ในขณะที่คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวอยู่ด้านในโกดังอาหาร ณ ด้านนอก พวกหลิงม่อก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน
แทบจะในเวลาเดียวกับที่อวี๋ซือหรานกระโดดข้ามกำแพงเข้าไป หลี่ย่าหลินในฐานะแนวหน้าของทีมหลิงม่อ ได้แนบตัวชิดประตูเหล็กและย่องเข้าไปในโกดังอาหารอย่างเบามือเบาเท้าที่สุด ห่างออกไปไม่ไกล หลิงม่อกับหญิงสาวอีกสี่คนกำลังเดินตามมาติดๆ หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ หนึ่งคนสามซอมบี้ ซึ่งประกอบไปด้วยหญิงสาวกึ่งอันตรายที่อยู่ในสภาวะไม่มั่นคง และเด็กสาวที่ดูคล้ายคนแต่เป็นซอมบี้ รวมถึงสาวขี้กลัวที่ด้านหลังดูปกติ แต่ด้านหน้ากลับสวมหน้ากากปิดกั้นสายตาจากคนภายนอกไว้
ช่างเป็นการรวมตัวกันที่ผิดธรรมชาติจริงๆ…
“ที่แท้ก็อย่างนี้เอง…แบบนี้เรียกว่าการเปิดตัวแบบยิ่งปกปิดก็ยิ่งโฉ่งฉ่างสินะ?” สวี่ซูหานมองพวกหลิงม่อพร้อมกับหางตาที่กระตุกยิกๆ ในใจพลางคิด คนพวกนี้ทำอะไรรอบคอบกันจริงๆ…แต่ท่าทางลับๆ ล่อๆ แบบนี้จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อรอบๆ ไม่มีสิ่งกำบังกายเลยซักอย่าง!
ทว่าสถานการณ์อย่างนี้ดำเนินไปเพียงไม่ถึงสิบเมตรเท่านั้น เพราะเมื่อก้าวเข้าสู่ประตูใหญ่ พวกเขาก็รีบพุ่งตัวไปหลบหลังรถที่จอดทิ้งไว้เหล่านั้น จนกระทั่งตอนนี้ สวี่ซูหานจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าสีหน้าท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เอาล่ะ…เมื่อกี้น่าจะพอดึงดูดความสนใขของพวกเขาได้แล้ว” หลิงม่อพูดขึ้นเสียงเบาทันทีที่นั่งยองๆ หลังรถเบนซ์คันหนึ่ง
“เฮ้ย นี่มันต่างจากที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ!” สวี่ซูหานอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม “ฉันเข้าใจจุดประสงค์ของพวกนาย!…แต่พฤติกรรมเมื่อกี้มันโจ่งแจ้งเกินไปหรือเปล่า! คนโง่ที่ไหนดูยังรู้เลยว่ามีปัญหา! พวกนั้นต้องรู้แน่ว่าพวกเราคิดจะทำอะไร”
“ก็ทำเพราะอยากให้พวกนั้นรู้ไง” รอยยิ้มแปลกๆ อันเป็นเอกลักษ์ฉาบบนใบหน้าของซย่าน่า สวี่ซูหานหันไปมองเธอ พลันอดรู้สึกเย็นสะท้านไม่ได้ นี่ไม่ใช่รังสีอำมหิตที่เกิดจะระดับวิวัฒนาการที่สูงกว่า แต่เป็นรังสีความชั่วร้ายต่างหาก…
ดูเหมือนว่าหลิงม่อจะไม่ได้หลอกเธอ…ซย่าน่าที่ดูเหมือนมนุษย์คนนั้น ปรากฏตัวออกมาเป็นบางครั้งบางคราวอย่างที่เขาบอกจริงๆ
ซย่าน่าคนเดิมก็มีเวลาที่จริงจังอยู่บ้าง แต่ซย่าน่าที่ให้ความรู้สึกที่ “ค่อนข้างใกล้เคียง” กับมนุษย์ กับซย่าน่าคนเมื่อกี้ที่เขาเห็นนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าหากบอกว่าอย่างแรกเป็น “เวอร์ชันดั้งเดิม” งั้นอย่างหลังก็เป็นเหมือนเวอร์ชันที่ปรังปรุงแล้ว
ราวกับว่า…ถึงแม้สวี่ซูหานไม่เคยเจอซย่าน่าคนก่อนที่ยังไม่กลายพันธุ์ แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่านั่นก็คือซย่าน่าในตอนที่ยังเป็นมนุษย์…
“อีกฝ่ายหมายจะเล่นงานพวกเราด้วยวิธีสกปรก งั้นพวกเราก็จะรับมือพวกเขาด้วยวิธีโจ่งแจ้ง ถึงแม้ทำอย่างนี้อาจไม่สามารถบีบให้พวกเขาออกมาเคลื่อนไหวในที่แจ้ง แต่ก็สามารถลดผลกระทบที่ไม่เป็นผลดีต่อเราได้มากที่สุด พวกเขารู้ว่าพวกเราจะทำอะไรเป็นลำดับต่อไป พวกเราก็รู้เหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะทำยังไงต่อไป พวกเราก็จะใช้กลยุทธ์หนามยอกเอาหนามบ่ง” หลิงม่อบอก
สวี่ซูหานครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าบอกว่า “อันนี้ฉันเข้าใจ งั้นลำดับต่อไปพวกเราจะทำอะไร?”
“ถ่วงเวลา จากนั้นก็แฝงตัวเข้าไป” หลิงม่อทอดมองไปที่อาคารหอพักหลังนั้น
ทั้งสองทีมแยกกันเคลื่อนไหว และแฝงตัวเข้าไปในโกดังในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน เรื่องอย่างนี้สำหรับศัตรูที่มีข้อได้เปรียบเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม เห็นชัดว่าเป็นปัญหายุ่งยาก แต่ในทางกลับกัน พวกหลิงม่อกลับสามาถใช้จุดนี้มาเสริมข้อเสียเปรียบของฝ่ายตัวเองได้
“ถ้าหากว่ามีคนจับตามองพวกเราอยู่จริงๆ ฉันก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องอดทนได้ไม่นานแน่ นี่ก็คือแผนลับของเรา เราต้องห้ามเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายซุ่มโจมตี ฉะนั้นพวกนั้นก็ทำได้เพียงลงมือโดยต้องยอมเสี่ยงอันตราย ไม่ว่าพวกนั้นเลือกซุ่มโจมตีทีมไหน อีกหนึ่งทีมที่เหลือก็จะมีเวลาหาทางรับมือ แน่นอนว่าถ้าหากที่นี่ไม่มีใครอยู่ หรืออาจมีผู้รอดชีวิตที่ไม่คิดจะสู้กับพวกเราอยู่ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” หลิงม่อพูดต่อ
ขณะเดียวกับที่พูด พวกเขาก็ค่อยๆ ย่องไปตามช่องว่างระหว่างรถ รถราเหล่านี้สภาพเหมือนตอนที่พวกเขาเห็นจากข้างนอก นอกจากผุพัง ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ในรถขนสินค้าบางคันนั้นยังพอมีกระสอบข้าวสารวางกองกันอยู่บ้าง แต่หลังจากถูกวางทิ้งไว้หนึ่งปี พวกมันก็ขึ้นราเน่าเฟะไปนานแล้ว
หากเป็นเมื่อก่อน สวี่ซูหานคงนึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้พอเห็นภาพดังกล่าว เธอกลับไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว กระทั่งขณะที่ตระหนักได้ว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไร เธอยังอดคิดในใจไม่ได้ว่า “ถ้าหากฉันยังเป็นมนุษย์ คงคิดว่าน่าเสียดายมากแน่ๆ…”
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมอง สวี่ซูหานพลันอึ้งงัน “นี่น่ะหรือคือซอมบี้…ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าหากตัวเองเป็นมนุษย์จะรู้สึกอย่างไร แต่ก็แค่รู้เท่านั้น ฉันไม่มีทางกลับไปมีความรู้สึกแบบนั้นได้อีกครั้งแล้ว” เธอหันไปมองซย่าน่า “ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงเป็นเหมือนกันสินะ? หรืออาจแย่กว่าฉันหน่อย…คือแม้แต่จะแสร้งทำเป็นมนุษย์ก็ยังทำไม่ได้…”
คิดถึงตรงนี้ สายตาที่เธอมองหลิงม่อก็เปลี่ยนเป็นสับสนเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าฉันควรเข้าใจเขา…ถึงแม้ตอนนี้ยังทำไม่ได้ แต่ฉันรู้ว่าฉันควรคิดยังไง…”
“กึก!”
ในตอนนี้เอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นท่ามกลางรถยนต์ที่จอดเรียงราย
เหล่าซอมบี้สาวรีบหันไปมองต้นกำเนิดเสียงอย่างว่องไว ในบรรดาพวกเธอเย่เลี่ยนคือคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วที่สุด ดวงตาของเธอปรับเข้าสู่โหมดกล้องสลับลายแทบจะในเสี้ยววินาที ขณะเดียวกับที่ม่านตาหดตัว สายตาของเธอพลันเพ่งเล็งไปยังรถยนต์คันหนึ่ง
ความสามารถในการวิเคราะห์และตอบสนองอันยอดเยี่ยมอย่างนี้ เห็นชัดว่าเหนือกว่าพลังของพวกซย่าน่าไปหลายระดับแล้ว
ความจริงแล้วในด้านนี้ ถึงแม้เวลาการอัพเกรดห่างกันเพียงศูนย์จุดหนึ่งวินาที แต่เมื่ออยู่ในการต่อสู้ที่แท้จริง ความแตกต่างนั้นจะยิ่งใหญ่มาก ความห่างชั้นระหว่างซอมบี้ระดับสูงกับซอมบี้ธรรมดา ก็ล้วนสั่งสมมาจากความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทั้งนั้น
ดังนั้นพฤติกรรมอย่างนี้ของเย่เลี่ยน สามารถพูดได้ว่าเป็นการอัพเกรดที่ไม่ธรรมดาแล้ว
ทว่าเวลานี้นอกจากหลิงม่อที่รับรู้ได้ถึงเรื่องนี้แล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือล้วนหันไปสนใจต้นกำเนิดของเสียงนั้น
“ทางนั้น!” หลิงม่อชี้ไปที่รถขนสินค้าที่ดูเหมือนเป็นเพียงรถเก่าๆ ธรรมดาคันหนึ่ง
แต่ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ และสังเกตอย่างละเอียดนั้น…
“ซ่าาา…” เมล็ดข้าวจำนวนหนึ่งกระจายลงมาจากด้านหลังรถขนสินค้า
สวี่ซูหานพลันถอนหายใจ “ฟู่ว…ตกใจหมดเลย ที่แท้ก็กระสอบข้าวสารรั่ว…” พูดไป เธอก็หมุนกายกลับไป เดินไปยังอาคารหอพักต่อ ปากยังพึมพำต่อว่า “ดูเหมือนว่าวิธีของพวกเธอจะลดความเสี่ยงได้ดีจริงๆ ด้วย แต่พวกเราก็ยังได้รับผลกระทบตามไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี…”
“ไม่…นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว! ทุกคนระวัง…ผู้ประกาศข่าวสวี่ ด้านข้าง!” เสียงของหลิงม่อพลันดังมาจากข้างหลัง
ถึงแม้ว่าสวี่ซูหานยังคงพูดอยู่ แต่สัญชาตญาณของซอมบี้กลับทำงานอัตโนมัติ เธอสัมผัสได้ถึงอันตรายโดยสัญชาตญาณ ร่างกายรีบโฉบหลบไปด้านข้างแทบจะในทันที
แต่…ก็ยังคงช้าไปก้าวหนึ่ง
สวบ!
สวี่ซูหานมองดูประกายของมีคมเส้นหนึ่งพุ่งเข้ามาหาตัวเอง แต่อาศัยพลังของเธอ กลับไม่อาจเคลื่อนหลบการโจมตีนี้ไปได้…
ความเป็นความตาย กำลังดิ่งตรงเข้ามาหาเธอ…
—————————————————————————–