ตอนกลางคืน จอร์แดนโทรมาหาหลินจือ เอ่ยถามถึงเมื่อตอนกลางวันหลินจือกับซูซีคุยกันเป็นอย่างไรบ้าง
หลินจือบอกไปตามความจริง จอร์แดนก็รู้สึกโมโหมา : “เธอแกล้งคุณแบบนี้ แต่ก็รู้สึกว่าคุณไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง ทำอะไรเธอไม่ได้ รังแกคนที่อ่อนแอกว่า!”
หลินจือไม่คิดว่าจอร์แดนจะโมโหขนาดนี้ เธอเอ่ยพูดขึ้นมาเบาๆ : “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะให้โอกาสเธออีกสองครั้ง”
หลินจือไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจผู้หญิง เธอรู้ว่าซูซีอาศัยว่าเธอไม่มีผู้อยู่เบื้องหลังก็เลยรังแกเธอ รวมทั้งพวกพินอินด้วย
ถ้าหากเบื้องหลังของเธอมีตระกูลที่มีอำนาจ คนพวกนั้นแทบจะต้องมาประจบเธอเสียด้วยซ้ำ จะกล้ารังแกเธอเสียที่ไหนกัน?
“คุณจะให้โอกาสเธออีกสิบครั้งก็ไม่มีประโยชน์หรอก!” จอร์แดนพูดขึ้นมาอย่างโมโห : “คุณรู้ไหม? พ่อของเธอใช้เส้นสายให้คนมาหาผมที่นี่ บอกว่าให้ผมให้อภัย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการรังแกคุณอย่างเห็นได้ชัด ไม่อยากจะขอโทษคุณหรอกหรือไง?”
“ใช้เส้นสายให้คนมาหาคุณ?” หลินจือรู้สึกตกตะลึง
จอร์แดนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : “ใช่ ขอให้คนของเมืองเวลฟ์มาหาผม”
เนื่องจากว่าจอร์แดนอยู่ที่เมืองเวลฟ์ ดังนั้นเบลซจึงใช้เส้นไหว้วานคนมาที่เมืองเวลฟ์ มองออกว่ากำลังทรัพย์ของเบลซนั้นแข็งแกร่งมากพอ
พวกเขาแคร์เพียงแค่ท่าทีของจอร์แดน เพียงแค่จอร์แดนปล่อย ไม่ให้ซูซีขอโทษหลินจือต่อนั้น ไม่รายงานซูซีในสาขาอาชีพ ความรู้สึกของหลินจือตรงนี้นั้นพวกเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
หลินจือพึมพำขอโทษออกมา : “ขอโทษนะคะอาจารย์จอร์แดน ถ้าหากทางคุณลำบากใจ ฉันเองก็ไม่สืบหาแล้วก็ได้ค่ะ”
หลินจือรู้ว่าหลักทำนองคลองธรรมแบบนี้ ทุกๆคนในสังคมก็ย่อมจะหลีกหนีไม่ได้อยู่แล้ว
อีกทั้งคนที่มีฐานะที่สูงกว่า ก็ยิ่งผูกติดกับหลักทำนองคลองธรรมเหล่านี้
หลินจือไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่อยากทำให้จอร์แดนลำบากใจ ดังนั้นเธอจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้เอง ไม่ไล่ตามความรับผิดชอบของซูซีแล้ว
จอร์แดนเอ่ยขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ : “คุณรู้สึกว่าผมจะเป็นคนที่ยอมก้มหัวให้พวกมีอำนาจชั่วร้ายแบบนั้นหรือ?”
“อย่าว่าแต่ตระกูลแม็กซิมัสจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีคนมาแตะต้องได้ในเมืองเวลฟ์เลย ต่อให้ผมไม่มีอำนาจ ผมเองก็ไม่ยอมประนีประนอมให้พวกเขาเหมือนกัน ซูซีทำผิดก็คือผิด ผมเพียงแค่ให้เธอขอโทษคุณ ไม่ได้แจ้งเธอในสาขาอาชีพ นี่ก็นับว่าเมตตาเธอมากแล้ว!”
ฟังออกว่าจอร์แดนนั้นดูถูกกับพฤติกรรมแบบนี้ของเบลซมาก : “ก็เป็นเพราะเบลซเป็นพ่อแม่แบบนี้ ลูกไม่แยกแยะผิดถูกตามใจจนเหลิง สังคมนี้ถึงได้มีคนที่อวดดีทำเลวทรามอย่างซูซีแบบนี้อยู่มาก!”
พูดกันอย่างละเอียดแล้ว จอร์แดนเป็นทายาทข้าราชการรุ่นที่2ที่กล่าวขานกันมา ตระกูลแม็กซิมัสมีความยิ่งใหญ่ในเมืองเวลฟ์ แต่เขาเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมาหลายปีขนาดนี้ ในสาขาอาชีพไม่ได้อาศัยความสัมพันธ์ในครอบครัวออกหน้า
เขาอาศัยความสามารถของตัวเอง ดังนั้นตอนนี้ถึงได้รู้สึกดูถูกที่เบลซปกป้องซูซีแบบนี้
หลินจือไม่รู้จะพูดอะไร ความจริงแล้วเธอคิดไม่ถึงว่าเพื่อไม่ให้ซูซีขอโทษเธอเบลซถึงกับใช้เส้นไปหาจอร์แดนถึงเมืองเวลฟ์
จอร์แดนเอ่ยขึ้นอีกครั้งจากทางปลายสาย : “คือแบบนี้ ความจริงแล้วผมมีวิธีที่ได้ผลดีต่อกันทั้งสองฝ่าย สามารถปกป้องคุณได้ แล้วก็สามารถบีบให้ซูซีมาขอโทษคุณได้ด้วย”
หลินจือรีบเอ่ยถามขึ้น : “วิธีอะไรคะ?”
น้ำเสียงของจอร์แดนจู่ๆก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาบ้าง : “คือ หลังจากที่เจอกันครั้งที่แล้วผมรู้สึกว่ากับคุณแล้วพวกเรามีพรมลิขิตต่อกันมาก ผมเองก็ชื่นชมในความสามารถของคุณ แล้วก็ชอบนิสัยของคุณด้วย เพราะฉะนั้น ผมกับภรรยาเราปรึกษากันแล้ว ผมคิดว่า….จะให้คุณมาเป็นลูกสาวบุญธรรม?”
หลินจือรู้สึกตกตะลึงมาก คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป : “ลูกสาวบุญธรรมเหรอคะ?”
“ใช่”น้ำเสียงของจอร์แดนนั้นมีความจริงใจมาก “คุณเองก็รู้ว่าผมกับภรรยาเราแต่งงานกันมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ไม่มีลูกกันเลย รับคุณมาเป็นลูกสาวบุญธรรม พวกเราจะต้องปฏิบัติเหมือนกับคุณเป็นลูกสาวแท้ๆ ส่วนคุณที่มีพวกเราตระกูลแม็กซิมัสคอยอยู่เบื้องหลัง ต่อไปไม่ว่าจะเป็นที่เมืองเจสเวิร์ดหรือว่าที่เมืองเวลฟ์ ก็ไม่มีใครกล้ารังแกคุณ”
“ฉัน ฉัน……”หลินจือยังคงพูดไม่ออกอยู่เช่นเดิม แม้กระทั่งอยากจะร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอีกด้วย
ความจริงแล้วเธอไม่อยากจะเชื่อเลย นักเขียนที่เธอให้ความเคารพนับถือมากที่สุดบอกว่าจะรับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมแบบนี้?
สามารถได้มาเจอกับจอร์แดน อีกทั้งสามารถได้มาแก้ไขนิยายของจอร์แดนนั้น หลินจือก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเกียรติมากแล้ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะยังสามารถเข้าใกล้จอร์แดนได้อีกขั้นนึง
โดยเฉพาะถูกรับเลี้ยงให้เป็นลูกสาวบุญธรรม กลายเป็นคนในครอบครัวแบบนี้
จอร์แดนเองก็รู้ว่าข้อเสนอนี้ของตัวเองทำให้หลินจือตกใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บังคับหลินจือ และยังรีบเอ่ยขึ้นมาอีก : “ผมรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก คุณจะต้องไปปรึกษากับพ่อแม่ของคุณก่อน”
“แบบนี้แล้วกัน ผมเองก็เคารพความคิดเห็นของครอบครัวของคุณ พวกคุณปรึกษากันก่อน ถ้าหากไม่ยอม ผมก็ไม่บังคับ”คำพูดของจอร์แดนนั้นล้วนแต่เข้าใจหลินจือทั้งสิ้น
“แต่ที่ผมจะต้องทำให้คุณรู้ก็คือ ผมรับคุณเป็นลูกสาวบุญธรรม เป็นเพราะชอบเด็กแบบคุณ อยากจะให้คุณมีชีวิตที่ดี ไม่อยากให้ถูกคนแบบซูซีรังแกเอาได้”
“พวกเราเองก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่าไม่มีลูก จึงคิดอยากที่จะรับคุณมาเป็นลูกบุญธรรม ไม่ได้หวังที่จะให้คุณต้องมาเลี้ยงดูพวกเราตอนแก่แบบนั้น”
หลินจือพยักหน้าลง : “ฉันรู้ค่ะว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น และคุณเองก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยด้วย”
จากทรัพย์สินและฐานะทางครอบครัวของจอร์แดนแล้ว จำเป็นที่จะต้องมีคนมาดูแลเลี้ยงดูจนแก่เฒ่าเสียที่ไหนกัน พวกเขาสามารถใช้เงินจ้างแม่บ้านพี่เลี้ยงดีๆได้เลย
“คุณอยากจะรับฉันไว้เป็นลูกสาวบุญธรรม เป็นเกียรติของฉันมากเลยค่ะ”หลินจือไม่สามารถอธิบายเรื่องของพ่อแม่ตัวเองกับจอร์แดนได้ในทันที นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้คำพูดที่รวบรัดมาอธิบายอย่างชัดเจนทางโทรศัพท์ได้
“แต่–”ก้นบึ้งในใจของหลินจือนั้นเต็มไปด้วยความกลัว “ฉันกลัวว่าจะไม่คู่ควรกับสถานะที่อยู่สูงกว่าได้….”
หลินจือพูดออกมาก็คือความในใจ เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากจริงๆ
เธอก็เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง บางทีมีความสามารถอยู่บ้างทางด้านการเขียน แต่เป็นไปได้อย่างไรที่จะได้รับความรักจากบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างจอร์แดนแบบนี้?
เธอไม่มีแม้กระทั่งครอบครัวที่สมบูรณ์เลยเสียด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใคร……
จอร์แดนและตระกูลแม็กซิมัสมีชื่อเสียงและมีอำนาจมากขนาดนั้น ถ้าหากเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของจอร์แดน เธอกลัวมากว่าโลกภายนอกจะวิจารณ์กันไปในทางลบ กับตัวเธอเองนั้นไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่ทำให้จอร์แดนกับตระกูลแม็กซิมัสเดือดร้อนไปด้วยจะทำอย่างไร?
จอร์แดนหัวเราะขึ้นมา : “มีอะไรให้ไม่คู่ควรกับสถานะที่สูงส่งกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนความจริงแล้วก็ธรรมดาทั่วไปด้วยกันทั้งนั้น คุณไม่จำเป็นต้องมีความกดดันทางด้านนี้เลย”
“ผมรู้ว่าความรู้สึกของคุณจะต้องซับซ้อนอย่างแน่นอน เอาแบบนี้แล้วกัน คุณลองพิจารณาดูก่อน พรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบ”สุดท้ายจอร์แดนก็พูดเอาไว้แบบนี้
“ค่ะ”หลินจือพยักหน้าลงแล้วตอบรับ
ความรู้สึกของเธอนั้นซับซ้อนมากจริงๆ ขึ้นๆลงๆยิ่งกว่ารถไฟเหาะเสียอีก
สิ้นสุดบทสนทนาทางโทรศัพท์กับจอร์แดนแล้ว หลินจือก็นั่งอยู่บนโซฟาอยู่พักหนึ่งโดยไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เลย
ความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องพิจารณา แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปรึกษาครอบครัวด้วย ตอนที่จอร์แดนพูดออกมาว่าจะรับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมนั้น เธอก็อยากจะบอกว่าเธอยินยอม เธอยินยอมมาก
ความรู้สึกระหว่างคนเราก็เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก ถึงแม้ว่าเธอกับจอร์แดนเพิ่งจะเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่เธอก็รู้สึกสนิทกับจอร์แดนได้โดยสัญชาตญาณ แล้วก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่จริงใจที่จอร์แดนกับภรรยามีต่อเธอ
เธอเชื่อว่าเป็นลูกสาวของพวกเขา จะต้องได้รับความรักอย่างแน่นอน