ภาค 3 บทที่ 188 เสร็จเรื่องสะบัดแขนเสื้อจากไป

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

ราตรีมาเยือน ผืนดินเหมันต์ฤดูหนาวหนาวเหน็บ 

 

 

ในหมู่บ้านที่ชำรุดทรุดโทรมแห่งหนึ่งไฟกองใหญ่ลุกไหม้ กระหนาบด้วยเสียงหัวเราะประหลาด 

 

 

แสงไฟส่องทหารม้าสิบกว่าคนเดินทางตัดผ่านตรงกลาง เดินทางพลางมองบ้านที่ลุกไหม้พลาง 

 

 

หมู่บ้านแห่งนี้เห็นชัดว่าไม่มีคน บ้างหนีไปแล้ว บ้างตายแล้ว แต่แม้เป็นหมู่บ้านเปล่าแห่งหนึ่ง พวกเขาก็ยังต้องจุดไฟเผาของที่เผาได้ให้เกลี้ยง 

 

 

นอกหมู่บ้านกระโจมตั้งอยู่ หมู่บ้านที่ควันและเปลวเพลิงลุกไหม้ท่ามกลางราตรีตรงหน้าคล้ายกลายเป็นกองไฟของพวกเขา 

 

 

ชุดเกราะถอดวางลง สตรีและสัมภาระที่แบกไว้บนหลังม้าล้วนถูกดึงลงมาแล้ว เนื้อถูกพาดย่างอยู่บนไฟ พวกผู้หญิงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน 

 

 

หนึ่งผู้เฒ่าหนึ่งเด็กน้อยที่หมอบอยู่ในคูน้ำข้างบ้านที่ติดไฟสองคนสีหน้าเหม่อลอยทั้งยังสิ้นหวัง 

 

 

คนในหมู่บ้านนอกจากที่หนีไปก็ล้วนตายเกลี้ยงแล้ว พวกเขาหลบอยู่ในห้องใต้ดิน ถูกศพของคนในครอบครัวทับไว้ถึงหนีพ้นภัยมาได้ เพิ่งปีนออกมาจากห้องใต้ดินก็พบกับฉากนี้ 

 

 

นี่เป็นเมืองไคเต๋อนะ นี่ไม่ใช่เขตของชาวจินสักหน่อย พวกเขาสิบกว่าคนแค่นี้ก็ถึงกับเหิมเหริมเช่นนี้ 

 

 

เหิมเกริมขนาดยามเที่ยงคืนสิบกว่าคนยังกล้าตั้งค่ายกลางแจ้งบนที่ซึ่งห่างจากเมืองไคเต๋อระยะหนึ่ง 

 

 

มองดูหมู่บ้านที่ลุกไหม้ ได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกหญิงสาวด้านนั้น ผู้เฒ่าน้ำตาไหลริน อุดปากเด็กน้อยในอ้อมกอดไว้แน่น กลัวว่าเขาจะส่งเสียงร้องออกมา 

 

 

ทหารโจวเล่า? 

 

 

ทหารโจวที่มาช่วยเล่า? 

 

 

หลังร่างพลันมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา 

 

 

ปรากฏตัวเงียบเชียบกลางราตรีมืดนี้ดุจดั่งภูตผี ผู้เฒ่าหวาดกลัวจะหลุดเสียงร้อง แต่มือข้างนั้นปิดปากเขาไว้แล้ว 

 

 

เสียงถูดอุดไว้ไม่เล็ดลอดสักนิด 

 

 

“อย่ากลัว คนตัดฟืน” 

 

 

เสียงทุ้มต่ำข้างหูดังขึ้นตามมา 

 

 

คนตัดฟืนอะไร? สมองผู้เฒ่าขาวโพลน เห็นคนผู้นั้นซุ่มหมอบอยู่ข้างกาย อาศัยแสงไฟจึงมองเห็นว่านี่เป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง บนหน้ามอมแมม มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งระยิบระยับดุจดวงดารา 

 

 

มือข้างหนึ่งของเขาชูศรคันหนึ่ง พร้อมกับที่เอ่ยวาจาก็เล็งไปที่ทหารจินบนที่โล่ง 

 

 

เขาคิดทำอะไร 

 

 

ความคิดของผู้เฒ่าเพิ่งแล่นผ่านไปก็ได้ยินเสียงฟึบทีหนึ่ง ศรหนักดอกหนึ่งหลุดจากสาย พร้อมกับที่เสียงดังขึ้นก็เห็นโจรจินคนหนึ่งที่กำลังโอบหญิงสาวทำเรื่องชั่วชาคนหนึ่งกรีดร้อง คนล้มไปข้างหน้าหมอบคว่ำบนพื้นชักกระตุกสองทีก็ไม่ขยับแล้ว 

 

 

ค่ายที่เดิมทีหัวเราะเบิกบานเปลี่ยนเป็นโกลาหลทันที ทหารจินสิบกว่านายคว้าอาวุธข้างกาย ร้องด่าเสียงดุดันมองสะเปะสะปะรอบด้าน 

 

 

ผู้เฒ่าสั่นเทาทั้งตัว 

 

 

ใจกล้าเกินไปแล้ว ใจกล้าเกินไปแล้ว 

 

 

การลอบโจมตีนี่สังหารได้เพียงคนเดียว หลังจากนั้นย่อมทำให้โจรจินที่ประหนึ่งสุนัขป่าประหนึ่งพยัคฆ์เหล่านี้ตื่นตัว 

 

 

ผู้เฒ่ามองชายหนุ่มข้างกาย เขาไปมาดั่งใจ โจมตีได้ทีหนึ่งก็หนีได้ทันที แต่ตนกับหลานหนีไม่ไหวหรอกนะ 

 

 

หนีไม่ไหวก็หนีไม่ไหวสิ อย่างน้อยได้เห็นทหารจินคนหนึ่งถูกฆ่าตายด้วยตาตนเองก็เพียงพอให้สาแก่ใจแล้ว 

 

 

เขาแก่แล้วไม่มีประโยชน์แล้ว สังหารศัตรูไม่ได้ มีชีวิตอยู่ก็ไร้ประโยชน์ แต่พ่อหนุ่มคนนี้ต้องมีชีวิตรอดแน่ เขาสังหารศัตรูได้ แก้แค้นได้ 

 

 

“เจ้ารีบไป ข้าจะล่อพวกเขา…” ผู้เฒ่าขยับปากเอ่ยงึมงำ 

 

 

ชายหนุ่มก็ไม่รู้ฟังเข้าใจหรือไม่เข้าใจ คลายมือออกแต่กลับไม่ได้หมุนตัววิ่งออกไปอย่างที่ผู้เฒ่าคิด กลับโผร่างไปทางทหารจินกลุ่มนั้น 

 

 

เขาบ้าไปแล้วรึ! 

 

 

ผู้เต่าร้องเรียกก็ร้องไม่ออก กอดหลานในอ้อมกอดแน่น ทั้งกลัวทั้งปวดใจหลั่งน้ำตา 

 

 

พ่อหนุ่มคนนี้คงบ้านแตกสาแหรกขาด เพื่อแก้แค้นจึงแลกชีวิตสู้สักหน ไม่คิดมีชีวิตอีกแล้ว 

 

 

ชายหนุ่มคนนั้นประจันหน้าปะทะกับทหารจินที่ค้นพบเขาแล้ว 

 

 

ใต้แสงไฟรอบด้านสาดส่อง คันศรในมือเขาเปลี่ยนเป็นดาบใหญ่แล้ว 

 

 

การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มคนนี้เร็วอย่างที่สุด ตอนพุ่งไปถึงหน้าทหารจินเหล่านั้น ดาบด้ามยาวในมือทหารจินคนหนึ่งยังไม่ทันเหวี่ยง 

 

 

เสียงพรวดทุ้มต่ำดังขึ้น ดาบในมือชายหนุ่มแทงเข้าไปในหน้าอกของเขา ทหารจินคนนั้นส่งเสียงคำราม คนก็ถูกเหวี่ยงไปด้านข้าง กระแทกบนร่างทหารจินอีกคนหนึ่ง 

 

 

สองคนต่างร้องโอดโอยล้มลง 

 

 

ชายหนุ่มไม่ได้ไล่สังหารตามไปอีกดาบ คนหมุนตัวไปแล้ว ดาบในมือที่ยังเปรอะเลือดของทหารจินคนนั้นเมื่อครู่อยู่ฟันลำคอของทหารจินที่ชูดาบฟันเข้ามาท่าทางดุร้ายด้านหลังร่างอย่างแม่นยำ 

 

 

ทหารจินคนนั้นไม่ทันส่งเสียงก็หมุนเคว้งล้มไปด้านหลัง 

 

 

หนึ่งพริบตาหนึ่งการเคลื่อนไหวสังหารทหารจินสองนายรวดเดียวสำเร็จนี่ เร็วจนผู้เฒ่าที่หลบอยู่ด้านข้างล้วนแทบมองไม่ชัด 

 

 

พ่อหนุ่มร้ายกาจนัก! 

 

 

ผู้เฒ่ามองดูจนหนังศีรษะชาแทบจะกลั้นลมหาใจ 

 

 

พ่อหนุ่มที่ร้ายกาจเช่นนี้ ห้ามตายเด็ดขาดเชียวนะ 

 

 

แต่นี่เป็นไปได้หรือ? 

 

 

นี่มีทหารจินตั้งสิบสองคน ส่วนเขามีเพียงตัวคนเดียว 

 

 

หลังความคิดของเขา ชายหนุ่มคนนั้นก็ตะลุมบอนกับทหารจินที่เหลือแล้ว 

 

 

พวกทหารจินเข่นฆ่าจนเลือดขึ้นตาเช่นกัน ร้องด่าโฮกฮากเป็นภาษาหู 

 

 

แสงไฟโลดเต้น ราตรีมืดหม่น ผู้เฒ่ารู้สึกเพียงสองหูดังวิ้งๆ ตาลายสับสน เห็นเพียงทหารจินคนหนึ่งแล้วอีกคนหนึ่งล้มลง 

 

 

ฟันศีรษะ แทงหน้าอก ปาดคอ หนึ่งคนหนึ่งดาบ หนึ่งดาบจบชีวิต ดาบแล้วดาบเล่าไม่พลาดเป้า หนึ่งคนต้านสิบคน 

 

 

ผู้เฒ่ามองอึ้งแล้ว พวกผู้หญิงที่ถูกชิงตัวมาใกล้ๆ ก็มองอึ้งไปเช่นกัน ท้ายที่สุดกระทั่งทหารจินที่โชคดีเหลืออยู่ก็มองดูอึ้งงันไปเช่นกัน 

 

 

ทหารจินสองคนที่โอหังดุร้ายมาตลอดบนหน้าผุดความกลัว 

 

 

ความกลัวนี่ทำให้คนหนึ่งในนั้นก้าวเท้าสับสน ดาบในมือชายหนุ่มฟันเฉียงพาดหัวไหล่เขา แทบจะวาดถึงหน้าอกของเขาทั้งอย่างนั้น 

 

 

เทียบกับคนอื่นที่หนึ่งดาบจบชีวิตพริบตาตายจากไป ทหารจินคนนี้ส่งเสียงกรีดร้องดังทั้งยังยาวนาน 

 

 

ตัวคนกลิ้งอยู่บนพื้น เสียงกรีดร้องสะเทือนแก้วหูแทบดับแล้วก็โจมตีทำลายจิตใจของทหารจินคนสุดท้ายด้วย 

 

 

“ลอบโจมตี” เขาใช้สำเนียงประหลาดตะโกนคำภาษาฮั่นออกมาประโยคหนึ่งจากนั้นก็หมุนตัววิ่งไปทางม้า 

 

 

แต่ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เขาเพิ่งหมุนตัว ดาบในมือชายหนุ่มก็พุ่งเข้ามาแล้ว แทงเข้ากลางหลังเขา กรีดร้องทีหนึ่งคนก็โถมล้มลงกับพื้นชักกระตุก 

 

 

ชายหนุ่มก้าวเท้าไปข้างหน้าตามเขา เหยียบบนหลังทหารจินคนนั้น ชักดาบออกมาอย่างแรง เลือดพุ่งกระเซ็นทั่วร่างทันที 

 

 

“สดนักเชียว ไม่ลอบโจมตี จะให้ข้าเล่นละครแจ้งนามสำนักให้พวกเจ้าดูก่อนเรอะ” เขาแค่นเสียงเอ่ย 

 

 

ไฟในหมู่บ้านยังคงลุกไหม้ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ระหว่างนั้นบางครั้งเสียงสะพานกำแพงล้มถล่มก็ดังแทรก นอกเหนือจากนี้ทุกสิ่งก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ 

 

 

ความเงียบสงบนี้คงอยู่เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังครู่หนึ่งพวกผู้หญิงที่โชคดีหนีพ้นภัยเหล่านั้นพลันร่ำไห้โฮ 

 

 

“ผู้มีพระคุณ ผู้มีพระคุณ”พวกนางร่ำไห้พลางตะโกนโขกศีรษะคำนับชายหนุ่มคนนี้ 

 

 

ผู้เฒ่าที่หลบอยู่ด้านข้างก็อุ้มเด็กน้อยโซซัดโซเซวิ่งมาด้วย 

 

 

แต่ชายหนุ่มคนนี้เหมือนไม่มีเวลาสนใจพวกเขา เพียงค้นบนร่างทหารจินที่ตายไป คล้ายหาสิ่งที่พึงพอใจไม่พบ ปากก็ด่าทอ 

 

 

“จนเป็นบ้าจริงๆ” 

 

 

ผู้เฒ่าที่อุ้มเด็กเดินมาใกล้ๆ ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขา 

 

 

จนเป็นบ้า? เขาต้องการหาอะไร? จะหาเงินทองของมีค่าหรือ? 

 

 

สังหารทหารจินต้องสนใจสิ่งนี้อีกหรือ? 

 

 

“ผู้มีพระคุณ” ผู้เฒ่าเสียงสั่นเอ่ย อุ้มหลานคุกเข่าโขกศีรษะคำนับ 

 

 

ชายหนุ่มกลับลุกขึ้นเดินจากไปแล้ว 

 

 

“พวกเจ้ารีบไปเถอะ” เขาเอ่ย “ข้าไม่มีเวลาแล้วก็ไม่มีหนทางคุ้มครองพวกเจ้าไปถึงสถานที่ปลอดภัย” 

 

 

ไม่รอผู้เฒ่ารวมถึงพวกผู้หญิงเอ่ยอะไรอีก คนก็ก้าวไวๆ พุ่งเข้าไปในความมืดแล้ว เฉกเช่นเดียวกับยามมาพริบตาก็ไม่เห็น 

 

 

หากไม่ใช่ทหารจินที่นอนอยู่บนพื้น ทุกคนยังสงสัยว่านี่เป็นฝันครั้งหนึ่ง 

 

 

“เขาเป็นใคร?”ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงเครือ 

 

 

หรือจะเป็นทหาร แต่เคลื่อนไหวลำพังทั้งยังกล้าคนเดียวสู้กับทหารสิบสองคน ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ 

 

 

หากทหารร้ายกาจเช่นนี้กันหมด เมืองไคเต๋อของพวกเขาใยถึงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นวันนี้ 

 

 

ผู้เฒ่าคิดถึงประโยคหนึ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นข้างหูตอนแรกปรากฏตัวได้เลือนราง 

 

 

“เขาว่า เขาเป็นคนตัดฟืน” เขาเอ่ยพึมพำ 

 

 

คนตัดฟืนชนบทนี่ร้ายกาจปานนี้เชียวรึ