บทที่ 1145 ฉากกั้นที่มองไม่เห็น

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

สมองขาวโพลนไปชั่วขณะ ทว่าทันใดนั้นสวี่ซูหานกลับรู้สึกได้ถึงพละกำลังกลุ่มหนึ่งที่โอบรัดเอวเธอ ร่างกายเธอพลันถอยหลังไปอย่างไม่อาจควบคุม เสี้ยววินาทีที่ร่างของเธอถอยหลังไป ประกายของมีคมเส้นนั้นพุ่งเข้ามาถึงตรงหน้าเธอ

เคร้ง!

ท่ามกลางเสียงกระทบเสียงแทงแก้วหู ร่างของสวี่ซูหานพุ่งเข้าไปในอ้อมอกหนึ่ง พร้อมกับเสียงครางที่ดังมาจากเหนือศีรษะของเธอ

“กรี๊ดด! นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” สวี่ซูหานพลันได้สติ รีบยืนตัวตรง แล้วหันไปถาม

หลิงม่อมองเธอด้วยใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ส่ายหน้าบอกว่า “เธอล่ะ?”

“ฉัน…” สวี่ซูหานก้มหน้ามองตัวเอง แล้วก็เห็นรอยขาดบนเสื้อตัวเองทันที ทว่าโชคดีที่การโจมตีเมื่อครู่ไม่ได้สร้างบาดแผลให้เธอแต่อย่างใด

สวี่ซูหานตอบเขาด้วยน้ำเสียงแฝงความผวา “ฉันไม่เป็นไร…ขอบคุณนายมาก”

“ระวังหน่อย อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก” หลิงม่อพูดเสียงเครียด

เวลานี้พวกเขากำลังซ่อนตัวอยู่ที่ล้อของรถขนส่ง ซย่าน่าเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง พลางถามว่า “พี่หลิง เมื่อกี้…พี่เห็นชัดหรือเปล่า? เป็นมีดหรอ?”

“ไม่ใช่มีด…” หลิงม่อเผยสีหน้าเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ “ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มั่นใจได้ว่าไม่ใช่มีดแน่นอน…ฉันต้านรับไว้ได้ แต่ประกายของมีคมเส้นนั้นกลับหายไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นมีดไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่”

“ความเร็วระดับนี้ แล้วยังสามารถทำให้พี่หลิงรู้สึกได้ถึงพละกำลังอันมหาศาล…จะใช่พลังพิเศษหรือเปล่า? หรือว่า…เป็นพลังของซอมบี้ระดับสูง?” ซย่าน่าพึมพำเสียงเบา

สวี่ซูหานพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด “อีกฝ่ายอยู่ในที่ลับ แล้วยังมีวิธีต่อสู้แบบนี้อยู่อีก แต่พวกเรากลับไม่รู้แม้แต่สายพันธุ์ของศัตรู นี่มัน…”

“อย่างน้อยมีสองเรื่องที่มั่นใจได้ หนึ่ง ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ตามคาด สอง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นตัวอะไร แต่พวกเขาไม่ประสงค์ดีกับเราแน่” หลิงม่อพูดเสียงเย็น ขณะเดียวกันก็รายงานสถานการณ์ให้ทางเฮยซือรู้ผ่านสายสัมพันธ์ทางจิต “เฮยซือ ระวังตัวด้วย ที่นี่มีศัตรูอยู่?”

“เฮยซือ?” หลิงม่อรอสองวินาที แต่กลับไม่ได้รับการตอบกลับ เขาเรียกชื่อเธออีกสองครั้ง จนสุดท้ายก็ต้องเงยหน้ามองพวกซย่าน่า แล้วพูดเสียงเครียดว่า “ทีมของเฮยซือก็ถูกซุ่มโจมตีแล้วเหมือนกัน”

“แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลี่ย่าหลินเบิกตากว้างและรีบถาม

หลิงม่อยกมือกดตรงขมับ นิ่งเงียบไปหนึ่งวินาทีแล้วตอบว่า “น่าจะไม่เป็นอะไร ฉันสัมผัสรู้ได้ถึงพวกเธอ แต่ดูเหมือนว่าบริเวณที่พวกเธออยู่จะถูกปิดล้อมแล้ว”

“หรือไม่บางที ก็เป็นพวกเราที่ถูกปิดล้อม” อยู่ๆ เย่เลี่ยนกลับพูดขึ้น

การที่อยู่ๆ เธอก็พูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนล้วนอึ้งงันไปชั่วขณะ ทว่าหลิงม่อเพิ่งจะฉายสีหน้าตกตะลึง เสียงแหลมคมก็พลันดังมาจากช่องว่างระหว่างรถยนต์

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึงคือ พวกเขากลับไม่สามารถแยกแยะทิศทางของแหล่งกำเนิดเสียงได้ เพราะเหมือนกับว่ามันพุ่งเข้ามาจากทั่วทิศ และกำลังพุ่งแหวกอากาศมายังพวกเขาทุกคน

“ทุกคนกระจายตัวเร็ว!” หลิงม่อเพิ่งจะตะโกนลั่น เสียงแหลมคมนั้นก็พุ่งมาถึงข้างกายพวกเขาทุกคนแล้ว

ในตอนนี้เอง หลิงม่อพลันรู้สึกตื่นตระหนกสุดขีด ความรู้สึกนั้นรุนแรงมาก กระทั่งทำให้เขาแทบจะคลั่งในพริบตา

ขณะเดียวกัน เสียงแหลมคมจากทิศอื่นพลันเงียบหายไป ราวกับว่าได้รวมตัวกันเป็นเส้นเดียว

“เป้าหมายของมัน…คือฉัน!” หลิงม่อพลันตระหนักได้

เคร้ง!

หลิงม่อพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันเงาดำเส้นหนึ่งพลันปรากฏอยู่ด้านหลังเขา

ประกายของมีคมเส้นหนึ่งพลันฟาดฟันทะลุล้อรถ จากนั้นก็ถูกกระชากออกไปปะทะกับเงาดำเส้นนั้น

พละกำลังสองขุมปะทะกันอย่างดุเดือดท่ามกลางสะเก็ดไฟที่ปะทุกลางอากาศ วินาทีต่อมาเงาดำเส้นนั้นพลันกระตุกไหว ราวกับภาพที่มักเกิดเวลาสัญญาณโทรทัศน์ขาดหาย

“ย๊ากก…”

หลิงม่อที่เท้าสัมผัสพื้นแล้วพลันคำรามเสียงต่ำ พลิกมือโบกกลางอากาศ

เงาดำที่ใกล้จางหายกลับขยายใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งส่วน หนวดสัมผัสที่อยู่ระหว่างนิ้วพลันกระเพื่อมไหวทันใด

ประกายของมีคมเส้นนั้นหายไปอีกแล้ว…

“เจ้านี่มีจิตอาฆาตไม่เบา” หลิงม่อรีบแนบแผ่นหลังชิดรถคันหนึ่ง จากนั้นก็มองล้อรถที่ถูกหั่นเป็นสองท่อนอย่างตกตะลึง…

ถึงแม้ยางรถวงนั้นจะเก่ามากแล้ว แต่ยางรถขนาดใหญ่ที่เอาไว้ใช้กับรถขนสินค้าแบบนี้ ลำพังแค่ความแข็งกับความทนทานก็น่าทึ่งมากแล้ว…ถึงแม้หลิงม่อเองก็สามารถใช้หนวดสัมผัสแทงทะลุมันได้เช่นกัน แต่หลังจากแทงทะลุมันแล้วยังสามารถรักษาความเร็วและพละกำลังอย่างนั้นไว้ได้ ถือเป็นเรื่องยากมากทีเดียว…

แต่ประกายของมีคมเส้นนั้นไม่เพียงรักษาความแกร่งในการโจมตีอย่างนี้ไว้ได้ แต่ยังมีความสามารถในการซุ่มโจมตีอันยอดเยี่ยมอีกด้วย…

คนอื่นๆ ล้วนรีบซ่อนตัวบริเวณรอบๆ เวลานี้แต่ละคนมีสีหน้าตึงเครียดไม่ต่างกัน

ถ้าหากไม่ใช่เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป้าหมายโจมตีของศัตรูเป็นใคร พวกเธอคงไม่ถึงขั้นไม่อาจช่วยเหลือหลิงม่อได้อย่างนี้

โชคดีที่การตอบสนองทางประสาทของหลิงม่อรวดเร็วพอ ไม่อย่างนั้นคงยากคาดเดาได้ว่าเขาจะปลอดภัยหรือไม่

แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ทุกคนกลับไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะยิ่งรับมือได้ยากยิ่งกว่า

“ศัตรูจะล็อกเป้าก่อนโจมตีเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าจะเป็นผู้ถูกลอบโจมตี หรือคนอื่นๆ ล้วนมีเวลาตอบสนองเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่เท่านั้น” หลิงม่อลอบคิด

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป นับตั้งแต่ตอนที่ไม่สามารถติดต่อกับเฮยซือได้ จนถึงตอนที่วิธีซุ่มโจมตีของอีกฝ่ายอัพเกรดขึ้น ระหว่างนี้สิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือคำพูดเมื่อกี้ของเย่เลี่ยนที่บอกว่า—บางทีฝ่ายที่ถูกปิดล้อม อาจเป็นพวกเขาเอง

หลิงม่อมองไปยังทิศที่ผู้ลอบโจมตีปรากฏ แต่กลับไม่พบอะไรผิดปกติ แสงอาทิตย์เหนือศีรษะยังคงแผดเผา รถราเหล่านี้ยังคงดูไม่ต่างจากปกติ และด้านหน้าพวกเขาก็คืออาคารหอพักหลังนั้น…

“ใช่แล้ว…พวกเราไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของทีมเฮยซือ! ถ้าหากพวกเขาถูกซุ่มโจมตีจริงๆ พวกเราก็ต้องได้ยิน! ถึงเราจะไม่ได้ยิน แต่พวกซย่าน่าก็ต้องได้ยินแน่นอน แต่พวกเธอไม่ได้พูดอะไร แค่นี้ก็ได้คำตอบชัดเจนแล้ว”

หลิงม่อพลันกระจ่างทันใด…ถ้าหากอีกฝ่ายสามารถปิดล้อมได้จริงๆ แสดงว่าอีกฝ่ายต้องมีวิธีที่สามารถส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขา…อาจเป็นพลังจิต หรืออาจเป็นการใช้กลิ่นหรือสิ่งอื่นๆ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ตกเป็นเป้าซุ่มโจมตี พวกเขาไม่อาจพิสูจน์การคาดเดาทั้งหมดนี้ได้

ฉะนั้นฝ่ายที่ถูกปิดล้อมอย่างแท้จริง เป็นพวกเขาตามคาด

และภาพเหตุการณ์ที่ดูปกติดีทุกอย่างนี้ ก็อาจไม่ใช่เรื่องจริงอย่างที่พวกเขาเห็นก็ได้…

“อย่างน้อยรถพวกนี้ก็เป็นของจริง แล้วก็สภาพแวดล้อมพวกนี้ด้วย” ซย่าน่าเองก็ตระหนักได้ถึงปัญหาเช่นกัน “อีกฝ่ายไม่มีทางเปลืองพลังเพื่อเปลี่ยนแปลงพวกนี้แน่ แล้วอีกอย่างพวกเราก็เพิ่งสังเกตเห็นถึงความผิดปกติเมื่อกี้ ฉะนั้นสิ่งที่เราเห็นก่อนหน้านั้นล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น”

“ก็จริง เธอพูดถูกแล้ว” หลิงม่อพยักหน้า พลางเหลือบมองเย่เลี่ยนแวบหนึ่ง

แต่เย่เลี่ยนกลับกลายไปเป็นเหมือนอย่างก่อนหน้านี้แล้ว เธอกำลังนั่งกอดเข่าและเหม่อลอย เหมือนกับว่าคนที่พูดประโยคนั้นออกมาไม่ใช่เธออย่างไรอย่างนั้น นอกจากนั้นไหล่อีกข้างของเธอก็ยังถูกหลี่ย่าหลินจับไว้ เดาว่าเมื่อกี้ตอนที่ผู้ซุ่มโจมตีปรากฏตัว รุ่นพี่คงเป็นคนพาเธอไปซ่อนตัวพร้อมกัน

ทว่าการที่เย่เลี่ยนพูดประโยคนั้นออกมาได้…ก็แสดงว่าเธอยังมีสติอยู่บ้าง…