“เย่เลี่ยนรู้ว่าพวกเราถูกปิดกั้น ไม่แน่ว่าอาจสามารถค้นพบเบาะแสอื่นได้ด้วย…แต่น่าเสียดายที่เธอได้สติเป็นบางเวลาเท่านั้น ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะวิวัฒนาการถึงระดับต่อไปได้อย่างไร พวกเราก็ไม่มีวิธีทำให้เธอฝืนประคองสติไว้ได้…” หลิงม่อลอบคิดในใจ
เย่เลี่ยนในตอนนี้เหมือนเธอในตอนที่เพิ่งฟื้นคืนสติปัญญาและความจำมาได้เล็กน้อย อยู่ในสภาวะที่ทั้งสับสน และมีความเป็นไปได้มากมายที่อาจเกิดขึ้น เย่เลี่ยนในตอนนั้นเหมือนเปลี่ยนจากเครื่องจักรสังหารมาเป็นซอมบี้ที่มีความคิดความอ่าน แล้วตอนนี้ล่ะ? บางทีเธออาจวิวัฒนาการไปเป็นอสุรกายที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่า หรือไม่บางที…เธอก็อาจกลับไปเป็นเธอคนเดิมในตอนแรกสุด…
มนุษย์
ปัจจุบันต้นกำเนิดที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ล้วนเป็นมนุษย์ทั้งนั้น…
“แต่พวกเรากลับไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ซุ่มโจมตีพวกเราเป็นตัวอะไรกันแน่” สวี่ซูหานพูดอย่างร้อนใจ ประกายของมีคมเส้นนั้นเพียงถูกหลิงม่อโจมตีและล่าถอยไปชั่วคราว แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะปรากฏตัวอีกเมื่อไหร่ และพุ่งเป้าไปที่ใคร อันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างนี้ กลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกกดดันมากกว่าเดิม
เธอยังรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวสุดขีดยามเผชิญหน้ากับความตาย ถ้าหากไม่ได้หลิงม่อช่วยไว้ ป่านนี้เธอคงบาดเจ็บเจียนตายแล้ว เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะมีความกล้าเผชิญหน้ากับมันอีกครั้งไหม และถ้าหากจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมันจริงๆ เธอจะสามารถรักษาความสงบนิ่ง เพื่อไม่กลายเป็นตัวภาระให้หลิงม่อได้หรือเปล่า
“ไม่ ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วล่ะ” หลิงม่อกลับพูดขึ้น
“นายรู้ได้ยังไง…”
“จำที่ฉันบอกเมื่อกี้ได้ไหม? ที่บอกว่าพวกเรากำลังสู้ภายใต้เงื่อนไขที่เหมือนกัน? แต่ดูจากตอนนี้ พวกเรากลับตกหลุมพรางตั้งแต่แรกแล้ว บางทีแม้แต่ความคิดแบบนี้ของฉันก็อาจอยู่ในแผนการของอีกฝ่ายตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นแผนการของอีกฝ่ายที่ชักนำความคิดของฉันให้คิดแบบนี้ ศัตรูน่ะ…รู้จักฉันเป็นอย่างดี…”
หลิงม่อพูดต่อว่า “สามารถวางแผนอย่างนี้ไว้ล่วงหน้า แล้วยังเล็งเป้ามาที่พวกเรา ขณะเดียวกันยังรู้จักสถานที่แห่งนี้ด้วย มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…”
“นิพพาน” สวี่ซูหานพึมพำคำตอบออกมา
ที่นั่นคือกลุ่มผู้รอดชีวิตที่เธอเคยอยู่…และสาเหตุที่เธอกลายเป็นซอมบี้ ก็เพราะทำงานให้พวกเขา…แต่เดาว่าบอสใหญ่ผู้นั้นคงไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของเธอ เป้าหมายในการซุ่มโจมตีในครั้งนี้ คือชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอ ชายหนุ่มผู้ที่ลักลอบแฝงตัวเข้าไปในนิพพาน ฉวยโอกาสตอนที่ภายในสำนักงานใหญ่ไร้กำลังคนก่อความวุ่นวายใหญ่หลวง แล้วยังจับร่างแยกของบอสใหญ่ผู้นั้นมาเป็นตัวประกันอีกด้วย…
“พวกเขาต้องการฆ่านาย” สวี่ซูหานหน้าเปลี่ยนสี พลางพูดอย่างร้อนใจ
หลิงม่อกลับแนบแผ่นหลังชิดตัวรถและเหล่มองไปข้างหลัง ปากก็บอกว่า “เหอะ…ถ้าอย่างนั้นก็มารอดูแล้วกันว่าพวกเขาจะทำฝันให้กลายเป็นจริงได้หรือเปล่า ดูจากการวางกับดักและวิธีซุ่มโจมตีแล้ว บอสใหญ่ท่านนั้นยังคงจำฉันได้อย่างตราตรึงเลยสินะ แต่ตอนนี้พวกเราก็รู้แล้วว่าศัตรูเป็นใคร ฉะนั้นถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ อีกเดี๋ยวศัตรูจะลงมือเต็มที่แล้วล่ะ…”
“หมายความว่ายังไง? นี่นายช่วยพูดภาษาคนหน่อยได้ไหมเนี่ย…”
สวี่ซูหานเพิ่งพูดจบประโยค เสียงแหวกอากาศแหลมคมยิ่งกว่าเดิมพลันดังขึ้น ขณะเดียวกันประกายของมีคมมากมายหลายเส้นพลันพุ่งโจมตีมาที่ตัวรถซึ่งทุกคนกำลังซ่อนตัวอยู่ เกิดเป็นเสียง “เคร้งๆๆๆ” ดังติดๆ กัน และเมื่อผิวเหล็กถลอกปอกเปิก ประกายของมีคมเหล่านั้นก็พลันปรากฏตัวท่ามกลางกลุ่มคน
“นี่ไม่ใช่การซุ่มโจมตี อีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆ พวกเรา! พวกเขาสามารถปิดกั้นสภาพแวดล้อมได้ ก็สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของเราได้เช่นกัน! รีบวิ่งเข้าไปในอาคาร ออกจากที่นี้เร็วเข้า!” หลิงม่อกลับลุกพรวด และตะโกนสั่งเสียงดังลั่น
ผู้ติดตามของเขาล้วนมีแต่ซอมบี้ทั้งนั้น นอกจากเย่เลี่ยนที่อยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างพิเศษ พวกซย่าน่าต่างตอบสนองอย่างรวดเร็ว และรีบหลบหลีกประกายของมีคมเหล่านั้น พร้อมกับพุ่งตัวไปทางอาคารหอพักด้วยความเร็วสูง
ตามคาด เมื่อพวกเธอพุ่งตัวออกมา ประกายของมีคมเหล่านั้นกลับไม่ได้ไล่ตามมา ส่วนหลิงม่อแม้ว่าจะได้รับการเอาใจใส่จากศัตรูเป็นพิเศษ แต่เขากลับใช้หุ่นดวงจิตเสี่ยวเฮยโยนร่างตัวเองออกไป ขณะร่วงลงพื้นก็ได้ซย่าน่าที่ “บังเอิญ” ปรากฏตัวด้านล่างเขารับไว้ได้พอดี
“นี่พี่ตั้งใจใช่ไหม!” ซย่าน่าหมุนตัวคว้างอยู่ที่เดิม หลังผ่อนแรงก็ปล่อยตัวหลิงม่อลง
หลิงม่อเพิ่งจะยืนมั่นคง ก็รีบพุ่งตัวไปที่ช่องบันไดด้านหน้า “เปิดโอกาสให้เธอได้เป็นโฉมงามกอบกู้วีรบุรุษไง”
“เหอะ!”
“เหอะอะไร? ไม่ดีใจที่ฉันชมเธอว่าสวยหรอ?”
“ไม่ดีใจที่เวลาอย่างนี้พี่ยังเอาแต่พูดมากอยู่ได้!” ซย่าน่าเร่งความเร็วในเสี้ยววินาที ขณะวิ่งผ่านหลิงม่อก็ไม่ลืมถลึงตาใส่เขาหนึ่งที
ทว่าวินาทีต่อมาหลิงม่อก็รู้สึกเหมือนข้อมือตัวเองถูกดึงรั้ง เมื่อสองเท้าของเขาลอยห่างจากพื้น ร่างกายของเขาก็ไปปรากฏอยู่บนขั้นบันไดในชั่วพริบตา และประตูเหล็กบานนั้นก็ถูกหลี่ย่าหลินปิดดัง “โครม” ทันที
“ทำยังไงต่อดีล่ะ?” สวี่ซูหานมองไปยังลานกว้างอันโล่งเปล่าไร้ซึ่งเงาคน แล้วหันมาถาม แผนการเดิมที่พวกเขาวางไว้พังหมดแล้ว นั่นเป็นเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเลือกสถานที่ที่ไม่สะดุดตาซักนิดอย่างนั้นเป็นสนามซุ่มโจมตี และยิ่งไม่คาดคิดว่าพลังของอีกฝ่ายจะเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมาก
“พวกเธอคิดว่า อีกฝ่ายมีผู้ลอบโจมตีที่แข็งแกร่งอย่างนี้อยู่กี่คน?” หลิงม่อกลับถามขึ้น
“ไม่รู้สิ…ความจริงฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ความสามารถอย่างนี้ของอีกฝ่ายน่าจะเป็นพลังพิเศษใช่ไหม? แต่ทำไมเมื่อกี้ถึงมีประกายของมีคมมากขนาดนั้น…ถ้าหากว่าพวกมันถูกปล่อยออกมาจากคนๆ เดียว ฉันก็จะรู้ แต่นี่มัน…” ซย่าน่าขมวดคิ้วพูด
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันรู้ เมื่อประกายของมีคมเยอะขึ้น อานุภาพของมันจะลดลง ในเมื่อเป้าหมายของอีกฝ่ายคือฉัน ถ้าอย่างนั้นพวกเขาคงไม่คิดจะไปตามล่าพวกเฮยซือให้เสียแรงเปล่า ฉะนั้น พวกเขาน่าจะรวบรวมพละกำลังมาโจมตีพวกเรา” หลิงม่อบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…แผนการของพวกเราก็ไม่ถือว่าพังทั้งหมด ในเมื่อมีทีมหนึ่งที่ยังปลอดภัย ขอเพียงพวกเขาทำหน้าที่ได้ดี พวกเราก็มีความหวังที่จะมีทางหนี” สวี่ซูหานพูดอย่างตื่นเต้น
“ถูกต้อง” หลิงม่อพยักหน้า
อัตราที่ทีมของเฮยซือจะเกิดปัญหานั้นต่ำมาก
อีกฝ่ายปิดกั้นพวกเขาออกมา แสดงว่าพลังต่อสู้ของพวกเขาก็มีขีดจำกัดเช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่เหมือนกับที่พวกเขาจงใจแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถกำราบพวกหลิงม่อได้ในคราวเดียว แต่ถึงแม้อย่างนั้น หลิงม่อก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมศัตรูถึงต้องแสดงพละกำลังอันแข็งแกร่งให้พวกเขาเห็นทันทีที่เริ่มต้นอย่างนี้?
นอกจากนี้ ถึงแม้พวกเขาจะอ่านกับดักของอีกฝ่ายออก และหลิงม่อก็เข้าใจหลักการซุ่มโจมตีของอีกฝ่าย กอปรกับตอนนี้พวกเขาก็หนีเข้ามาในอาคารได้สำเร็จแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม หลิงม่อยังคงรู้สึกแปลกๆ ในใจ…
นี่เขา…มองข้ามอะไรไปหรือเปล่า?
มีอะไรบางอย่าง…ถูกเขาลืมไปหรือเปล่านะ?
หลิงม่อนึกถึงความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นตอนมาถึงที่นี่ทันที…เขานึกว่าตัวเองหาจุดที่ไม่ชอบมาพากลเจอแล้ว แต่ตอนนี้ ความรู้สึกแบบนั้นกลับกลับมาอีกครั้งแล้ว…
“ตกลงว่า…ความรู้สึกอย่างนี้มันคืออะไรกันแน่?”
หลิงม่ออดยกมือลูบหน้าอกตัวเองไม่ได้ ทว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ทันสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ทำไปโดยสัญชาตญาณนี้
ในตอนนี้เอง ทุกคนที่เพิ่งหลบหนีเข้ามาในทางเดินพลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นทันใด
เสียงนั้นดังมาจากด้านหลังของพวกเขา ทั้งเย็นชาและเต็มไปด้วยแววข่มขู่ “อย่าขยับ”
การคเลื่อนไหวของทุกคนพลันชะงักหยุด…เปิดเผยตัวเร็วขนาดนี้เลยหรอ?
หรือว่า นี่ก็คือสิ่งที่หลิงม่อพูดถึง…