ณ ร้านค้าที่จิวหัว
ที่นี่แสงแดดช่างอบอุ่นท้องฟ้าสดใสซึ่งแตกต่างจากเมืองครึ่งที่นั่นล้วนเต็มไปด้วยเมฆหมอกและฟ้าครึ้มตลอดปี
จิวหัวในตอนนี้แม้จะเป็นฤดูหนาวแต่แสงแดดบนท้องฟ้าที่ส่องลงมายังคงให้ความอบอุ่นแก่ทุกคน เมื่อมองผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่เราจะเห็นนักรบหนุ่มหลายคนกำลังฝึกฝนเทคนิคกำปั้นอยู่บนท้องถนน
ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อสีม่วงเขากำลังเหวี่ยงมือขวาไปทางพื้นดินในรูปตะขอและตะโกนว่า “ตาย!” รมปรานภายในที่กำลังร้อนได้ที่ปรากฏขึ้นเป็นเปลวไฟสีแดงสดและยิงพุ่งไปยังพื้นดินด้วยความเร็วสูง
“ฮ่าฮ่าฮ่า .. ฮ่าฮ่า!” ชายหนุ่มหัวเราะ “จากนี้ไปเรียกข้าว่าโลริยากามิ!”
“ออกไป!” หลินเซียวเงยหน้ามองเขา “ชิกิยามิบาไรของโลริยากามิ ยิงเปลวไฟสีม่วง แต่ของเจ้าเป็นสีแดงเป็นการดีสำหรับเจ้าหากได้เรียนรู้เทคนิคกำปั้นของเคียวคุซานากิ”
“เทคนิคกำปั้นของเคียวคุนั้นไม่ยากสำหรับข้า!” ซงฉิงเฟิงหัวเราะและต่อยทันใดนั้นเปลวไฟก็ปรากฎขึ้นบนกำปั้นของเขา
ขณะเดียวกันเขาใช้กำปั้นที่ทรงพลังพักเปลวไฟออกไปทั่วทิศทางรอบตัวเขาตอนนี้แพร่กระจายคลื่นความร้อนไปรอบทิศ สถานที่ในฤดูหนาวตอนนี้กลับกลายเป็นวันที่ร้อนแรง
“สุดยอด!”
“เจ้าช่างเหมือนกับเคียวคุซานากิ!”
“ชิกิโอโรชินากิ!”
“ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก” ซงฉิงเฟิงดูเคอะเขิน
“มันจะยากแค่ไหนกัน!?” นาหลันหมิงสือและหลัยยันที่กำลังเดินไปที่ร้านพูดคุยกันระหว่างทาง
คลื่นที่ออกจากมือขวาของนาหลันหมิงสือมีสีฟ้าที่ดูเย็นยะเยือกมันกลั่นตัวออกมาจากพลังลมปรานในร่างกายของเธอ จากนั้นเธอก็ยิงเปลวไฟสีฟ้าออกไป!
คลื่นพลังเปลวไฟพร้อมลมปรานที่รวมตัวกันพุ่งออกมา มันผ่านมวลอากาศในพื้นที่ส่งผลให้เกิดเกล็ดผลึกน้ำแข็งที่เปล่งปลั่งและเป็นประกายใต้แสงดวงอาทิตย์
“โอ้!” คนอื่นจองมองเธอสวยสายตางุนงง “ทำไมเจ้าถึงสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว”
“เจ้ารู้วิธีใช้เทคนิคของมูชิกิด้วยหรอ?”
“ยังไม่!” นาหลันหมิงสือยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน
มันเป็นเวลาเช้าและเจียงเสี่ยวหยูเองกำลังเตรียมตัวและนั่งนับเงินอยู่หลังเคาน์เตอร์พลางกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นาหลันฮงวูเองก็ได้ซื้อกล่องขนมแท่งรสเผ็ดและบะหมี่หนึ่งถ้วยเช่นกันตอนนี้เขานั่งเล่นอยู่ตรงห้องโถ่งพร้อมด้วยผู้เฒ่าฟูที่กำลังยกโค้กดื่มด้วยความกระหาย
ซูเทียนจิและสาวกคนสนิทของเธอเองก็ไม่น้อยหน้าพวกเขารวมตัวกันอยู่ที่โซฟาทำกิจวัตรประจำวัน อันหูเว้ยและคนอื่นๆ เริ่มเดินเข้าร้านมาตามเวลา
ซูฉีซินและเฉินชิงชิงก็นั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาตัวโปรด ความวุ่นวายในเมืองครึ่งไม่ได้รบกวนบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลายในสถานที่แห่งนี้เลย ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมแม้ว่าฟางฉีจะไม่อยู่
“เจ้าฟางฉีไปที่ดินแดนทะเลดวงดาวนานแล้ว!” นาหลันฮงวูเปรย “ข้าว่าข้าเองยังไม่ค่อยชินเมื่อเขาไม่อยู่”
“แต่เรายังสามารถดูหนังและเล่นเกมกับเขาได้ปกติ” หลันโมกล่าวขณะตักบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปาก
“นั่นคือความเสมือนจริง มันไม่ใช่ของจริงซะหน่อย!” ซูเทียนจิกล่าว
“ดี! ข้าละสงสัยว่าเจ้าของร้านจะกลับมาเมื่อไร?” ในที่สุดซงฉิงเฟิงก็แสดงเทคนิคกำปั้นของเขาเสร็จแล้ว เขานั่งพักบนโซฟาพร้อมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือ “ตอนนี้ข้าเริ่มเข้าใจในเทคนิคการควบคุมดาบแล้ว ถ้าข้าบินอีกครั้งข้าจะอวดเขา!”
เขายังจำเหตุการณ์ครั้งก่อนที่เคยเกิดขึ้นกับเขาได้ .. ตอนนี้เขาเกือบชนพื้น
“้เสี่ยวหยู” หลันยันซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จสองชามและพูดว่า “ฟางฉีออกไปก็นานแล้วเจ้าคิดถึงเขามั้ย?”
“ทำไมข้าต้องคิดถึงหัวหน้าร้านตัวร้ายด้วย!” เสี่ยวหยูหัวเราะ “ด้วยผู้ฝึกฝนที่ทรงพลังและหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่หน้าตาสวยงามและน่ารักในเมืองครึ่ง ข้าว่าเข้าคงกำลังสนุกและไม่อยากกลับมาที่นี่แล้ว!” เสี่ยวหยูบ่น
“ฮัชชิวว!” ขณะนี้มีบางคนกำลังจามพลางเดินลงมาจากบรรได “มันช่างเป็นเวลาเช้าตรู่เหมือนว่าข้าได้ยินบางคนกำลังพูดถึงฉัน”
“เสียงนี้มัน .. คุ้นมาก”
โดยไม่ทันรู้ตัวทุกคนหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน
“หัวหน้า!?” เจียงเสี่ยวหยูปิดปากตัวเองและมองด้วยสายตาไม่เชื่อ “ท่านลงมาจากฉันบนได้ยังไง!?”
“มันเป็นเพราะพลังของข้า!”มวลหมอกสีแดงดำลอยตามหลังฟางฉีลงมา “พลังที่ยิ่งใหญ่ของข้าสามารถคลื่นยายเด็กคนนี้มาจากที่ไกลแสนไกล!”
คนอื่นมองด้วยสายตางุนงง “ท่านนั่นอะไร!?”
“ข้าเป็นปีศาจที่สร้างขึ้นจากธรรมชาติ!” เสียงนั่นตอบด้วยความกระตือรือร้น “มนุษย์ปุถุชนควรพูดกับข้าในฐานะที่ข้าเป็นปีศาจผู้ยิ่งใหญ่”
“ทรงพลัง?”
“ปีศาจ? มันคืออะไร?”
ผู้คนเริ่มหันไปพูดคุยกันเอง ไม่มีใครในจิวหัวเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน!
“ออกไป!” ฟางฉีไล่มันขึ้นไปข้างบน “ข้าเพิ่งสร้างเทเลพอร์ตใหม่และใช้พลัง ..”
เขาชี้ไปข้างบน “ไม่ใช่ตรงนี้!”
ทุกคนเงียบ
“เจ้าพูดไม่ถูก!” มวลเมฆสีดำลอยลงมาอีกครั้ง “ฟังนะ! ข้าเป็นผีศาจนักบุญผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎของธรรมชาติ ถ้ามีใครเรียกข้าว่าท่ายผู้ยิ่งใหญ่และสุภาพกับข้าละก็ข้าจะสอนเกี่ยวกับความเข้าใจในกฎ ..”
ก่อนที่มันจะพูดจบมันถูกเตะปลิวไปทางอื่น
“อ่า! อ่า! เจ้ากล้าทำอย่างนี้กับข้าได้ยังไง!? ข้าทำให้เจ้ามีชีวิตรอด .. อ๊ะ!”
มันโวยวายพร้อมกรีดร้องโหยหวนจากการโดนเตะกลับไปยังชั้นบน
ฟางฉีจัดการกลับมันเสร็จเขาหันมาจับแกล้มป้องๆ ของเสี่ยวหยูและพูดว่า “สาวน้อยเจ้าอ้วนขึ้นเพราะอาหารสินะ!”
“…”
…
เวลาเดียวกันในดินแดนลึกลับของกลุ่มไทชิ
“กลุ่มไทชิจะตายอย่างทรมาน!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากส่วนลึกของดินแดนลึกลับ
สายฟ้าฟาดลงเข้าไปในดินแดนลึกลับดู๋เหยาที่ใส่เสื้อคลุมสีขาวลวดลายสีทองบืนมองด้วยสีหน้าเยือกเย็น “มันนานมากแล้วแต่ก็มีบางคนที่ยังคงต่อต้านอยู่”
ผู้ฝึกฝนวัยกลางคนเอ่ย “ความศักดิ์สิทธิ์จากผู้อาวุโสในกลุ่มต่างๆ รวมกันอยู่ที่นี่”
ผู้เฒ่าผู้อาวุโสจากกองกำลังต่างๆ อย่างภูเขาหยก วังมังกรและหลิงหลางได้ถูกอันเชิญให้มายังที่นี่ ผู้ฝึกฝนตัวเล็กร่างอ้วนเป็นคนแรกที่เอ่ยปาก “ความศักดิ์สิทธิ์ในกระบวนการบำบัดของเหล่าสาวกของเราเป็นเช่นไรบ้าง?”
ดู๋เหยาไม่ตอบ เขาปราบตามองไปที่ผู้ฝึกฝนวัยกลางคนข้างๆ เขาแทน
เขาก้มหน้าลงขณะตอบ “ศิษย์ส่วนใหญ่ทำงานได้ดี แต่น่าเศร้าที่พวกเขาบางคนติดอินเตอร์เน็ตเขาจึงทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพนัก”
“อะไร!?” ผู้ฝึกฝนอีกคนได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “ติดอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ทรงพลังหรือไม่!?”
ผู้ฝึกฝนยังคงรายงานต่อว่า “เรารู้สึกประหลาดใจเช่นกัน โชคดีที่เราพบปัญหาในเวลาที่รวดเร็ว มิฉะนั้นพิษของการเสพติดคงจะแพร่กระจายไปทั่ว หากผู้ฝึกฝนนับหมื่นติดพิษนี้คงจะไม่มีใครช่วยเราได้!”
“ถ้าอย่างนั้น .. เราควรทำอย่างไรกันดีตอนนี้!” พันปีที่ผ่านมานักบวชสามประตูเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในการแห่งการฝึกฝน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวในโลกแต่คำพูดของพวกเขาถือว่ามีน้ำหนักที่สุดในกลุ่มฝึกฝน
ผู้ฝึกฝนไทชิกล่าวว่า “วิธีเดียวที่เราจะหยุดภัยร้ายนี้คือการทำลายร้านค้านั้นและตัดต้นต่อของแหล่งที่มา!”