๋อง รายงานสงครามของซีหลิงพ่ะย่ะค่ะ” ภายในกระโจม ทหารคนหนึ่งรีบเข้ามายื่นสาส์นด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะก้าวถอยหลังไป
เจิ้นหนานอ๋องเปิดสาส์นอ่าน ใบหน้าที่ไม่สดใสมากว่าครึ่งเดือน เคร่งเครียดจนแทบจะมีน้ำหยดออกมาอยู่แล้ว ทหารที่รวมตัวกันอยู่ในกระโจมรีบถามขึ้น “ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นกับซีหลิงหรือ” เจิ้นหนานอ๋องขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “จูเยี่ยนและหลงหยางเสียชีวิตในสนามรบ เถิงเฟิงถูกจับอยู่ในเมืองเฟิ่ง”
ทุกคนพากันส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที จูเยี่ยนและหลงหยางไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ก่อนหน้าเหลยเจิ้นถิง พวกเขาเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงที่สุดในซีหลิง ในยุคของหลงหยางและจูเยี่ยนเป็นช่วงเวลาที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพซีหลิง แม้ว่าเหลยเจิ้นถิงจะเป็นที่รู้จักในฐานะเทพเจ้าสงครามแห่งซีหลิง ก็ยังต้องยอมรับว่าหลังจากที่เขาสูญเสียพรรคพวกของจูเยี่ยนไป พละกำลังการต่อสู้ของกองทัพซีหลิงพลันลดฮวบ ท้ายที่สุดต่อให้เหลยเจิ้นถิงจะเก่งกาจเพียงใด เขาก็ยังเป็นเพียงคนคนหนึ่ง เขาไม่เพียงแต่ต้องเป็นผู้นำกองทัพซีหลิงเท่านั้น แต่ยังต้องจัดการเรื่องราชสำนักด้วย และคนเราไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง
ทว่าในตอนนี้ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ซีหลิงเสียเมืองไปสี่ห้าเมืองแล้ว สูญเสียแม้กระทั่งแม่ทัพที่มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดินถึงสองคน กองทัพตระกูลม่อหรือก็คือม่อซิวเหยาทรงพลังเพียงใดกันแน่
“เป็นไปได้อย่างไร ม่อซิวเหยาใช้เวลาไม่ถึงสิบวันในการยึดเมืองเปี้ยนหรือ” มีคนโพล่งถามขึ้นด้วยความตกใจ
เหลยเจิ้นถิงเอ่ยเสียงทุ้ม “ถ้าพูดให้ถูกคือหกวัน หกวันที่ไม่เพียงแต่พิชิตเมืองเปี้ยน แต่ยังทำลายกองกำลังมากกว่าหนึ่งแสนนายที่จูเยี่ยนแอบซ่อนไว้แถวๆ เมืองเปี้ยนอีกด้วย” แม้ว่าเหลยเจิ้นถิงจะประหลาดใจและโกรธเคืองไม่แพ้กันที่จูเยี่ยนมีกองกำลังมากกว่าแสนนายแอบซ่อนไว้ แต่ตอนนี้จูเยี่ยนก็เสียชีวิตไปแล้ว และกองทัพรักษาความสงบก็ถูกทำลายลงแล้ว จะให้มานั่งพูดเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจด้วยความใจหาย
“ท่านอ๋อง เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรดี ซื่อจื่อ…” เรื่องอื่นล้วนจัดการได้ง่ายดาย ทว่าการที่เหลยเถิงเฟิงถูกจับอยู่ที่เมืองเฟิ่งนั้น ถือเป็นปัญหาใหญ่เสียแล้ว หากไปช่วย จะให้ผู้ใดไปช่วย หากไม่ช่วย เจิ้นหนานอ๋องมีลูกชายเพียงคนเดียวนั่นก็คือ เหลยเถิงเฟิง ไฉนเลยจะไม่ช่วยเล่า
เหลยเจิ้นถิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดเสียงเข้ม “ส่งองครักษ์เกาะทองออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าอย่างไรจะต้องนำตัวเถิงเฟิงออกจากเมืองเฟิ่งให้ได้!”
“ท่านอ๋อง เช่นนั้นเมืองเฟิ่ง...” แม่ทัพถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เหลยเจิ้นถิงหลุบตา มองมือที่กำหมัดแน่นบนขาใต้โต๊ะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ตอนนี้จะสนใจอะไรมากไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่ หันทัพกลับไปทางทิศใต้!”
“ท่านอ๋อง! เช่นนั้นซีหลิง…” ในเมื่อต่างก็เป็นแม่ทัพของซีหลิง หากจะให้พวกเขาพอรู้ว่าซีหลิงอาจถูกยึดครองโดยกองทัพตระกูลม่อแล้วจะไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย แม่ทัพเหล่านี้ก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน มองไปทางเหลยเจิ้นถิงเขาก็มีท่าทีลำบากใจ เหลยเจิ้นถิงขมวดคิ้วพูดเสียงเข้ม “เราตกหลุมกับดักม่อซิวเหยาเสียแล้ว ม่อซิวเหยาไม่สามารถต่อสู้กับต้าฉู่ได้ทั้งในด้านอารมณ์และเหตุผล ดังนั้นเขาจึงล่อให้เราไปต่อสู้กับต้าฉู่ แล้วถือโอกาสโจมตีซีหลิง ตอนนี้พวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว หากเราติดพันกับกองทัพหลี่ว์จิ้นเสียนเป็นเวลานาน มู่หรงเซิ่นและกองทัพต้าฉู่ที่อยู่ข้างหลัง ก็จะรุดหน้าเข้ามาล้อมพวกเราไว้ทั้งสามด้าน ถึงตอนนั้นเราจะเหลือทหารสักกี่คนที่มีชีวิตรอดกลับไปยังซีหลิงได้ก็ยังไม่รู้เลย”
สีหน้าของทุกคน ณ ที่นั้นต่างย่ำแน่ “ท่านอ๋อง เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี”
เหลยเจิ้นถิงเอ่ยอย่างใจเย็น “ในเมื่อไม่สามารถย้อนกลับไปได้ เช่นนั้น…เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป และตีเมืองทางใต้ของต้าฉู่ ตอนนี้มู่หรงเซิ่นกำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือ พวกเรากำลังลงไปทางใต้ แยกไปคนละทางกับพวกเขาพอดี ถึงตอนนั้นวิธีที่เลวร้ายที่สุดในการยึดครองคือการปกป้องแม่น้ำอวิ๋นหลัน ใช้แม่น้ำแบ่งเขตพื้นที่การปกครองกับต้าฉู่ ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น…ต้าฉู่ไม่มีความสามารถในการลงใต้มาเพื่อต่อสู้กับพวกเราหรอก ลำพังแค่เป่ยจิ้งกับเป่ยหรงทางเหนือก็ทำให้พวกเขายุ่งพอแล้ว นอกจากนี้ม่อซิวเหยาก็ไม่สามารถยึดครองดินแดนซีหลิงทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้นแน่ๆ อย่างมากที่สุด…พอตีไปถึงเมืองหลวง เขาก็ควรถอยทัพได้แล้ว ถึงตอนนั้นนั้นเรายังพอติดต่อระยะไกลกับซีหลิงได้ ถ้า…เถิงเฟิงสามารถควบคุมสถานการณ์ในซีหลิงได้น่ะนะ…”
ทุกคนนิ่งเงียบ ไม่มีใครถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากซื่อจื่อควบคุมไม่ได้
อย่างน้อยเหลยเจิ้นถิงก็หาทางออกที่ฟังดูไม่เลวให้พวกเขาได้ การได้ครอบครองเจียงหนานของต้าฉู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ เป็นสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝัน และก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงเล่นสกปรกกับต้าฉู่มาเป็นร้อยปี ทั้งๆ ที่ต่างก็มีบรรพบุรุษคนเดียวกัน แล้วไฉนต้าฉู่ถึงมีดินแดนที่มั่งคั่งและร่ำรวยถึงเพียงนี้ได้ ทว่าพวกเขากลับอาศัยอยู่ได้เพียงทางตะวันตกเฉียงเหนือ รับลมหนาว ลิ้มรสฝุ่นที่ลอยมาตามลมเท่านั้นเล่า
หลังจากมองตาและกระซิบกระซาบกันครู่หนึ่ง ในที่สุดทุกคนก็พูดโดยพร้อมเพรียงกัน “น้อมรับคำบัญชาท่านอ๋อง”
เหลยเจิ้นถิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แม้ว่าครั้งนี้จะตกหลุมพรางของม่อซิวเหยาเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็รู้ดีว่า ต่อให้เริ่มใหม่อีกครั้ง เขาก็ยังคงเลือกที่จะทำเช่นนี้ เมื่อมีม่อซิวเหยาและกองทัพตระกูลม่ออยู่ที่ซีเป่ย หากอยากจะเอาชนะสถานการณ์ก่อนหน้านี้ คงทำได้เพียงเสี่ยงโชคเท่านั้น ส่วนดินแดนของซีหลิงก็แร้นแค้นเกินไปเมื่อเทียบกับต้าฉู่
“ตอนนี้ รองแม่ทัพ ข้าจะให้กำลังทหารสามแสนนายไปทางเหนือและร่วมมือกับเป่ยหรงโจมตีด่านเฟยหง! ส่วนที่เหลือ ตามข้าไปทางใต้!” หลังจากจัดการความคิดได้แล้ว เหลยเจิ้นถิงก็ออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
รองแม่ทัพผงะก่อนจะถามอย่างสงสัย “ท่านอ๋อง เราไปยั่วยุจวนติ้งอ๋องตอนนี้จะเป็นการ…”
เหลยเจิ้นถิงส่งเสียง เฮอะ ก่อนจะเอ่ย “ไม่ต้องห่วง ไม่จำเป็นต้องทำลายด่านเฟยหงจริงๆ เพียงแค่โจมตีอย่างแข็งขันก็พอแล้ว หลังจากที่ข้านำกองกำลังไปทางทิศใต้ อย่าปล่อยให้หลี่ว์จิ้นเสียนมีเวลามารังควานข้าได้!” มายามนี้รองแม่ทัพถึงได้เข้าใจความคิดของเหลยเจิ้นถิงและอดถามไม่ได้ว่า “ถ้าเราโจมตีด่านเฟยหง หลี่ว์จิ้นเสียนจะกลับไปเสริมกำลังพลหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น เราสามารถฝ่าแนวล้อมของกองทัพตระกูลม่อและกลับไปที่ซีหลิงเพื่อเสริมกำลังได้หรือไม่”
เหลยเจิ้นถิงส่ายหัวและพูดว่า “หลี่ว์จิ้นเสียนไม่ได้โง่ขนาดนั้น ถ้าเรากลับไปที่ซีหลิงได้ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดพวกเราไว้ แต่ถ้าไปทางใต้…ในความคิดของเขา ซีเป่ยมีความสำคัญมากกว่าเจียงหนานซึ่งปกครองโดยม่อจิ่งหลี”
รองแม่ทัพยอมจำนน “ท่านอ๋องฉลาดเฉลียว เป็นข้าเองที่ไร้ความคิด ข้าน้อมรับบัญชา”
เหลยเจิ้นถิงพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย “ไปเถิด ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็อย่าได้ผลีผลาม ข้าได้ส่งคนไปติดต่อผู้บัญชาการแม่ทัพของเป่ยหรงแล้ว น่าจะมีข่าวเร็วๆ นี้ เมื่อเป่ยหรงและกองทัพตระกูลม่อเปิดศึกกันแล้ว เจ้าค่อยดำเนินการตามสถานการณ์”
“ข้าน้อยน้อมรับบัญชา”
พอโบกมือให้เหล่าแม่ทัพออกไปแล้ว เหลยเจิ้นถิงก็มองไปทางทิศของซีเป่ยอย่างเหม่อลอย ผ่านไปนาน ถึงจะหัวเราะเสียงเย็นออกมา “ม่อซิวเหยา คราวนี้เจ้าชนะไปครึ่งยกแล้ว แต่รอให้ข้ายึดครองเจียงหนานให้ได้ก่อนเถิด…”