อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาวุธที่แตกต่างกันจึงปลดปล่อยพลังที่ต่างกันออกไปดังนั้นอาวุธของพระเจ้าจึงต้องการชิ้นส่วนอาวุธที่แตกต่างเพื่อเป็นส่วนเสริม ยกตัวอย่างเช่นจำเป็นต้องใช้อาวุธสองอย่างเพื่อแลกกับชิ้นส่วนของเศษกระจกสวรรค์
แม้ว่าพวกเขาจะทำการเลือกสรรค์มาแล้ว แต่กว่าจะตรงกันแต่ละอย่างนั้นมีเพียงร้อยละห้าเท่านั้นในตอนนี้รวมกันแล้วได้ร้อยละยี่สิบซึ่งยังห่างไกลจากส่วนต่อประสานมาก
ดาบวู่เฉินค่อยข้างมีค่าแลกเปลี่ยนถูก แต่อาวุธเทพนี้ไม่ได้มีพลังมากดังนั้นเวลานำไปต่อประสานจะทำให้เวลาลดลง ยิ่งพลังน้อยก็ยิ่งมีเวลามากตามจำนวนของพลังและเวลายิ่งพลังมากยิ่งใช้เวลาผสมผสานที่เยอะ
“ข้าควรเลือกอะไร?” ฟางฉีจับคางพึมพำ “เนื่องจากเราอยู่บนหน้าจอที่กำลังมีผู้ชมเฝ้าดูมากมาย หรือข้าจะใช้ดาบของพระเจ้าเพื่อเป็นการประเดิมสิ่งใหม่วันนี้ดี”
“เจ้าหนุ่มรออะไรอยู่เล่า!?” นาหลันฮงวูเอ่ยทักเมื่อเห็นฟางฉีกำลังมีท่าทีที่ลังเลใจ
ขณะนี้ดู๋เหาได้เหาะขึ้นไปบนฟ้าเพื่อไปพักยังสถานที่พำนักนอกกลุ่มไทชิ เขาอยู่ตรงสถานที่ของพลังแปดเหลี่ยมกำลังถือธงและชี้ไปในทางทิศใต้และพูดว่า “แสดงการเผาไหม้ที่แท้จริงของดางอาทิตย์!”
คลื่นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงไหลลงมาจากแท่นพลังของแปดเหลี่ยมบนท้องฟ้าทันที เปลวไฟสีแดงที่น่าสยดสยองกวาดไปทั่วไปทั่วอากาศโดยรอบเต็มไปด้วยเปลวไฟ
ใบหน้าของนาหลันฮงวูมืดไปเล็กน้อยเพนสะเขาสมัผัวได้ถึฃอุณหภูมิที่น่ากลัวแม้จะอยู่ไกล เปลวไฟนั้นให้ความรู้สึกร้อนราวกลับมันจะละลายผู้คนในทุกวินาที
เปลวไฟส่วนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า สองผู้โชคร้ายกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที
ดู๋เหยายังคงมีสีหน้าเยือกเย็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขามุ่งมุ่นที่จะฆ่าพวกเขาและขจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต!
เขาเริ่มแสยะยิ้มเมื่อเห็นภาพ “แม้ว่าเจ้าจะเป็นนักรบที่มีความสามารถและทรงพลังที่สุดที่ข้าเคยเห็นแต่ยังไงเจ้าก็ต้องตายที่นี่วันนี้! ข้าไม่สามารถปล่อยให้เจ้าก่อภัยคุกคามขนาดใหญ่เช่นนี้และหนีจากเงื้อมือข้าไปได้ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถทนไฟที่ลุกโชนของพระอาทิตย์ได้! เตรียมตัวลงนรกกันได้!”
อย่างไรก็ตามฟางฉีเลือกใช้สิ้นส่วนของดาบในมือของเขาขณะที่ข้อมูลลึกลับอีกอันได้แทรกขึ้นแวบเข้ามาในดวงตาของเขา
เสื้อคลุของฟางฉีสั่นไหวแม้ว่าจะไม่มีลมสักนิด ผมสีดำของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวมันปลิวไสวไปทางทิศทางของลม ดวงตาเขาเปิดออกอย่างช้าๆ เปล่งแสงทางจิตวิญญาณที่เยือกเย็น
เช่นเดียวกับนักบวชที่อยู่บนแท่นแปดเหลี่ยมดวงตาของเขาเปล่งกว้างขึ้นแววตาดูไร้ปราณีและเต็มไปด้วยความเยือกเย็นล้ลำลึกราวกับว่าเขาไม่สนใจใยดีทุกสิ่งบนโลก
พลังที่มองไม่เห็นลอยล่องอยู่ในอากาศไร้การสนใจในกฏข้อใดบนโลกใบนี้
“นี่ ..”
“เจ้าของร้านกำลังทำอะไรอยู่!?”
“ข้าไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน”
เวลาเดียวกันผู้ชมทุกคนที่กำลังตั้งใจรับชมรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ แม้แต่รวนหนิงที่ชอบเยาะเย้ฟางฉีก็รู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจอย่างไม่อาจควบคุมได้!
ฟางฉีที่ยืนอยู่ในอากาศยกมือขึ้น
คลื่นสนามแม่เหล็กอันน่าสยดสยองปรากฎขึ้น แรงหมุนรอบตัวเขาก่อตัวขึ้นขณะที่เขาโบกมือ พริบตาเท่านั้นเงาดำปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเขา มันขยายตัวกลืนกินเปลวไฟคล้ายหลุมดำที่หมุนราวพายุเฮอริเคน
“นั่นมัน ..”
ซงฉิงเฟิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “นั่นมันคลื่น ..”
หลิวหนิงหยุนและหนิงไป่ที่นั่งอยู่บนโซฟาจับตามองด้วยความตกใจ “นั่นมันคลื่นช็อค!”
ผู้ชมทั้งหมดตะโกนขึ้น “นี่มัน .. โอโรชิ!?”
ตู้ม!
ด้วยสัญญาณที่รบกวนขนาดใหญ่ทำให้คลื่นช็อคปะทะเข้ากับแท่นแปดเหลี่ยมบนท้องฟ้าแรงคล้ายกับดินปะทะกัน
รูปแบบทางจิตวิญญาณของแท่นแปดเหลี่ยมสั่นคลอน สาระทางจิตวิญญาณที่ถูกปล่อยออกจากแท่นไม่เสถียรเนื่องจากโดนโจมตีด้วยความรุนแรง
“เป็นไปไม่ได้!” ใบหน้าของดู๋เหยาดูหวั่นขณะที่จ้องมองหน้าของชายหนุ่มผมขาวที่เหาะอยู่กลางอากาศ
“ใคร .. เจ้าเป็นใคร!?” เขาคำรามแผดเสียง .. ไม่มีคำตอบใด ดู๋เหยาเห็นชายหปนุ่มผมขาวหายตัวไปกับตา
เพียงเสี้ยววิเขาปรากฎตัวขึ้นด้านหลัง ร่างของเขาโบกมือเล็กน้อย คลื่นแรงแม่เหล็กขนาดใหญ่พุ่งออกมาราวกับพายุ
ตู้ม! ตู้ม!
เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ดู๋เหยาหันหน้าของเขาเพื่อหาที่ซ่อน ณ แท่นแปดเหลี่ยม พลังอันซับซ้อนรอบตัวเขาก่อตัวขึ้นมันคล้ายกับพลังปกป้องรัดกุมตัวเขา แต่ช้าไปมันสั่นสะเทือนเนื่องจากเขากำลังตกอยู่ภายใต้การโจมตีของฟางฉี
“มันเป็นไปได้ยังไง!? เจ้าคือใคร!?” ดู๋เหยาไม่ลังเลที่จะใช้พลังอีกแล้วเขาเปิดใช้พลังงานทั้งหมดของเขาทันที
กองกำลังที่น่ากลัวรวมไปถึงพลังเปลวไฟและลมต่างไหลทะลักออกมาจากแท่นแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่บนท้องฟ้า มันกำลังก่อตัวกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่
เวลาเดียวกันดวงดาวก็เคลื่อนตัวไปมาบนท้องฟ้าเหนือสาระจิตวิญญาณสำคัญขณะเดียวกันแสงของดาวจำนวนมากตกลงมารวมตัวอยู่กึ่งกลาง
“ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงพลังที่แท้จริงของสาระจิตวิญญาณนี้!” ดู๋เหยาคำรามอย่างดุเดือด ชายชราชุดดำที่นั่งอยู่ใจกลางแท่นแปดเหลี่ยมเรียกใช้พลังงานภายในของเขาทั้งหมดเพื่อส่งต่อเข้าไปยังแท่นแปดเหลี่ยม ตอนนี้แท่นค่อยๆ ย้ายเคลื่อนและดึงรูปแบบที่ทรงพลังที่สุดออกมา!
ภูเขาทั้งลูกของกลุ่มไทชิสั่นไหวไปมาราวกับมังกรยักษ์ใต้ดินกำลังตื่นตัวจากการจำศีลใต้ภูเขา
“เจ้าฟางวิ่ง!” นาหลันฮงวูสัมผัสได้ถึงพลังงานนี้อยู่นอกเหนือการต่อต้านของมนุษย์
อย่างไรก็ตามเวลานี้เองรอยแตกแยกเปิดขึ้นในกลุ่มเมฆที่ฟางฉีลอยเหนืออยู่
ทุกคนจ้องมองที่เิกดเหตุด้วยความหวาดกลัว
“นี่คือ ..”
ผู้เล่นจากคิงออฟไฟเตอร์ตะโกนว่า “นี่มันเพิ่งเป็นการเริ่มต้นของแสงโอโรชิ!”
ฟางฉีขยับริมฝีปากเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังสวดมนตร์คาถาลึกลับและเข้าใจยาก แต่แปลกทุกคนสามารถเข้าใจความหมายของมัน “ปล่อยทุกอย่างกลับไป!”
ในท้องฟ้าที่เต็มเมฆมืดครึ้มลมยังคงกรรโชกแรงเปิดขยายช่องรอยแตกบนท้องฟ้าคล้ายว่ามันกำลังจะแตก
ลำแสงจำนวนมากถูกยิงลงมายังช่องว่างทุกสิ่งในตอนนี้ถูกอาบไปด้วยแสง ผู้ชมที่กำลังรับชมเฝ้ามองการแตกสลายของสิ่งต่างๆ
รอบๆ ตัวดู๋เหยาตอนนี้ลวดลายของแปดเหลี่ยมค่อยๆ ลดลลงและร้าว
เขาดูไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด “เจ้า .. เป็นไปไม่ได้!”