ตอนที่ 519

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ไปเมืองจักรพรรดิ

คนอย่างหลิงฮันนั้น หากเกิดความสงสัยแล้วจะไม่สามารถห้ามตัวเองได้

เขาคิดว่ามันประหลาดอย่างมาก ผู้คนที่เข้าไปในเหมือง ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาผู้ฝึกตนที่มีพลังบ่มเพาะสูงหรือต่ำขนาดไหนจะต้องตายทันทีในวันต่อมา… หรือไม่ก็ไม่ได้ออกมาจากเหมืองอีกเลย

มันเป็นพลังอำนาจแบบใดกัน?

และแร่พวกนั้นคุณสมบัติอะไรถึงได้ทำให้จักรพรรดิเพลิงให้ความสำคัญขนาดนั้น? จักรพรรดิเพลิงไม่ลังเลแม้แต่น้อยในการบังคับให้ชาวเมืองชุดแร่พวกนั้นให้เขา

หลิงฮันตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิ ด้วยพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานและพลังต่อสู้สิบสามดาวของเขา ทั่วทั้งแคว้นเพลิงจะมีใครสามารถคุกคามเขาได้?

เมื่อเห็นว่าหลิงฮันจะมุ่งหน้าไปเมืองจักรพรรดิพี่น้องลิ่วก็ตื่นเต้นขึ้นมา แต่เมื่อรู้ว่าหลิงฮันไม่ได้พาผู้ติดตามที่แข็งแกร่งคนเมื่อวานไปด้วยและมีเพียงฮูหนิวคนเดียวที่อยู่ข้างกาย พวกนางก็ชะงักทันที

พวกเจ้าจะไปกันทำไมแค่สองคน? คิดจะไปเดินเล่นรึไง?

“นายน้อยฮัน ท่านจะไม่พาผู้ติดตามไปด้วยรึ?” ลิ่วเฟิงพูดแนะนำ

“นั่นสิ ที่เมืองจักรพรรดินั้นไม่คาดแคลนจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะตระกูลจักรพรรดิที่มีตัวตนระดับบุปผาผลิบานคอยคุ้มครองอยู่ซึ่งพวกเขาสามารถจับกุมตัวท่านได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที!” ลิ่วลู่เอ๋อพูดอย่างมุทะลุ

“ฮ่าๆ ฮูหนิวจะจัดการให้หมดเลย!” ฮูหนิวพูดด้วยความมั่นใจ

พี่น้องลิ่วรู้อยู่แล้วว่าฮูหนิวคือสัตว์ประหลาด แต่พวกนางคงไม่คิดแน่ว่าฮูหนิวจะสามารถต่อกรกับพวกนางได้ ไม่ต้องพูดถึงตัวตนระดับแก่นแท้จิตวิญญาณหรือบุปผาผลิบานเลย พวกนางคะยั้นคะยอให้หลิงฮันพาชูหวู่จิวไปด้วย

“ข้าบอกว่าไม่จำเป็น” หลิงฮันยิ้มอย่างซุกซน เขาดีดนิ้วและพูด “ไปกันเถอะ”

พี่น้องลิ่วยอมจำใจและออกเดินทางกับหลิงฮัน พวกนางเชื่อว่าเมื่อหลิงฮันได้เจอของจริง เขาจะต้องกลับมาพาชูหวู่จิวไปด้วยแน่ๆ อย่างมากพวกนางก็แค่เสียเวลาเดินทางไปอีกรอบหนึ่ง

ทั้งสี่คนออกเดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองจักรพรรดิ

สำหรับหลิงฮัน การเดินทางครั้งนี้เป็นแค่การเดินทางระยะสั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พาหลิวอู๋ตงและคนอื่นๆไปด้วย เขาเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะสิ้นได้ภายในไม่กี่วัน

ผ่านไปวันสองวัน พวกเขาก็มาถึงเมืองจักรพรรดิ

หลิงฮันสอบถามเรื่องของน่าจือเหยียนมาแล้ว เขาคือคนที่ลึกลับเป็นอย่างมาก เมื่อครึ่งปีก่อนจู่ๆชายคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมาและกลายเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิเพลิงรวมถึงได้เป็นผู้ควบคุมการขุดเหมือง

โดยปกติแล้วคงไม่มีใครให้ความสนใจกับน่าจือเหยียนมากนัก แต่เมื่อการขุดเหมืองเริ่มขึ้น ปัญหาต่างๆก็เกิดขึ้นมา คนที่เข้าไปขุดเหมืองจะต้องตกตายหลังจากออกจากเหมืองมาได้หนึ่งหรือสองวัน

หลังจากพลิกหน้าประวัติศาสตร์สิบคนดู พวกเขาก็พบว่าปัญหาของเหมืองนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว ซึ่งทำให้เหมืองถูกผนึกเอาไว้ แต่เหมืองกับถูกเปิดออกอีกครั้งด้วยคำแนะนำจากน่าจือเหยียน ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงภายในเหมืองมีอะไรอยู่กันแน่ แต่มีหินสีแดงจำนวนมหาศาลถูกส่งไปยังปราสาทจักรพรรดิ

แม้จะมีคนเสียชีวิตมากมายทุกวันจากการขุดเหมือง แต่จักรพรรดิเพลิงก็ยังพยายามส่งประชากรมากมายทั่วทั้งแคว้นเข้าไปในเหมือง ทำให้ผู้คนทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว

“น่าจือเหยียนผู้นี้เป้นใครกันแน่ และเป้าหมายของเขาคืออะไร?” หลิงฮันอดที่จะสงสัยไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ตัดสินใจจะเข้าไปสำรวจเหมืองที่ว่า

“ไปกันเถอะ พวกเราจะพาเจ้าไปพบคนรักเก่า!” ลิ่วลู่เอ๋อคว้าตัวหลิงฮันและลากไปหาหยุนชวงชวง

หยุนชวงชวงเกิดและเติบโตที่ศาลาบุปผางามและนางได้เดินทางมายังแคว้นเพลิงแห่งนี้ นางซื้อคฤหาสน์หรูหราแห่งหนึ่งเพื่อนำไว้เป็นสถานที่สร้างความสนุกสนานให้กับเหล่าชนชั้นสูงโดยหารายได้จากการเก็บค่าเข้าชม เพียงแต่ว่าอย่าคิดที่จะใกล้กับนางเด็ดขาด สิ่งที่นางขายคือศิลปะการแสดงไม่ใช้ร่างกาย

สถานะของนางเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ฟังเสียงคนตรีที่นางบรรเลง

ตอนนี้มีบุตรชายของตระกูลชนชั้นสูงมากมายที่พยายามแต่งงานกับนาง ชายหนุ่มเหล่านั้นทั้งต่อสู้แย่งชิงกันอย่างเปิดเผยและลับๆ นายน้อยแต่ละคนใจกว้างเป็นอย่างยิ่ง บ้างก็มอบลานที่พักให้นาง บ้างก็มอบเพชรพลอยให้นาง หยุนชวงชวงในตอนนี้เรียกได้ว่ามั่งคั่งยิ่งนัก

ทั้งสี่คนเดินมาถึงคฤหาสน์ของหยุนชวงชวง คฤหาสน์ถูกสร้างคาขนานกับทะเลสาป บรรยากาศรอบๆนั้นมองแล้วเพลิดเพลินใจเป็นอย่างยิ่ง

ด้านหน้าทางเข้าของคฤหาสน์ที่ผู้คนต่อแถวกันยาวเหยียด

คฤหาสน์ของหยุนชวงชวงไม่รับการจองล่วงหน้า หากอยากฟังเสียงขับร้องของหยุนชวงชวง คนผู้นั้นจะต้องมาต่อแถวกันเอง ซึ่งแม่นางชวงชวงมักจะต้อนรับในช่วงช่วงกลางวัน

หลิงฮันพยักหน้า ถ้าร้านอาหารไม่อาจลืมเลือนและร้านราชันโอสถของเขาถูกมอบให้น่าจือเหยียนผู้จัดการ บางทีธุรกิจอาจจะไปได้สวยกว่าเดิมหลายเท่าก็ได้

“พวกเจ้าทำอะไรอยู่? มาต่อแถวสิ! รึจักรึเปล่าการต่อแถวน่ะ?” เมื่อเห็นหลิงฮันเดิมตรงเข้าไปยังทางเข้า ทุกคนก็อารมณ์เสียทันที

พี่น้องลิ่วไม่สนใจคนเหล่านั้น พวกนางเดินไปยังทางเข้าและนำเหรียญตราสีดำออกมาแกว่ง จากนั้นหญิงรับใช้ชราก็รีบพาพวกนางเข้าไปข้างในทันที หลิงฮันเองก็อุ้มฮูหนิวเดินตามเจ้าไปข้างในเช่นกัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนมากมายไม่พอใจและสงสัย ชายหนุ่มเข้าไปในคฤหาสน์ของแม่นางชวงชวงพร้อมกับหญิงสาวสองคน มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

สัตว์ป่า! ยิ่งกว่าสิ่งใดชายหนุ่มคนนี้ยังพาเด็กสาวตัวเล็กแค่นั้นเข้าไปด้วย!

“นายน้อยฮัน!” หลังจากหลิงฮันเข้ามาในคฤหาสน์ได้ไม่นาน หยุนชวงชวงก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับ นางเดินมาในสภาพที่สวมชุดบางๆและผมที่ยุ่งกระเซิงซึ่งเป็นหลักฐานว่าเมื่อครู่นางกำลังหลับอยู่และเมื่อได้ยินว่าหลิงฮันมาหา นางก็รีบมาต้อนรับเขาทันที

หลิงฮันยิ้มและพูด “ไม่ได้พบกันนาน”

หยุนชวงชวงรีบพยักหน้า ดวงตาอันงดงามของน้ำปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตา สำหรับนางแล้ว หลิงฮันคือผู้ช่วยชีวิตที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆจากนาง แตกต่างจากชายอื่นที่มีเป้าหมายคือความงามของนาง

“ไปกันเถอะ!” ฮูหนิวดึงมือหลิงฮัน ความหึงหวงของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

หลิงฮันพยักหน้าและพูดกับหยุนชวงชวง “เจ้าสบายดีก็ดีแล้ว รักษาตัวเองด้วยล่ะ”

หยุนชวงชวงรู้สึกหดหู่และรีบพูดออกมา “นายน้อยฮันจะไม่พักที่นี่สักหน่อยรึ?”

“ข้ามีธุระ” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองไปยังพี่น้องลิ่วและพูดต่อ “สำหรับเรื่องของน่าจือเหยียน ข้ามีแผนการของข้าอยู่แล้ว พวกเจ้าจะทำอะไรก็แล้วแต่พวกเจ้า แต่ถ้าหากพวกเจ้าถูกจับกุมตัวอีกครั้ง ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายอีก”

“หึ พูดเหมือนกับว่าตัวเองสุดยอดมากอย่างนั้นแหละ” ลิ่วลู่เอ๋อแลบลิ้นออกมา

แน่นอนว่าหลิงฮันไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับนาง เขาเดินออกจากคฤหาสน์ไปพร้อมกับฮูหนิวเพื่อไปสำรวจเหมืองและตามหาน่าจือเหยียน เขาจะทำให้น่าจือเหยียนพิการหรือไม่ก็สังหารทิ้งซะหากเห็นว่าสมควร เข้าไม่ต้องการจะเสียเวลาอยู่ที่นี่

เมื่อชายหนุ่มและเด็กสาวเดินออกไป ผู้คนที่ต่อแถวอยู่ข้างนอกก็จ้องพวกเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

“หยุด!” ชายหนุ่มที่ดูมีอายุประมาณยี่สิบสามยี่สิบสี่ปีเดินออกมา มันมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับก่อเกิดธาตุขั้นเจ็ด… ในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวแห่งนี้ มันนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง

หลิงฮันถอนหายใจ ทำไมผู้คนมักจะชอบหาเรื่องใส่ตัวตลอด?

“เจ้ามีความสัมพันธ์แบบใดกับแม่นางชวงชวง?” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยถาม ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความอิจฉา

หลิงฮันคือบุรุษเพียงคนเดียวที่เข้าไปยังคฤหาสน์ของแม่นางชวงชวง ถึงแม้ที่จริงแล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหล่าชายหนุ่มที่รออยู่ข้างนอกก็ยังรู้สึกไม่พอใจและอิจฉาอยู่ดี

“ไม่เกี่ยวกับเจ้า” หลิงฮันพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “หลบไปซะ อย่าหาเรื่องใส่ตัว”

“ช่างอวดดี!” ชายหนุ่มคนนั้นแสยะยิ้มและชักดาบยางที่เสียบอยู่ข้างเอวออกมา “กล้าทำตัวหยาบคายต่อหน้าลูกหลานตระกูลโปว? ตายไปซะ!”

มันลงมือโจมตีอย่างอุกอาจ ใบดาบดาบพุ่งเข้าใส่จุดตายของหลิงฮัน เห็นได้ชัดว่ามันมุ่งหวังเอาชีวิตของเขา