ตอนที่ 473 ปิดบัง
“เรื่องที่ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บห้ามเผยให้ผู้ใดล่วงรู้เด็ดขาด ! ” อันหลิงเกอตื่นนอนในวันต่อมาก็พบว่ามู่จวินฮานเข้าประชุมประจำราชสำนักยามเช้าไปแล้ว
“เจ้าค่ะ” ปี้จูและหมิงซินตอบรับ ส่วนเช่อเฟยและสนมเหล่านั้นได้ยินอาการป่วยของอันหลิงเกอก็ทยอยมาเยี่ยมทันที
อันหลิงเกอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังจากหน้าประตูก็แสร้งขมวดคิ้ว จากนั้นก็ส่งเสียง ฮึ อย่างมิสบอารมณ์ออกมา “ข้ายังบาดเจ็บอยู่ ทว่าเขาในฐานะท่านอ๋องมิอยู่ดูแลข้า ช่างเมินเฉยต่อข้ายิ่งนัก!”
นางทราบว่าการแสดงความรู้สึกเยี่ยงนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับเวลานี้
จากนั้นเสียงฝีเท้าหน้าประตูก็หยุดลง อันหลิงเกอได้ยินดังนั้นก็แกล้งเอนกายนอนอย่างอึดอัดพร้อมเปล่งเสียงเคร่งขรึมพลางคลุมตัวด้วยผ้าห่มอย่างแน่นหนา “เอาล่ะ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว พวกเจ้าออกไปได้”
“เจ้าค่ะ พระชายา หากถึงมื้ออาหารค่ำแล้วบ่าวจักมาเรียกพระชายาอีกครั้งเจ้าค่ะ” หมิงซินฉลาดจึงร่วมเสแสร้งกับผู้เป็นนาย
“มิต้องหรอก วันนี้ข้ามิทานอาหารค่ำ” อันหลิงเกอแกล้งขุ่นเคืองใจ ทว่าในความเป็นจริงแล้วนางกังวลว่าสตรีเหล่านั้นจักพยายามมากเกินไปจนมื้อค่ำก็ยังมาก่อกวนนาง
หมิงซินรู้ว่าเป็นแผนการพระชายาจึงทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา หลังช่วยปิดม่านให้อันหลิงเกอแล้วก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ
อันหลิงเกอรู้สึกนอนมิค่อยสบายตัว มิรู้ว่าเป็นเพราะมู่จวินฮานที่คอยก่อกวนอยู่ในใจหรือเพราะบาดแผลที่ยังมิหายดีกันแน่
มิรู้ว่านางเผลอหลับไปนานเพียงใด แต่รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเปิดม่านเข้ามาและนั่งลงข้างเตียง
อันหลิงเกอพยายามลืมตา ทว่าง่วงเสียเต็มประดาเพราะมิว่าอย่างไรก็ลืมตามิขึ้น นางได้ยินเสียงทอดถอนใจเบา ๆ ราวกับเสียงของมู่จวินฮาน
หลังจากนั้นบางสิ่งบางอย่างที่อ่อนโยนและเย็นเล็กน้อยก็สัมผัสลงบนหน้าผากของนาง
“เด็กโง่…” เสียงทุ้มต่ำดังเข้าหูของนางและทำให้รู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจ
อันหลิงเกอมิทราบว่าคนผู้นั้นจากไปตั้งแต่เมื่อไร เพราะมินานนักนางก็ตกเข้าสู่ห้วงความฝันอีกครา
วันต่อมา ตอนที่อันหลิงเกอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าท้องฟ้าสว่างแล้ว นางลุกพรวดขึ้นนั่งพลางเอนกายพิงหัวเตียง กำลังครุ่นคิดบางอย่างด้วยท่าทางมึนงง
“พระชายารู้สึกมิสบายตรงไหนอีกหรือเจ้าคะ ? ” หมิงซินที่นำอ่างล้างหน้ามาให้ เมื่อเห็นนางนั่งเหม่อลอยจึงถามด้วยความห่วงใย
“มิเป็นไร” อันหลิงเกอยังคงเหม่อลอย “หมิงซิน เมื่อคืน…มีคนมาที่นี่หรือไม่ ? ”
หมิงซินขมวดคิ้วแสดงท่าทางครุ่นคิด จากนั้นก็ส่ายหน้าและกล่าวว่า “มิมีเจ้าค่ะ ตอนที่บ่าวออกไปก็ปิดประตูอย่างแน่นหนาแล้ว เช่อเฟยหรือแม้แต่สนมเหล่านั้นก็มิกล้าเข้ามาเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอมิได้สนใจเด็กโง่หมิงซินอีกเพราะคนที่อยู่ใต้บัญชาเหล่านั้นมิกล้าเข้ามาแต่มู่จวินฮานกล้าเข้ามาอย่างไรเล่า
“พระชายา เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?” หมิงซินถามด้วยความอยากรู้
ได้ยินดังนั้นอันหลิงเกอจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างมิใส่ใจ “มิมีอันใดหรอก”
นางรู้แค่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุใด อีกทั้งนางยังหลับไปนานถึงเพียงนี้อีก
หลังล้างหน้าบ้วนปากแล้วหมิงซินไปยกอาหารเช้าจากในห้องครัวเข้ามา อาหารเช้าถูกจัดเตรียมได้มินานมู่จวินฮานก็เข้ามาเช่นกัน
อันหลิงเกอชำเลืองมองไปทางเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็เมินสายตาไปทางอื่น “ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ ? ”
นางยังโกรธเคือง แม้กล่าวว่าเขาไปช่วยปี้จูเป็นเรื่องดีก็ตาม แต่หลังจากสืบสาวราวเรื่องแล้วเขาเสี่ยงอันตรายโดยมิบอกกล่าวนางสักคำ ทั้งยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ให้นางดีใจได้เยี่ยงไร ?
“ได้ยินว่าห้องครัวของชายาทำอาหารเช้ารสชาติอร่อย ข้าจึงอยากมาลองชิม พระชายาคงมิไล่ข้าใช่หรือไม่ ? ” มู่จวินฮานนั่งลงพร้อมมองไปทางนาง
“ฮึ ท่านอย่ากล่าวเยี่ยงนั้นเลย อาหารมื้อเดียวข้ามิถือสาหรอกเจ้าค่ะ ! ” อันหลิงเกอถลึงตาใส่เขาอย่างมิสบอารมณ์
มู่จวินฮานก็มิถือสาเช่นกัน มุมปากของเขากระตุกยิ้ม นี่คงเป็นมื้ออาหารน่าอึดอัดใจที่สุดเท่าที่อันหลิงเกอเคยทานมา เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมิได้โกรธเคืองกันแต่เพราะได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ เป็นห่วงกันแต่มิยอมเอ่ยออกมาต่อหน้าและแสดงความมิสบายใจบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด
หมิงซินจัดเตรียมอาหารเสร็จก็ถอยออกไป เหลือไว้แค่พวกเขาทั้งสองคนที่นั่งทานอาหารฝั่งตรงข้ามกันอย่างเงียบ ๆ
“ขาของเจ้าดีขึ้นหรือไม่ ? ” มู่จวินฮานถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอตอบพร้อมกวาดตามองไปยังสีหน้าที่เหนื่อยล้าของเขา จากนั้นก็เอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะเจ้าคะ ? เมื่อคืนกลับมาตั้งแต่เมื่อใด ? ”
จากนั้นสายตาของอันหลิงเกอก็จับจ้องไปยังแผ่นหลังของเขาด้วยความเป็นห่วงจนเห็นได้ชัด แต่กลัวว่ากำแพงมีรูประตูมีช่องจึงทำได้แค่เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“มิเป็นไรแล้ว เมื่อคืนแค่มาดูเจ้าเท่านั้น เห็นเจ้าหลับสนิทแล้วจึงมิอยากรบกวน”
“ช่วงนี้เรื่องในราชสำนักเยอะมากเลยหรือ ? ท่านต้องไปตรวจตราด้วยตนเองหรือเจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเขา หากเขายังโหมงานหนักเยี่ยงนี้โดยมิพักผ่อนแล้วจะแข็งแรงเมื่อใด ?
“พระชายาเป็นห่วงข้าหรือ ? ” มู่จวินฮานเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ดวงตาทอประกาย
ส่วนอันหลิงเกอรีบตีหน้าตึงทันที จากนั้นก็กลอกตาใส่เขา “คนหลงตนเองเยี่ยงท่านยากรักษาแล้วจริง ๆ ”
ทว่ามู่จวินฮานเอ่ยอย่างมิสะทกสะท้าน “ขอบคุณพระชายาที่ชม”
อันหลิงเกอหมดคำพูดเพราะนางยังโกรธเคืองแล้วเหตุใดยังถูกมู่จวินฮานควบคุมได้อยู่หมัดเยี่ยงนี้
รอให้ขาของนางหายดีก่อนเถิด ดูสิว่าวังหลวงและกำแพงเมืองจะหนาสู้ใบหน้าของมู่จวินฮานได้หรือไม่…
หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้วมู่จวินฮานต้องกลับเข้าวังจึงขอตัวจากไป อันหลิงเกอก็ไล่หมิงซินออกไปและเรียกปี้จูเข้ามา
“พระชายามีเรื่องอันใดสั่งหรือเจ้าคะ ? ”
“เจ้าได้รับความมิเป็นธรรมอันใดในโรงเกลือหรือไม่ ? ”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ” ปี้จูยิ้มและส่ายหน้า พระชายามักเป็นห่วงทุกคนที่อยู่ข้างกายเสมอ
“แล้วยังมีข่าวใดอีกหรือไม่ ? ”
“คนเฝ้าและคนจัดส่งสินค้าในโรงเกลือหายตัวไปหมดเลยเจ้าค่ะ แม้แต่อาวุธก็มิมีเหลือ”
“ว่าอันใดนะ ? ” อันหลิงเกอตื่นตกใจ “เรื่องนี้เป็นฝีมือผู้ใดและเจ้าพบใครบ้างหรือไม่ ? ”
“เรียนพระชายา หลังจากที่พระชายาได้รับการช่วยเหลือและบ่าวถูกขังอยู่ในลานกว้างของโรงเกลือมาโดยตลอด บ่าวเห็นว่าคนที่ท่านอ๋องเตรียมไว้อย่างลับ ๆ ได้จับคนในโรงเกลือไปจนหมดและสินค้าเหล่านั้นก็คงเป็นพวกเขานำไปด้วยเจ้าค่ะ”
“จวินฮานน่ะหรือ ? ” อันหลิงเกอยังแปลกใจมาก “เขาจับคนเหล่านั้นไปทำอันใด ? ”
“บ่าวเองก็แปลกใจเจ้าค่ะ แต่คิดได้ว่าท่านอ๋องคงทำเพื่อปกป้องพระชายา ท่านลองคิดสิเจ้าคะ หากสถานะของท่านถูกเปิดเผยแล้ว เจียงอ๋องต้องสังหารท่านปิดปากเป็นแน่”
คาดมิถึงว่ามู่จวินฮานช่วยเหลือนางเยี่ยงนี้ เขามิเคยถามนางว่าเหตุใดต้องแกล้งปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไปในโรงเกลือด้วยซ้ำ
คิดว่าเรื่องนี้หากมู่จวินฮานรู้เข้า นางต้องโดนตำหนิเป็นแน่ ทว่าจนถึงตอนนี้แล้วนอกจากเขามาช่วยนางก็ยังช่วยปี้จูกลับมาโดยมิถามให้มากความ
“คืนนั้นระหว่างที่เขาพาเจ้ากลับมาได้กล่าวสิ่งใดหรือไม่ ? ” อันหลิงเกอนึกย้อนไปยังเหตุการณ์อันตรายเมื่อคืนนั้น
ปี้จูเอ่ยด้วยสีหน้าปกติ “ท่านอ๋องมิได้กล่าวอันใดเลยเจ้าค่ะ แค่ปกป้องปี้จูอย่างดี มาคิดแล้วเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของพระชายาเจ้าค่ะ”
“อืม ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปได้”
“เจ้าค่ะ พระชายา” จากนั้นปี้จูก็ค่อย ๆ ถอยออกไป