“ท่านอาจารย์หลันท่านมีความเห็นอย่างไร!?” จีวูทำหน้าเคร่งขรึมเพราะที่ผ่านมาตาจินไม่เคยเผชิญหน้ากับภัยคุกคามครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อน แม้แต่กองทัพของหยุนเตียนเองก็เทียบไม่ได้
จีวูถามต่อว่า “หากเราต่อต้านพวกเขาไม่ได้ พวกเราควรถ่วงเวลาไว้สักวันสองวัน ..”
“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ข้าคงเห็นด้วยกับท่าน แต่ ..” หลันโมกล่าว
“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เขตใกล้ประตูของเราแล้ว ท่านคิดว่าพวกเขาจะให้เวลาเราวางแผนหรือ พวกเขาคิดว่าการปราบปรามดินแดนที่เต็มไปด้วยนักรบส่วนใหญ่นั้นง่ายเหมือนกับการบี้มด และแม้แต่หยุนเตียนเองก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับกองกำลังอย่างพวกเขาโดยตรง ท่านคิดว่าพวกเขาต้องการเจรจาหรือ?”
“ท่านหลัน ท่านคิดว่าพวกเขาคงไม่ได้ต้องการการเจรจาทำข้อตกลงงั้นสิ” จีวูเอ่ย “งั้น .. พวกเขายังรออะไรอีก?”
“ดูจากคนในกองกำลังแล้วพวกเขาได้เปรียบมาก แต่พวกเขาอาจประสบปัญหาให้การจัดการและออกคำสั่งก็เป็นได้” หลันโมหัวเราะเบาๆ “ไม่แน่ตอนนี้พวกเขาอาจพูดคุยกันถึงการแบ่งสมบัติหลังจากที่จัดการกับจักรพรรดิของตาจินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
แน่นอนว่าเขาพูดเล่นในประโยคทิ้งท้าย แต่เขาก็จับทางถูกว่าศัตรูคงจะไม่ให้เวลาตาจินเพื่อเตรียมตัวแน่ๆ
“ด้วยความเร็วของท่านนาหลันฮงวูและสหายพวกเขาคงจะไปถึงกลุ่มไทชิในไม่ช้าแม้ว่าจะเป็นที่อันตรายยิ่งก็ตาม” หลันโมกล่าวอย่างมีหวัง “บางทีพวกเขาอาจต้องการความช่วยเหลือจากเรา ดังนั้นเราต้อง ..”
เขากระซิบบางอย่างกับจีวู
…
เวลาเดียวกันหลี่เฮารันเองพูดกับกลุ่มนักประดิษฐ์ว่า “อย่างที่พวกท่านทราบดีคลื่นนี้สามารถเปลี่ยนเป็นสัญญาณสาระทางจิตวิญญาณทั้งสายฟ้าและเปลวไฟได้พร้อมด้วยเทคนิคพิเศษบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนพลังงานให้กลับมาบริสุทธิ์ได้เช่นเดิม”
เขาถือหยกชิ้นหนึ่งในมือซึ่งหนักและมีขนาดใหญ่กว่าหยกสื่อสาร “ข้าเชื่อว่าพวกท่านคงเห็นด้วยเช่นเดียวกันว่าหยกชิ้นนี้ใหญ่และค่อนข้างประณีต นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มรูปแบบรอยสลักจิตวิญญาณพิเศษลงในหยกนี้ได้ มันมีข้อแตกต่างเช่นในสภาพแวดล้อมที่เกิดการขัดจังหวะกานส่งข้อมูล หยกนี้จะทำการค้นหาจิตวิญญาณสำคัญลูกใหม่ทันทีเพื่อตัดการรบกวนได้ด้วยตัวเอง”
“หากเราสามารถสลัดกั้นและถอดรหัสลักษณะพิเศษของการถ่ายทอดสาระสำคัญได้ เราก็จะสามารถรับรู้ถึงคำสั่งของศัตรูและส่งสัญญาณรบกวนหยกสื่อสารของพวกเขาได้” หลี่เฮารันกล่าวต่อว่า “ข้ายินดีที่จะเผยแพร่ต่อพ้องเพื่อนของเราในดินแดนทะเลดาวงดาว เพื่อพวกเขาอาจช่วยเหลือในการประดิษฐ์ครั้งนี้ของเราได้”
คนอื่นๆ เริ่มมีความรู้สึกสนุก
“ในระยะสั้นแผนการของเรานั้นมีความเป็นไปได้ถึงแม้ว่ารายละเอียดจะยังไม่มากก็ตาม” หลี่เฮารันประกาศว่า “ถ้าเราทำให้มันเป็นจริงได้ มันจะเป็นการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ในโลกผู้ฝึกฝนของเรา!”
ขณะเดียวกัน ณ ตาจินเรือรบสิบห้าลำเริ่มลอยตัวขึ้น หากผู้คนจากหยุนเตียนอยู่ที่นี่พวกเขาจะจำได้ทันทีว่าเรือรบที่กำลังลอยอยู่นี้เป็นของตระกูลกงชู!
หลังจากพ่ายแพ้แล้วเรือรบของตระกูลกงชูถูกจับและยึดครองโดยตาจิน ตอนนี้เรือของพวกเขาได้รับหน้าที่เป็นอาวุธสงครามที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง!
แม้ว่าตระกูลกงชูจะพ่ายแพ้ แต่เรือรบของพวกเขาก็ยังคงไม่มีใครเทียบได้ในโลกแห่งผู้ฝึกฝน
ตอนนี้จุนหยางชีและผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มใหญ่ได้รวมตัวกับพันธมิตรวู่เว้ยพวกเขาอยู่ในห้องประดิษฐ์ พลางมองไปที่กระจกกลมๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ กระจองนี้ไม่ใช่ทองคำหรือหยกหากมองดูดีๆ กระจกนี้มีลวดลายมังกรเมฆนกซึ่งเป็นสัตว์หายากอีกทั้งตัวละครโบราณ
“มันจบแล้ว!” ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งประดิษฐ์ทุกคนตะลึง “เราทำมันได้!”
…
เวลาไล่เลี่ยกันลำแสงของดาบสองลำปรากฎขึ้นหน้าประตูทางเข้าของกลุ่มไทชิในพริบตาเดียว
ฟางฉีพึมพำ “หรือว่าข้าควรถ่ายทอดสดดี!?”
“ถ่ายทอดสด!?”
ก่อนที่นาหลันฮงวูจะตกใจไปมากกว่า ร่างของเขาสองคนก็ปรากฎขึ้นบนหน้าจอในร้าน
หนึ่งคือชายชราผมและเคราของเขาเป็นสีขาวและอีกคนคือชายหนุ่มที่ดูธรรมดาสวมชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงิน
“กลุ่มไทชิ! ออกมายอมรับความตายของพวกเจ้าซะ!” เสียงคำรามดังกึกก้อง ดูเหมือนว่าประตูทางเข้าของกลุ่มจะสั่นเล็กน้อย
[บ้าไปแล้ว]
[พวกเขากำลังถ่ายทอดสด]
[เจ้าของร้านสุดยอดมาก!]
[พวกเขาเดินทางไปถึงกลุ่มไทชิแล้วหรอ!?]
หน้าจอขนาดยักษ์เต็มไปด้วยความเห็นหัวข้อย่อยทันที
“เจ้าเป็นใคร!?” เสียงตะโกนตอบรับ เสียงนั่นดูโกรธแค้นในไม่ช้าสาวกหลายคนของไทชิก็ได้ล้อมรอบพวกเขา
“ใครกันมันกล้าบุกกลุ่มไทชิของเรา!?”
“พวกเจ้ารู้มั้ยว่าพวกเจ้าอยู่ที่ไหน”
“พวกเจ้ากล้าพูดถึงกลุ่มไทชิของเราต่อหน้าประตูอันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร!?”
“เจ้านั่นเอง!” ชายหนุ่มที่ดูมืดมนในชุดเสื้อคลุมสีขาวสวดลายสีทองเขาเดินออกมาเผยให้เห็นว่าตัวเองคือ เฟิงชี เขาแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฟางฉี “ข้าวางแผนว่าจะไปหาเจ้า แต่เจ้าทำทุกอย่างให้มันง่ายขึ้น เจ้ามารนหาที่ตายถึงที่!”
“รนหาที่ตาย!?” ฟางฉีพูดและยิ้มมุมปาก “เจ้าล้อเล่นกับข้าหรอ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เข้าใจถึงความตั้งใจของข้าสักเท่าไรนักว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่”
นาหลันฮงวูทำหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อย
“ชายสองคนนั้นหยามเราต่อหน้าประตูอันศักดิ์สิทธิ์ ฆ่าพวกเขา!” เฟิงชีตะโกน
“ฆ่าพวกเรา!?” นาหลันฮงวูหัวเราะ “นี่เจ้าหนู เจ้าประเมินตัวเองมากไปหรือเปล่า? กลุ่มผู้ฝึกฝนในระดับน้อยอย่างเจ้าเนี่ยนะจะมาฆ่าข้า?”
“นักรบแห่งอาณาจักรจักรพรรดิ” เฟิงชีพูดพร้อมหัวเราะ “ท่านคิดว่าท่านสามารถเพิกเฉยต่อต่อกลุ่มไทชิของเราได้เพราะท่านสามารถจัดการกับผู้ฝึกฝนบางส่วนได้งั้นสิ? อย่างเอาผู้ฝึกฝนของเราไปเปรียบกับกลุ่มตาจินน้อยๆ ของท่านสิ!”
เขาโบกแขนไปมาท้องฟ้าที่แจ่มใสตอนนี้มืดมนในทันที สาระจิตวิญญาณอันสำคัญเริ่มก่อตัวรอบเขา เสียงฟ้าร้องราวกับพายุมา
“ตกใจหรอ? กลัวหรอ?” เฟิงชีที่หายแว้บขึ้นไปปรากฎตัวบนท้องฟ้ามองลงมาที่นาหลันฮงวู “ท่านประเมินพลังของเราต่ำเกินไป บอกแล้วไงอย่าเอาเราไปเปรียบเทียบกับคนพวกนั้น คงตกใจมากสินะที่คิดว่าข้าจะต้อยต่ำเหมือนผู้ฝึกฝนในตาจิน!”
ลำแสงสีเงินถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าในเสี้ยววิต่อมา
“พลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่เปลี่ยนสายฟ้าของพระเจ้าและขอจงทำตามคำแนะนำของดาบ!”
สายฟ้าจำนวนมากที่แข็งแกร่งและทรงพลังเริ่มก่อตัวเหนือหัวของฟางฉี นอกจากนี้สายฟ้าแห่งสวรรค์ที่ถูกรวบรวมโดยคาถาเวทย์มนตร์ทางจิตวิญญาณของเฟิงชีเองได้ถูกทำลายด้วยพลังลึกลับของฟางฉี
“!!??” ตอนนี้ใบหน้าของเฟิงชีดูหวาดกลัวและตกใจไม่น้อย