หลินจือรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา

เธอไม่รู้ว่ามีความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเธอกับจอร์แดนแค่บังเอิญเจอกันในเมืองเวลฟ์อันกว้างใหญ่ไพศาลนี้เพียงครั้งเดียว แต่ระหว่างเธอกับจอร์แดนกลับไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเลยสักนิด

จอร์แดนยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เธอไม่ปฏิเสธ ราวกับพวกเขาตั้งใจให้เป็นครอบครัวเดียวกันตั้งแต่ต้น

หลังจากถูกสองพ่อลูกชาร์ลี ตาลีทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ความรักและเมตตาของจอร์แดนทำให้หลินจือร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่

จอร์แดนที่อยู่อีกด้านของปลายสายตกใจ รีบร้อนพูดขึ้น “ร้องไห้ทำไม”

แต่เพราะมองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย จึงมักรู้สึกเป็นห่วงกับน้ำเสียงแบบนี้เสมอ ทั้งที่กังวลไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร จากน้ำเสียงของจอร์แดนคงรู้สึกกังวลอยู่มากทีเดียว

หลินจือรีบเช็ดน้ำตาแล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ฉันร้องไห้เพราะดีใจ เบิกบาน มีความสุข”

ตั้งแต่แม่เธอเสียชีวิต ความรัก ความเมตตา และความอบอุ่นที่เธอสัมผัสได้จากโลกใบนี้ช่างน้อยนิดจริงๆ เว้นเสียมิตรภาพอันอบอุ่นจากนานิ

หลังจากแต่งงานกับเทาเท่ มีเพียงชายชราที่คอยดูแลเอาใจใส่เธอ ส่วนคนอื่นๆ ล้วนแสนเย็นชาและมีแต่ความเจ็บปวด

ดังนั้นเมื่อได้รับความรักและเมตตาที่จอร์แดนที่มีต่อเธอ หลินจือจึงแสดงความรู้สึกเช่นนี้ออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่

จอร์แดนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แค่ไม่ร้องไห้เพราะเสียใจ ก็ดีแล้ว”

“อืม ไม่เสียใจเลยสักนิดค่ะ” หลินจือกล่าวด้วยน้ำตา เพื่อคลายความกังวลใจให้จอร์แดนเรื่องของเธอ

จอร์แดนเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเธอเป็นลูกบุญธรรมของฉันแล้ว ให้เรียกเราว่า คุณลุงคุณป้าดีกว่า”

“ให้เธอเรียกเราว่าพ่อกับแม่คงไม่เหมาะ หรือจะให้เรียกว่าพ่อบุญธรรม แม่บุญธรรมก็ไม่ได้ ดังนั้นเรียกว่าคุณลุงคุณป้านั่นแหละดีที่สุด”

หลินจือพึมพำตอบ “ค่ะ”

จอร์แดนมีน้ำใจเกินไปแล้ว รายละเอียดที่เป็นไปได้ทั้งหมดล้วนผ่านการคิดพิจารณามาแล้วอย่างดี

จอร์แดน “สองสามวันนี้เรายังไปไม่ได้ แต่อีกไม่กี่วันป้าของเธอก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว เราจะไปเยี่ยมเธอที่เมืองเจสเวิร์ดด้วยกัน”

หลินจือรีบตอบกลับ “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกคุณไม่ต้องมา ฉันควรไปหาพวกคุณที่เมืองเวลฟ์มากกว่า”

ภรรยาคุณจอร์แดนเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล จำเป็นต้องพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้เต็มที่ จะให้พวกเขาเดินทางไกลมาหาเธอได้อย่างไร

เธอควรไปเยี่ยมพวกเขาที่เมืองเวลฟ์ ประจวบเหมาะกับเวลาทำงานของเธอที่ค่อนข้างเสรี ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศนั่งทำงานทั้งวัน

จอร์แดนครุ่นคิด “เธอมาก็ดีเหมือนกัน ฉันจะพาเธอไปพบคนในตระกูลแม็กซิมัสกับเรา”

“หา? ไปพบคนในตระกูลแม็กซิมัส?” หลินจือตกตะลึง เมื่อคิดถึงคนในวงศ์ตระกูลแม็กซิมัส ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที

จอร์แดนยิ้ม “ใช่ ในเมื่อตอนนี้เป็นลูกบุญธรรมของเราแล้ว ก็จำเป็นต้องไปพบผู้อาวุโสของตระกูลเช่นกัน คุณปู่คุณย่าของเธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาต้องชอบเธอแน่”

“แต่ฉัน…” หลินจือไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร

เธอคิดว่าแค่อยากไปเยี่ยมจอร์แดนและภรรยาเพียงเท่านั้น เธอกับพวกเขายังไม่เคยเจอหน้ากันเลย แล้วจะให้เธอไปหาผู้อาวุโสและคนอื่นๆ ในตระกูลแม็กซิมัสได้อย่างไร

และอีกอย่างเธอเป็นเพียงลูกบุญธรรม ไม่เห็นจำเป็นต้องระดมผู้คนมาเป็นจำนวนมากมายขนาดนี้

“ไม่มีอะไรต้องกังวล มีฉันอยู่ทั้งคน” จอร์แดนมองความคิดเธอออกทะลุปรุโปร่ง “ฉันเคยพูดไปแล้ว หลังจากนี้เธอเป็นคนในครอบครัวเรา แน่นอนว่าต้องไปพบผู้อาวุโสของตระกูล”

“ให้ทุกคนได้รู้จักเธอ วิธีนี้พวกเขาจึงจะคอยคุ้มครองเธอในอนาคตได้” แม้คำพูดของจอร์แดนจะทีเล่นทีจริง แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงจัง

ตระกูลแม็กซิมัสใหญ่โต เจริญรุ่งเรืองราวกับต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปนับไม่ถ้วน มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไม่มีลูก พี่น้องคนอื่นๆ ต่างมีลูกชายลูกสาวกันคนละคนสองคน และบัดนี้ได้แผ่ขยายไปทั่วทุกแขนงอาชีพ บอกได้เพียงว่า คนธรรมดาทั่วไปคงไม่กล้าแหย่หาเรื่องหลินจือเป็นแน่

คำพูดของจอร์แดน ทำให้หลินจือรู้สึกว่าจอร์แดนให้ความสำคัญกับเธอมาก และรับรู้ได้ว่าเขาคงยอมรับลูกบุญธรรมคนนี้แล้วจริงๆ จึงต้องการพาเธอไปพบคนในตระกูลแม็กซิมัส เป็นความจริงใจอย่างถือที่สุดไม่ได้

หลินจือไม่ประหม่าและหวาดวิตกอีกต่อไป “ค่ะ ฉันจะจัดการเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อย แล้วไปเยี่ยมพวกคุณนะคะ”

“ดี” จอร์แดนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็มีความสุขขึ้นมา

หลังจากพูดคุยกับจอร์แดน หลินจือเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเทาเท่ยังอยู่ด้านนอก เธอลังเลอยู่นานสองนานกว่าจะเปิดประตูห้องนอนแล้วเดินออกไป พบว่าเทาเท่ไม่อยู่แล้ว

หลินจือถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ยังดีที่เขาไปแล้ว ไม่เช่นนั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาได้อย่างไร

สิ่งที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่ เธอควรฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ ด้วยซ้ำ

เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือในมือดังขึ้น หลินจือชำเลืองมอง เป็นข้อความจากเทาเท่ที่ส่งมา ‘ผมให้เวลาคุณ ไปจัดการกับความสัมพันธ์กันยุ่งเหยิงระหว่างคุณกับเจเทาวน์ซะ’

หลินจือกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ เขามีสิทธิ์อะไรมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจเทาวน์เป็นความสัมพันธ์ยุ่งเหยิง

เดิมทีทุกอย่างก็เป็นปกติ แต่เพราะพวกเขาทุกอย่างจึงยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดแบบนี้!

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดเขาต้องมาด่วนตัดสินว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจเทาวน์เป็นเรื่องผิดปกติด้วย?

เธอเองก็สารภาพไปแล้วว่าไม่ได้โกหก

เขาคงไม่คิดว่าตัวเองคิดถูกทุกอย่าง คิดว่าเธอกับเจเทาวน์อยู่ด้วยกันเพื่อหลอกให้เขาตายใจหรอกใช่ไหม คงไม่คิดว่าเพราะเธอรักเขาจึงไม่อาจตกหลุมรักคนอื่นได้อีกหรอกนะ?

เมื่อหลินจือคิดได้เช่นนี้ พลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

น่ารำคาญชะมัด เธอยกมือขึ้นมากดบล็อกวีแชทและเบอร์โทรศัพท์ของเทาเท่ทันที

แบบนี้เขาจะได้ไม่คิดเข้าข้างตัวเองไปฝ่ายเดียวอีก?

หลังจากหลินจือกดบล็อกเทาเท่เธอวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างๆ แล้วหันไปมองเจ้าเหมียวสองตัว ตอนที่พวกเขามา เธอพาพวกมันไปไว้ในห้องหนังสือ ไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวภายนอกห้องจะทำให้เจ้าเหมียวทั้งสองตัวตกใจกลัวรึเปล่า

หลังจากเทาเท่ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงหลินจือพูดคุยโทรศัพท์กับจอร์แดน จึงหันหลังกลับแล้วเดินออกไป แค่เธอไม่ได้คุยกับเจเทาวน์ก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้นเขาจึงจากออกมาก่อน เพราะความหวาดวิตกภายในใจ เขากังวลเรื่องที่ตนจูบหลินจือเมื่อครู่นี้ จึงหันหลังให้หลินจือที่กำลังจะพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากฟัง

เขารับไม่ได้

ชายหนุ่มยังจำครั้งสุดท้ายที่อยู่ในบ้านเขาได้ ตอนที่เธอไปหยิบอัลบั้มรูปแล้วทั้งคู่พลันทะเลาะกันขึ้นมา จากนั้นเขาก็จูบเธอ

เธอพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการทำลายความรู้สึก จนกระทั่งตอนนี้เขายังนึกหวาดผวาอยู่ในใจ

เทาเท่รู้ดีว่าการกระทำแบบนี้ของตัวเองคือการหลบหนี แต่เขาก็ยังต้องการหลบไปตั้งหลักเสียก่อน

หลังจากหนีไปได้แต่หัวใจไม่ยินยอม เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนจึงส่งข้อความหาหลินจือสั่งให้เธอจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจเทาวน์ซะ

หลังจากกลับมาที่บริษัทตามปกติ เวลาช่วงเช้าล่วงเลยไปเกือบครึ่งวัน แต่หลินจือก็ยังไม่ตอบเขากลับมาแม้แต่ข้อความเดียว

เทาเท่กังวลใจว่าเธอจะเป็นทุกข์เพราะเรื่องของไกอาและวีนา จึงกดโทรหาเธอ แต่กดโทรอย่างไรก็โทรไม่ติด

ด้วยความสิ้นหวังเขาจึงเรียกผู้ช่วยควีนเข้ามา แล้วสั่งว่า “คุณช่วยโทรหาหลินจือให้หน่อย ทำไมของผมโทรไม่ติดเลย”

เมื่อผู้ช่วยควีนต่อสายหาหลินจือได้แล้ว ชายหนุ่มไม่รอให้ควีนพูดอะไร เขายึดโทรศัพท์ในมือเธอมาทันที ถามออกไปอย่างหัวเสีย “ทำไมคุณไม่รับสายผม”

ทันทีที่หลินจือได้ยินเสียงเขาก็กดวางสายไป เทาเท่จ้องมองโทรศัพท์ในมือด้วยความเดือดดาล

ควีนกล่าวเตือนด้วยความหวังดี “ประธานเทาเท่ ฉันคิดว่า… หลินจือคงบล็อกคุณไปแล้วล่ะค่ะ”

เขาโทรไม่ติด แต่เธอโทรติด แบบนี้ชัดเจนว่า เขาถูกบล็อกเข้าให้แล้ว

เทาเท่ “…”

ควีนพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณลองส่งวีแชทหรือยังคะ”

มีความเป็นไปได้สูงว่าวีแชทคงถูกบล็อกเช่นกัน

จากคำเตือนของควีนเทาเท่จึงได้สติกลับมา ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความถึงหลินจือ จากนั้นเครื่องหมายอัศเจรีย์สีแดงขนาดใหญ่ก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ และตามมาด้วยชุดคำเตือนระบุว่า ‘คุณยังไม่ได้เป็นเพื่อนของเธอ’