หลังจากเจเทาวน์ผล็อยหลับไป ขณะที่หลินจือกำลังจะออกไปจากห้องนอนเขาอย่างเงียบๆ โทรศัพท์มือถือของเจเทาวน์ที่วางอยู่ข้างเตียงก็ดังขึ้น
กลางดึกอันเงียบสงัด เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้เจเทาวน์สะดุ้งตื่นขึ้นมา
หลินจือกุลีกุจอเข้าไปช่วยกดวางสายให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อเห็นชื่อผู้โทรเข้า การกระทำนั้นก็หยุดชะงักทันที
เจเทาวน์พยายามประคับประคองตัวเองลุกขึ้น และถามเธอ “ว่ายังไง”
หลินจือเม้มริมฝีปากแน่น จากนั้นยื่นโทรศัพท์ให้เจเทาวน์ “เทาเท่โทรมา”
ขณะพูดหลินจือพลางกัดฟันกรอด สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกเธอว่า ที่เทาเท่โทรหามาเจเทาวน์ในเวลานี้ ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
เจเทาวน์เลิกคิ้ว เขารับโทรศัพท์มาถือไว้ในมือแต่ยังไม่กดรับสาย พลางเงยหน้าขึ้นมองหลินจือ “ผมเดาว่า เขาโทรมาหาคุณรึเปล่า”
เทาเท่ต้องเห็นข่าวร้อนแรงที่หลินจือค้างคืนอยู่ที่นี่กับเขาแล้วอย่างแน่นอน จนนั่งไม่ติดระงับอารมณ์ไม่อยู่
เจเทาวน์อยากหัวเราะออกมา เทาเท่จะไล่ตามหลินจือกลับไปจริงๆ หรือ
ไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยรึไง
คนบางคน เมื่อไหร่ที่ได้สิ่งนั้นมาจะไม่รู้จักหวงแหน ต้องรอให้สูญเสียสิ่งนั้นไป ถึงกลับมานึกเสียใจทีหลัง
เจเทาวน์บอกว่าเทาเท่โทรมาหาเธอ หลินจือรีบส่ายหัวปฏิเสธ “เป็นไม่ได้?”
เจเทาวน์เหลือบมองโทรศัพท์ที่ดังอยู่ในมือ แล้วถามเธออีกครั้ง “คุณบล็อกเขาเหรอ”
หลินจือตกตะลึง “คุณรู้ได้อย่างไร”
เจเทาวน์หัวเราะขึ้นมา ส่งโทรศัพท์ให้เธอ ก่อนจะพูดขึ้น “คุณรับเถอะ เขาโทรมาหาคุณ”
เป็นผู้ชายด้วยกันและยังเป็นคนที่อยากได้หลินจือเหมือนกันอีก เจเทาวน์รู้ว่าเทาเท่กำลังคิดอะไรอยู่
เขากับเทาเท่มีความสัมพันธ์กันแค่เป็นหุ้นส่วน เทาเท่โทรมาหาเขากลางดึก ย่อมไม่ใช่เป็นห่วงเรื่องที่เขาป่วย และไม่ได้โทรมาเพื่อพูดคุยเรื่องงานเป็นแน่
นอกจากตามหาหลินจือแล้ว จะเป็นเรื่องอะไรได้อีก
หลินจือรับโทรศัพท์มากดรับสายอย่างจนปัญญา พลันได้ยินเสียงไร้อารมณ์ของเทาเท่ดังออกมา “คุณกับไอ้คนตระกูล钟ใช่ไหม”
หลินจือไม่ชอบที่เขาเรียกเจเทาวน์แบบนั้น แต่ตำหนิเขาไม่ได้เพราะอยู่ต่อหน้าเจเทาวน์ จึงทำได้เพียงตอบกลับไปสั้นๆ “ใช่”
เทาเท่พูดขึ้นทันที “เจ้าเล็กเป็นยังไงบ้าง”
หลินจือ “ฉันอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืนยังไม่ได้กลับ”
“มันเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง คุณก็ใจร้ายทิ้งมันไว้แล้วเหรอ” คำพูดของเทาเท่ราวกับว่าหลินจือทารุณกรรมเจ้าเล็กอย่างไรอย่างนั้น
หลินจือคิดว่า เทาเท่กินดินปืนเข้าไปจนเป็นบ้าแล้วหรือไง
ก่อนที่เธอจะเดินทางมาที่นี่ เธอเตรียมอาหารและน้ำไว้ให้เจ้าเหมียวเรียบร้อยแล้ว และอีกอย่างไม่ใช่ว่าเธอออกมานานเป็นสองสามวัน อย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้เช้าเธอก็กลับ เขาจำเป็นต้องโจมตีเธอขนาดนี้เลยเหรอ
ซ้ำยังมาหาว่าเธอใจคอโหดร้าย ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเจ้าเล็กขึ้นมากเลยเชียว เขาเป็นคนไม่ชอบสัตว์ตัวเล็กมาแต่ไหนแต่ไร ยังมีหน้ามากล่าวหาเธออีกเหรอ
หลินจือไม่อยากพูดอะไรกับเทาเท่ไปมากกว่านี้ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ”
ขณะที่เธอกำลังจะกดวางสายเทาเท่ก็รีบพูดขึ้นว่า “ผมจะไปเอากุญแจกับคุณ แล้วไปอยู่ดูแลเจ้าเล็ก”
หลินจือกลอกตามองขึ้น จำเป็นมาก จำเป็นจริงๆ
แต่ท้ายที่สุดเขาก็ส่งเจ้าเหมียวมาให้ หลินจือยอมรับว่าเขายังมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่บ้าง จึงพูดไปว่า “ถ้าคุณเป็นห่วงเจ้าเล็ก ฉันจะวานให้นานิไปดูแลให้ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ไม่อยากรบกวนคุณ”
พูดจบหลินจือก็วางสายไป
เธอไม่อยากให้เทาเท่ไปดูแลเจ้าเล็ก ข้อแรก คนอย่างเขาไม่มีทางดูแลใครได้ และข้อสอง เธอไม่อยากให้เขาไปที่บ้านของเธอ
หลินจือวางสายโทรศัพท์ เจเทาวน์ไม่ได้ถามเธอว่า เธอกับเทาเท่พูดคุยกันเรื่องอะไรกัน กลับพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “คุณกลับไปเถอะ ผมไม่น่าจะเป็นอะไรแล้วล่ะ”
หลินจือส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ฉันจะรอจนกว่าไข้คุณลดแล้วค่อยไป”
เจเทาวน์ถอนหายใจเบาๆ “หลินจือ ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร” หลินจือไม่ได้คิดว่าลำบากอะไร ครั้งก่อนที่เธอถูกพินอินลักพาตัวไปจนล้มป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล วันนั้นเจเทาวน์ก็คอยดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี เธอไม่มีเหตุให้ต้องทิ้งเขาที่กำลังมีไข้สูงอยู่ตอนนี้ไป
หลินจือกำชับเขาอีกครั้ง “คุณรีบพักผ่อนเถอะ ถ้ารู้สึกไม่สบายขึ้นมาค่อยเรียกฉัน”
“ครับ” เจอเทาวน์มุดตัวเข้าในผ้าห่มอีกครั้ง
หลังจากหลินจือออกไปจากห้องนอนตัวเอง ชายหนุ่มยังครุ่นคิดถึงเรื่องของเทาเท่ไม่หาย จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความไปหาเขา ‘ประธานเทาเท่ ผมไม่สบายเป็นไข้ยังไม่ลด แม้ว่าอยากทำอะไรเธอมากแค่ไหน แต่ก็คงไร้เรี่ยวแรง คุณรีบนอนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก’
ผู้ชายด้วยกัน เจเทาวน์รู้ดีว่าเทาเท่กำลังกังวลใจเรื่องอะไร เขาส่งข้อความไปหาเทาเท่แบบนี้ เพื่ออยากให้เขาหยุดเสียที
ไม่เช่นนั้น คืนนี้เทาเท่คงสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน และพวกเขาก็จะไม่มีใครได้พักผ่อนอย่างสงบสุขกันสักคน
เขาไม่ได้สงสารเทาเท่ แต่สงสารหลินจือที่ต้องถูกเทาเท่ทำให้เจ็บปวดแบบนี้
เจเทาวน์คาดเดาไม่ผิด ขณะนี้เทาเท่กำลังอยู่ข้างนอกบ้านของเขา
เขามีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในพื้นที่บ้านพักตากอากาศเหล่านี้เช่นกัน เพียงแค่ไม่เคยมาพักอาศัยเท่านั้น จึงเป็นการง่ายที่เขาจะเดินทางเข้าๆ ออกๆ ได้
หลังจากชายหนุ่มผู้ที่กำลังนั่งอยู่ในรถถูกหลินจือวางสายใส่ เขาเตรียมตัวจะเข้าไปข้างในบ้านของเจเทาวน์ด้วยความร้อนใจ ทันใดนั้นก็ได้รับข้อความจากเจเทาวน์ หลังจากที่ได้อ่านข้อความนั้น ความร้อนรุ่มภายในใจก็สงบลง
หลังจากแยกทางจากโซเมนและไวท์ เขาก็ขับรถตรงมายังบ้านของเจเทาวน์ทันที
เขาครุ่นคิดหาวิธีขัดขวางการค้างแรมอยู่บ้านเจเทาวน์ของหลินจือมาตลอดทาง ถ้าพวกเขาสองคนเกิดทำอะไรกันขึ้นมาล่ะก็ เขาจะฆ่าเจเทาวน์ทิ้งซะ
แต่เขารู้สึกไม่สบายใจ ดูเหมือนว่าหลินจือจะมีอะไรบางอย่างกับเจเทาน์ไปแล้วจริงๆ เขาไม่อยากเสียเธอไป
เขาติดต่อหลินจือไม่ได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเจเทาวน์
หลังจากได้รับข้อความของเจเทาวน์ ชายหนุ่มนั่งสูบบุหรี่อยู่ในรถสักพัก ก่อนจะขับออกไป
หลังออกมาจากที่นั่น เขาหาคนไปจัดการกับพวกปาปารัสซีที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ บ้านของเจเทาวน์ ที่คอยสอดส่ายสายตาหาแฟนสาวของเขา ไม่ให้เหลือหลงแม้แต่คนเดียว
หากวันหนึ่งตัวตนของหลินจือต้องถูกเปิดเผย แต่ต้องไม่ใช่ในฐานะแฟนสาวของเจเทาวน์ แต่เป็นในฐานะแฟนของเทาเท่คนนี้ หรืออาจกระทั่งในฐานะภรรยา ทว่าหากเป็นไปไม่ได้จริงๆ เป็นแค่อดีตภรรยาก็ได้เช่นกัน
สรุปแล้ว เขาอยากให้ทุกคนรับรู้ว่า เขากับหลินจือทั้งคู่เคยบรรจบใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นไข้ของเจเทาวน์ลดลงแล้ว หลินจือถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ หลังจากทั้งสองรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จสรรพ เธอก็บอกลาเจเทาวน์
เจเทาวน์เปลี่ยนเสื้อผ้าหยิบกุญแจรถมาแล้วพูดขึ้น “วันนี้ผมมีนัดกับลีวาย เดี๋ยวจะแวะไปส่งคุณกลับบ้านก่อน”
หลินจือกังวลเล็กน้อยกลัวจะถูกนักข่าวถ่ายรูป “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันกลับเอง คุณไปทำธุระของคุณเถอะ”
เจเทาวน์ยิ้ม “ผมมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเมื่อกี้ ไม่มีพวกนักข่าวแล้ว”
หลินจือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปาปารัสซีพวกนั้นไม่มีความทรหดอดทนเลยหรือไง พวกเขาควรแอบซุ่มอยู่แถวนี้สิ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ถ่ายรูปเธอไม่ใช่เหรอ
เจเทาวน์พูดอย่างไม่ปิดบัง “เป็นฝีมือของประธานเทาเท่เขาคงหาคนไปจัดการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว”
หลินจือไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเก็บสัมภาระของตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นเราไปกันเถอะ”
เธอยอมรับว่า ที่เทาเท่จัดการเก็บกวาดปาปารัสซีพวกนั้น เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมากเมื่อออกมาจากบ้านของเจเทาวน์
แต่ยังต้องเผื่อไว้ก่อน เธอติดอาวุธให้ตัวเองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
เจเทาวน์เองก็เช่นกัน พยายามไม่ทำตัวเองให้เป็นจุดเด่น ไม่ดึงดูดความสนใจโดยไม่จำเป็น