“หลินจือ” เทาเท่คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความสำนึกผิด “ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าตัวเองเคยพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น”
“แต่ตอนนี้ผมเข้าใจคุณแล้ว มองเห็นความดีของคุณ อคติที่มีต่อคุณเมื่อก่อนก็เปลี่ยนไป”
“ผมผิดไปแล้ว ผมยอมรับ แต่คุณจะให้โอกาสผมกลับตัวกลับใจใช่ไหม”
“และการกลับใจของผม คือจากนี้ไปผมจะดูแลและปกป้องคุณให้ดี แต่ตอนนี้ถ้าคุณจะตีผมให้ตาย เมินเฉยไม่สนใจไยดี ผมคงไม่มีแม้โอกาสเผยความรู้สึกของตัวเอง”
โดยเฉพาะตอนนี้ เธอกำลังปิดประตูไม่ให้เขาเข้าไปข้างในใจ
ชายหนุ่มผู้อยู่ข้างนอกที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างในบ้าง ยิ่งคิดภายในใจยิ่งวิตกกังวล
ความรู้สึกลึกๆ บอกว่าเธอไม่ต้องการเขาอีกแล้ว พูดตามตรง ใจเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกสิ้นหวัง
หลินจือที่กำลังร้องไห้ หลังจากได้ฟังคำพูดของเขาเธอก็ปาดน้ำตา จ้องมองดวงตาของชายหนุ่มอย่างเย้ยหยัน “เทาเท่ คุณก็ยังเห็นแก่ตัว ห่วงแค่ความรู้สึกของตัวเอง ไม่เคยคิดถึงจุดยืนของคนอื่น”
เทาเท่คิดไม่ถึงว่าการแสดงความจริงใจของตัวเอง กลับแลกด้วยการที่เธอบอกว่าเขาเห็นแก่ตัว
หลินจือมองเข้าไปในความคิดของเขา ลืมตาแล้วเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ฉันเป็นแฟนเจเทาวน์ คุณกลับมาบอกให้ฉันให้โอกาสคุณงั้นเหรอ?”
“คุณจะให้ฉันเป็นอะไร ทำให้ฉันอยู่ในสถานะเหยียบรถสองแคม คุณบอกว่าจะปกป้องฉัน ดูแลฉัน หรือพยายามทำลายฉันกันแน่?”
คำถามของเธอทำให้เทาเท่สลดลง
เขาลืมว่าเธอเป็นแฟนของเจเทาวน์แล้ว และไม่รู้ทำไม เขาบอกให้ตัวเองยอมรับความจริงเรื่องนี้ซะ แต่สมองกลับไม่ได้มองว่าเจเทาวน์กับเธอเป็นคู่รักกันเลยสักนิด
จิตใต้สำนึกของเขาปฏิเสธเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว ระหว่างหลินจือกับเจเทาวน์ไม่เหมือนคู่รักกันตั้งแต่แรก
ไม่เหมือนคู่รัก
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เทาเท่พลันยืดตัวยืนขึ้น และยกหลินจือหิ้วติดมือขึ้นมาด้วย จากนั้นผลักเธอเข้ากับผนังด้านหลัง
เทาเท่ยื่นมือออกมาสัมผัสปลายคางหญิงสาว เอ่ยถามพร้อมกับสายตาที่จ้องมองเธอ “คุณกับเจเทาวน์อยู่ด้วยกันจริง หรือว่าโกหก?”
หลินจือชะงักไปชั่วครู่ ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงถามคำถามเฉียบขาดแบบนี้
เธอยังไม่ได้เปิดเผยสักหน่อย…
เทาเท่เมื่อเห็นท่าทางของเธอ จึงคาดคั้นให้ตอบ “พูด!”
หลินจือได้สติกลับมา ดวงตาเบิกโพลงตอบกลับไปอย่างแน่วแน่ “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เรื่องแบบนี้ต้องโกหกกันด้วยเหรอ”
ท่าทีของเธอกระตุ้นเทาเท่ได้เป็นอย่างดี ลางสังหรณ์บอกเขาว่า เธอกำลังโกหก
แต่เธอยังยืนยันจากปากแข็งๆ ของตัวเองว่า เรื่องที่อยู่เจเทานว์เป็นเรื่องจริง เทาเท่ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ ชายหนุ่มก้มลงประกบจูบเธออย่างรุนแรงและป่าเถื่อน
สัมผัสอันนุ่มนวลระหว่างกันและกันที่ห่างหายไปนาน กระตุ้นความคิดละมุนละไมขึ้นมาในหัวใจของชายหนุ่ม
เขาประคองใบหน้าเธอไว้ ไม่คำนึงถึงการดิ้นรนขัดขืนของเธอแม้แต่น้อย ชายหนุ่มหยุดจุมพิตกันหวานฉ่ำนี้ไม่ได้
หลินจือผู้ถูกเทาเท่ประกบจูบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเริ่มสับสน ใครจะคิดล่ะว่าจู่ๆ เทาเท่จะคลุ้มคลั่งทำกับเธอราวกับสัตว์ป่าแบบนี้
แต่เมื่อได้สติกลับมา ปฏิกิริยาตอบโต้อย่างแรกของเธอคือการกัดเขาอย่างแรง เทาเท่จึงผละออกเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด
แต่ชายหนุ่มยังยึดเหนี่ยวเธอไว้แน่น ลมหายใจระหว่างทั้งคู่ผสมผสานกัน
หลินจือไม่อาจขัดขืนได้ จึงทำได้เพียงด่าทอเขาด้วยคำหยาบคาย “เทาเท่ ไอ้คนสารเลว”
เวลานี้เทาเท่ราวกับโดนวางยา แม้จะถูกเธอด่าว่าอย่างไรชายหนุ่มยังบีบคางเธอไว้เช่นเดิม หนำซ้ำยังใช้นิ้วหัวแม่มือกดริมฝีปากหลินจือไว้ คาดคั้นเธออย่างไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น “คุณกับเจเทาวน์เคยจูบกันรึยัง”
เมื่อเห็นหลินจือเอาแต่เงียบ ชายหนุ่มก้มลงประจบจูบแล้วกัดริมฝีปากเธออย่างดุร้าย ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “แบบนี้เคยไหม”
หลินจือถูกเขาบีบบังคับจนเธอร้องไห้ออกมา เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง
แววตาของเทาเท่สลดลงเล็กน้อย เขากระซิบข้างใบหูหญิงสาวเบาๆ “หลินจือ คุณบีบบังคับผมเอง ผมทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้คุณพูดออกมา”
พูดจบ ชายหนุ่มก็กดเธอกับผนังแล้วจูบอีกครั้ง
เธอไม่อยากกระตุ้นเขาไปมากกว่านี้ ไม่อยากทำให้เขาโกรธเพิ่มขึ้น ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขาต้องการทำคงไม่ใช่แค่การจูบเพียงสองสามครั้งเช่นนี้
หลินจือยกมือขึ้นทุบตีเขา หยิกกัดเขาด้วยความโกรธ
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขารังแกเธอ ฉวยโอกาสจากเธอ ซ้ำยังจะมาข่มขู่เธออีก
ทั้งคู่ต่างไม่รู้ว่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันมานานเท่าไหร่แล้ว หลินจือรู้เพียงว่าเสื้อผ้าของเธอหลุดลุ่ยไปหมด หากไม่ใช่เพราะว่าโทรศัพท์มือถือเธอดังขึ้นมาเสียก่อน คงไม่รู้ว่าเทาเท่จะทำอะไรเธอบ้าง
นัยน์ตาสีเข้มกัดฟันพูดอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ “หลินจือ อย่าให้ผมรู้ว่าคุณโกหกผมเรื่องที่อยู่กับเจนี่ทาวน์นะ ไม่อย่างนั้นผมจะให้คุณได้เห็นว่าผมจะคิดบัญชีกับคุณยังไง!”
หลินจือทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด จึงผลักเขาออกไปทันที จากนั้นรีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วหนีเข้าไปในห้องนอน กระแทกประตูปิดและล็อกเอาไว้
สายที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของจอร์แดน หลินจือจึงไม่มีเวลาสนใจเทาเท่ที่อยู่ข้างนอก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับสติอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นรีบกดรับสายทันที
จอร์แดนถามหลินจือด้วยความเป็นห่วง “พวกตระกูลฟอเรนาไปรึยัง”
จอร์แดนไม่ชอบไกอาและภรรยาของเขาจึงเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อและเรียกนามสกุลแทน
หลินจือตอบตามความจริง “อืม หลังจากวางสายจากคุณพวกเขาก็ไปค่ะ ดูเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าตระกูลแม็กซิมัสไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะมาก่อกวนได้”
แม้ว่าวีนาจะพูดใส่ร้ายป้ายสีเธอก่อนจากไป แต่การแสดงออกของวีนาก็ดูหวาดกลัวราวกับสุนัขโดนไม้พลองฟาด
เพราะหล่อนรู้ว่าตระกูลแม็กซิมัส ไม่ใช่ตระกูลที่พวกเขาจะมาต่อกรด้วยได้ เช่นนั้นหล่อนจึงหวาดกลัวและพาลเคียดแค้นขึ้นมา
“งั้นก็ดี” จอร์แดนพูดอีกครั้ง “ฉันให้คนไปดูแลเรื่องที่เธอฟ้องพินอินให้แล้ว คิดว่าพวกเขาคงใช้กลอุบายอะไรไม่ได้อีก”
หลินจือกล่าวขอบคุณเบาๆ จอร์แดนเอ่ยขึ้น “ไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรเลย เรื่องนั้นเป็นความตั้งใจแรกของเธออยู่แล้ว ความชั่วย่อมแพ้ภัยความถูกต้อง”
จอร์แดนพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “แต่เดิมความประทับใจของฉันที่มีต่อเทาเท่ก็ค่อนข้างดีทีเดียว คิดไม่ถึงว่าจะมีน้องสาวเลวๆ แบบนี้ ส่วนพ่อกับแม่ก็เลวกันแพคคู่ ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นส่วนดีของเขาเลย!”
“ถ้าเขาเป็นคนดี เธอจะหย่ากับเขาทำไมกัน”
จอร์แดนเป็นคนที่เมื่อเกลียดสิ่งใดก็จะเกลียดสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้นด้วย แม้แต่เทาเท่เขายังรู้สึกรังเกียจ
หลินจืออ้าปากอยากออกหน้าพูดบางอย่างแทนเทาเท่ แต่หลังจากนึกขึ้นมาได้ว่าเขาเพิ่งทำบุ่มบ่ามกับตัวเอง สุดท้ายจึงไม่พูดอะไรออกไป
ปล่อยให้เขาถูกจอร์แดนเกลียดก็สมควรแล้ว คนไร้ยางอายแบบนั้น หากทุกคนเกลียดเขาได้ยิ่งดี!
แต่แท้จริงแล้ว ตัวตนของเทาเท่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
ก่อนหน้านี้ที่ทำไม่ดีกับเธอ เพียงเพราะว่าเขาไม่ได้รักเธอเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่ว่าแยกแยะถูกผิดไม่ได้เหมือนกับไกอาและวีน่า ไร้ซึ่งอารยธรรมไม่มีความเป็นมนุษย์
เมื่อพูดถึงเทาเท่ขึ้นมา จอร์แดนเอ่ยถามอีกครั้ง “ใช่สิ คนที่เธออยากฟ้องคือน้องสาวเขานี่ ท่าทีเขาเป็นยังไงบ้าง”
เรื่องนี้หลินจือตอบกลับไปตามจริง “เขาสนับสนุนฉันในทางกฎหมาย…”
“หึหึ เขายังเป็นคนจัดการกับญาติพี่น้องที่ทำผิดกฎหมาย เพื่อปกป้องความเป็นธรรมสินะ” จอร์แดนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
จอร์แดนพูดวกเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงปลงตก “อันที่จริงฉันดีใจที่เธอยอมเป็นบุตรบุญธรรมของฉันนะ ฉันคิดว่าข้อเสนอของฉันอาจกะทันหันไปเสียหน่อย แต่เธอก็ตอบตกลงทันที ฉันเองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดีใจมากเลยล่ะ”
“หลินจือ หลังจากนี้เธอเป็นคนในตระกูลแม็กซิมัสของเราแล้วนะ”
คำพูดประโยคสุดท้ายของจอร์แดน ทำให้น้ำตาของหลินจือรินไหลลงมาอย่างควบคุมไม่อยู่