บทที่ 161 ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ไกอาและวีนารับรู้ได้ถึงความโกรธของจอร์แดนที่สะท้อนออกมา ทั้งสองมองหน้ากันยืนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น สติหลุดลอยไปชั่วขณะ

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหลินจือจะเป็นบุตรบุญธรรมของจอร์แดน ว่ากันตามตรง ตระกูลแม็กซิมัสในเมืองเวลฟ์เป็นตระกูลใหญ่ พวกเขาคงไม่อาจรับผลที่จะตามมาได้

วีนาดูถูกดูแคลนชาติกำเนิดของหลินจือมาโดยตลอด มักทำตัวสูงศักดิ์เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจือจนเคยชิน จู่ๆ ทุกอย่างกลับตาลปัตร หลินจือเป็นฝ่ายขึ้นมาอยู่เหนือกว่า หล่อนจึงโกรธแค้นจนแทบลมจับ

โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าพินอินลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง อาจได้รับโทษทางกฎหมายจริงๆ เธอยิ่งรู้สึกสิ้นหวัง

หลินจือเพิกเฉยต่อการแสดงออกของไกอาและวีนา สะอื้นพลางพูดกับจอร์แดนในสายโทรศัพท์ “อาจารย์จอร์แดนแค่นี้ก่อนนะคะ ฉันขอจัดการกับธุระตรงหน้าก่อน”

จอร์แดนกำชับเธออีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายไป

จากนั้น หลินจือเดินไปเปิดประตูให้เทาเท่ที่อยู่ข้างนอกเข้ามา

เธอใช้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับจอร์แดนทำให้ไกอาและวีนาตกใจกลัวได้ เทาเท่ที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ไม่มีความหมายอะไร

มันเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัวเขา เธอไม่ต้องการให้เขาออกหน้าเพื่อเธอ เพราะมันไม่มีความหมายใดๆ อีกต่อไปแล้ว

เทาเท่เดินเข้ามาด้วยทางท่าไม่สบอารมณ์ สิ่งแรกที่สายตาเขาจับจ้องคือหลินจือ ดูว่าเธอถูกมุ่งร้ายใส่หรือไม่ แต่หลินจือกลับไม่สบตา พลางก้าวถอยหลังหลบหนีจากสายตาเขา

“เทาเท่ ยัยเด็กนี่น่ะเหรอที่แกตกหลุมรัก!” ทันใดนั้นวีนาก็พูดกระแทกแดกดันขึ้นมา

เทาเท่ขมวดคิ้วพลันจ้องมองไปที่วีนา จากนั้นหล่อนก็เย้ยหยันขึ้นอีกว่า “แกยังไม่รู้หรอกเหรอ? ตอนนี้เธอไม่ใช่ธรรมดาแล้วนะ เป็นถึงลูกบุญธรรมของจอร์แดนเชียวล่ะ”

เทาเท่จ้องมองหลินจือด้วยความประหลาดใจ เธอเป็นลูกบุญธรรมของจอร์แดนงั้นเหรอ

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องเลยสักนิด

แต่หลินจือยังคงหลบสายตาเขา ไม่มีแม้คำอธิบาย

จู่ๆ เสียงแหลมสูงของวีนาก็ดังขึ้นมาอีก คำพูดบาดลึกเสียดแทงโดยไม่สนว่าจริงแท้แค่ไหน “อุ๊ย ลูกบุญธรรม ลูกบุญธรรม ฟังๆ ดูแล้วคำนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ ฉันคิดว่าภรรยาของคุณจอร์แดนเองก็คงสุขภาพไม่ค่อยดีจนทำให้เขาพอใจไม่ได้สิท่า เธอก็เลยปีนขึ้นไปอยู่บนเตียงเขาล่ะสิ!”

หลินจือไม่รู้ว่าวีนาใช้สมองส่วนไหนคิดอะไรสกปรกแบบนี้ออกมาได้ สีหน้าเธอพลันซีดลงร่างกายสั่นสะท้านไปได้ความโกรธ

เทาเท่เองก็เดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน หากคนที่ใส่ร้ายหลินจือต่อหน้าเขาวันนี้ ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเขา ชายหนุ่มคงตบสั่งสอนไปนานแล้ว

เทาเท่กัดฟันกรอดจ้องวีนาไม่วางตา จากนั้นเอื้อนเอ่ยออกมาทีละคำอย่างเย็นชา “แม่ ออกไปซะ และก็หุบแม่ของคุณด้วย ถ้าผมได้ยินคำพูดพวกนี้อีกเมื่ออยู่ข้างนอก คุณต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด!”

ความน่าเกรงขามดุดันบนตัวของเทาเท่ที่สั่งสมมานานหลายปีปะทุออกมา เวลานี้ แม้นพ่อและแม่ยังต้องตกใจกลัว

ดวงตาของวีนาแดงก่ำด้วยความโกรธหลังจากที่ได้สติกลับมาหล่อนก็พูดขึ้นว่า “เทาเท่ ฉันเป็นแม่แกนะ เพื่อผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ ตอนนี้แกออกหน้ารับแทนมันจนกล้าทะเลาะกับคนในครอบครัวเลยงั้นเหรอ!”

เมื่อได้ยินวีนาด่าหลินจือว่าไร้ยางอาย เทาเท่จึงเอื้อมมือไปดึงเธอมาหลบอยู่ด้านหลังตัวเองเพื่อเป็นการปกป้อง ใบหน้าหญิงสาวซีดลงจนน่ากลัว

เทาเท่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เหตุใดคนใกล้ชิดเขาทุกคน ถึงพยายามทำร้ายชีวิตหลินจือกันนัก เมื่อก่อนก็พินอิน แม่ ตอนนี้แม้แต่พ่อยังเข้ามาร่วมวงด้วย

เทาเท่ยืนประจันหน้ากับวีนา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ที่คุณแม่อ้างว่าคนในครอบครัว หมายถึงคุณแม่ คุณพ่อและก็พินอินใช่ไหม”

ยังไม่ทันที่วีนาจะได้ปฏิเสธ เทาเท่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่คุณปู่อยู่ข้างผม”

อำนาจความน่าเกรงขามของชายชรา เพียงพอจะต่อกรกับไกอาและวีนาได้

วีนากระอักคำพูดของเทาเท่จนพูดอะไรไม่ออก เพราะหากต้องให้ขยายความ นั่นก็คือกรรมสิทธิ์ทุกอย่างของตระกูลฟอเรน่าอยู่ในกำมือของเทาเท่และชายชราทั้งหมด

เธอกับไกอาไม่มีอำนาจเลยแม้แต่น้อย

ที่เรียกกันว่าผู้จัดการสมาคมการกุศลหรือการอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นเพียงชื่อเรียกสวยหรูเท่านั้น

เทาเท่พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “ผิดถูกรู้ดีอยู่แก่ใจ ตราบใดที่คุณพ่อคุณแม่และพินอินไม่สร้างอคติและเปิดใจกับเรื่องนี้สักนิด ผมเชื่อว่าหลินจือไม่ทำเรื่องยุ่งยากให้พวกคุณหรอก”

เธอเป็นคนอ่อนโยนจิตใจดี แค่มองให้เห็นความจริงใจเพียงสักนิด เรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็กได้

แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าซูซีหรือพินอิน ต่างไม่มีใครอยากขอโทษเธอด้วยใจจริง หรือจะพูดอีกอย่าง พวกเธอไม่เคยมองเห็นหลินจืออยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เทาเท่พลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทงหัวใจ

ต้องโทษเขา เป็นความผิดเขาที่ดูแลเธอไม่ดี ทำให้เธอต้องถูกหยามเหยียดแบบนี้

หากเขาคอยกุมมือเธอไว้ เกรงว่าพินอินคงทำได้เพียงแค่มองหน้าเธอเท่านั้น

“แก…” ในคำพูดแต่ละประโยคที่ออกจากปากเทาเท่ล้วนบอกว่าหลินจือเป็นคนดี วีนาโกรธจนพาลร้องไห้ออกมา

“เอาล่ะๆ เราไปกันก่อนเถอะ” ไกอาประคองวีนาที่กำลังสะอึกสะอื้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ต้องห้ามหล่อนก่อนจะสร้างปัญหาขึ้นมาอีก

พูดตามตรง ไกอาปวดหัวกับปัญหาของวีนาเอามากๆ เรื่องที่เขามีชู้ในตอนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะวีนาเอาแต่ก่อปัญหาไม่จบไม่สิ้น คงไม่เกิดขึ้นเรื่องใหญ่โตแบบนั้นขึ้นมา…

วีนาถูกไกอาลากออกไปขณะที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย เทาเท่จึงเดินไปปิดประตูบ้านหลินจือทันที บานประตูที่กั้นกลาง ชายหนุ่มได้ยินเสียงวีนาก่นด่าไกอากลั้วเสียงสะอื้น “พวกผู้ชายตระกูลฟอเรนา ไม่มีใครดีเลยสักคน!”

เทาเท่ไม่สนใจไยดีคุณแม่ที่กำลังคร่ำครวญจะเป็นจะตาย และเขาก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้น

เพราะหลินจือกำลังโอบกอดตัวเองอย่างน่าเวทนา แล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงตามผนังห้อง เธอนั่งก้มหน้ากอดเข่าตัวเอง จนเทาเท่มองไม่เห็นสีหน้าของเธอ แต่รับรู้ได้จากไหล่บางที่กำลังสั่นเทา เธอร้องไห้

เทาเท่กำหมัดแน่น ชายหนุ่มใช้วิธีนี้เพื่อระงับความทุกข์ใจของตัวเอง

เขาลูบตามองคนที่นั่งอยู่บนพื้น จากนั้นเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาทีละคำ “ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น”

เขาเชื่อเธอ เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจอร์แดนเป็นแค่พ่อกับบุตรบุญธรรมเพียงเท่านั้น แม้เขาไม่รู้ว่าทำไมทั้งคู่ถึงมาบรรจบกันได้เช่นนี้ก็ตามที

หลินจือค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ด้วยสายตาเย้ยหยัน “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นงั้นเหรอ”

เพราะใบหน้าซีดเผือด ทำให้การแสดงออกของเธอในเวลานี้ดูเย็นชาอย่างมาก แม้แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาก็เยือกเย็นไม่แพ้กัน “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าคุณก็คิดแบบนั้นเหรอ ฉันเป็นคนไร้ยางอายโลภมากในทรัพย์สมบัติไม่ใช่หรอกเหรอ”

สามปีที่เธออยู่กับเขา เทาเท่ใช้เรื่องที่เธอฉวยโอกาสปีนขึ้นเตียงเขาตอนเมามาคอยทำให้เธออับอายอยู่ร่ำไป

เธอพยายามอย่างนับครั้งไม่ถ้วนเพื่ออธิบายว่า ตัวเองถูกสองพ่อลูกตาลีกับชาร์ลีวางแผน แต่เขาก็ไม่เคยฟัง

เขาตัดสินว่าเธอเป็นคนไร้ยางอาย แต่ตอนนี้กลับเชื่อว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้นงั้นเหรอ

ไม่ได้กระแนะกระแหนกันหรอกใช่ไหม

หลินจือพูดพร้อมน้ำตาที่พรั่งพรูลงมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดของวีนา หรือคำพูดกลับกลอกขัดแย้งในตัวเองของเทาเท่กันแน่ที่ทำให้เธอโกรธ

ความคิดสกปรกโสมมของวีนา ทำให้หลินจือรู้สึกคลื่นไส้

เธอไม่สนใจว่าวีนาจะพูดใส่ร้ายตนอย่างไร แต่เหตุใดต้องพูดถึงจอร์แดนแบบนั้น คำวิพากษ์วิจารณ์ต่อจอร์แดนในแวดวงนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาวีนาคงจะล่วงรู้ทุกอย่าง