ฉินซินหยิ่งหน้าชา ขณะเฉียวเหลียงกำลังเดินจูงมือถังซีผ่านไป จู่ๆ เธอก็เอ่ยขึ้นเสียงดัง “ซีซีโทรหาฉัน!”
ประกายแห่งชัยชนะพาดผ่านดวงตาฉินซินหยิ่ง เมื่อเห็นเฉียวเหลียงหยุดเธอก็พูดต่อไปอีก “ฉันได้รับโทรศัพท์จากซีซี คุณไม่อยากรู้สถานการณ์ของเธอหรือ คุณไม่อยากรู้หรือว่าตอนนี้ซีซีอยู่ที่ไหน”
เฉียวเหลียงจับมือถังซีแน่นยิ่งขึ้น ถังซีมองเขาจากทางด้านข้าง สีหน้าเขาบ่งบอกอารมณ์อันซับซ้อน ถังซีแตะหลังมือเขาเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ เฉียวเหลียงหันมามองฉินซินหยิ่งด้วยท่าทางขึงขัง กล่าวชัดๆ ทีละคำ “ผมเลิกกับเธอเมื่อหลายปีก่อน เธอจะอยู่ที่ไหนเกี่ยวอะไรกับผม หวังว่าคุณฉินคงไม่คิดว่าคุณจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเพียงเพราะคุณเป็นเพื่อนแฟนเก่าผม ถ้าคุณอยากทำงานที่นี่กรุณาทำงานให้ดี แต่ถ้าคุณมาที่นี่เพื่อจะได้ใกล้ชิดผม คุณออกไปจากเฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุปเดี๋ยวนี้ได้เลย”
ฉินซินหยิ่งหน้าซีดเผือดอย่างน่ากลัว เธอมองเฉียวเหลียงด้วยสายตาเกลียดชัง และกล่าวด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “คุณโกหก คุณไปที่ทะเลแปซิฟิกเพื่อตามหาถังซี แต่ตอนนี้คุณไม่กล้ายอมรับต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ คุณไม่กลัวว่าจะเป็นการทำร้ายหัวใจซีซีหรือ!”
ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน ไม่มีผู้คนพลุกพล่านที่ห้องโถงชั้นล่าง จึงไม่มีใครหันมาสนใจแม้ฉินซินหยิ่งจะตะโกนเสียงดัง ถังซีมองหน้าฉินซินหยิ่งและขมวดคิ้ว ทันใดนั้นความทรงจำในใจก็ค่อยๆ แจ่มชัด ถังซีจำได้ว่าฉินซินหยิ่งเอ่ยอ้างถึงตนอย่างไรบ้าง เมื่อฉินซินหยิ่งคิดว่าเฉียวเหลียงใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น เธอบอกถังซีว่าเธอต้องจับตาดูเขา มิฉะนั้นวันหนึ่งเขาจะถูกคนอื่นฉกไป
ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรี ถังซีไม่เคยอยากถามเฉียวเหลียงว่าเขาแอบไปชอบคนอื่นบ้างหรือเปล่า เวลาอยู่กับเฉียวเหลียงเธอจะสังเกตสายตาเขา และพบว่าเขาดูมีความสุขเสมอเมื่ออยู่กับเธอ เธอจึงเชื่อว่าเขารักเธอ จนกระทั่งจู่ๆ เขาก็มาขอเลิกกับเธอ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เธอไม่ต้องการคบกับเขาต่อไปเพราะคำพูดของฉินซินหยิ่งที่บอกว่า ‘เธอต้องรักษาศักดิ์ศรีของเธอใน ‘รักสามเส้า’ นี้’ อย่างไรก็ตามไม่มีบุคคลที่สามระหว่างเธอกับเฉียวเหลียง มีแต่คนที่เล่นละครตบตาเธอ แล้วเธอก็เชื่อการแสดงของผู้หญิงคนนี้ และถูกหลอกโดยผู้หญิงคนนี้
ถังซียิ้ม ขณะหันไปมองหน้าเฉียวเหลียง และถามเขาด้วยท่าทางน่ารัก “ใครคือถังซีที่เธอพูดถึงเหรอคะ สวยเหมือนฉันไหม น่ารักเท่าฉันไหม”
เฉียวเหลียงอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นรอยยิ้มซุกซนบนริมฝีปากถังซี เขาลูบศีรษะเธอแล้วบอกว่า “คุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักและสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น”
ถังซีดูท่าทางค่อนข้างพอใจกับคำตอบ เธอจับมือเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาถามว่า “แล้วคุณรักใครมากที่สุด”
“คุณไง” เฉียวเหลียงตอบ แล้วจ้องมองถังซีด้วยสายตาอ่อนโยนแสนจะรักใคร่ “ผมรักเพียงคุณคนเดียวมาตั้งแต่แรก”
เฉียวเหลียงไม่ได้เอ่ยชื่อเซียวโหรว หรือถังซี แต่ใช้คำว่า ‘คุณ’ และ ‘คุณ’ นี้หมายถึง ‘ถังซี’ …เพียงถังซีคนเดียวเท่านั้น
ถังซีซาบซึ้งในคำพูดของเฉียวเหลียงจนดวงตาแดงเรื่อ ขณะที่ฉินซินหยิ่งตัวสั่นด้วยความโกรธ ทำไมเธอถึงต้องเป็นผู้พิทักษ์ให้ถังซีมานานหลายปี แต่ในที่สุดก็ต้องปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีตัวตน มีโอกาสได้ความรักจากเขาไป แบบนี้แปลว่าสิ่งที่เธอทำให้ถังซีก็เปล่าประโยชน์น่ะสิ คนเดียวที่เฉียวเหลียงรักจริงๆ คือผู้หญิงคนนี้
เมื่อเห็นสีหน้าดุดันของฉินซินหยิ่ง เฉียวเหลียงก็กล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงในเชิงเตือน “คุณฉิน ผมหวังว่าคุณจะไม่พูดอะไรที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าคนรักของผมอีก ไม่อย่างนั้นผมจะไปจากเมือง A ไม่สิ ไปจากประเทศจีน! งานของคุณจะได้รับความนิยมหรือกลายเป็นเศษขยะที่ไม่มีใครต้องการ ก็คิดดูเอาเอง” จบคำพูดเขาก็จูงมือถังซีเดินจากไป
ฉินซินหยิ่งรู้สึกโกรธมาก แต่เธอตกใจกับสิ่งที่เฉียวเหลียงเพิ่งพูดไปเมื่อกี้มากกว่า เธอกล้าปฏิบัติกับเฉียวเหลียงอย่างที่เคยทำ เพราะเธอเชื่อว่าเฉียวเหลียงอยากได้ข่าวถังซีจากเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว
เฉียวเหลียงแทบไม่เคยพูดกับเธอเวลาอยู่กับถังซี ถ้าหากเธอยังคงระรานผู้หญิงที่เขาชอบอยู่ เขาจะทำในสิ่งที่เขาพูด!
เมื่อคิดเช่นนี้เธอก็กำมือแน่น ขณะมองตามร่างเฉียวเหลียงกับถังซีที่เดินห่างออกไป เธอเอ่ยออกมาทีละคำว่า “เฉียวเหลียง สักวันหนึ่งคุณจะรู้ว่า ฉัน คือคนที่รักคุณมากที่สุด และ ฉัน คือคนที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด”
เฉียวเหลียงพาถังซีออกจากบริษัทไปขึ้นรถ พาเธอไปดื่มน้ำชาแถวริมแม่น้ำ ถังซีมองเขาจากทางด้านข้างแล้วสะกิดมือเขาถามว่า “นี่คุณจะรับฉินซินหยิ่งเข้าทำงานที่บริษัทของคุณเหรอ”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วแล้วถามกลับ “คุณไม่ชอบหรือ” น้ำเสียงเขาเยือกเย็น แต่มีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนริมฝีปาก
ถังซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันไม่ชอบ อาเหลียง ฉันอยากจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต้องการให้คุณเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาของฉัน ฉันจะสืบหาให้รู้ว่าใครคือต้นเหตุของอุบัติเหตุเครื่องบินตก และฉินซินหยิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องยังไง ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้…” เธอมองเฉียวเหลียงตรงๆ และกล่าวประโยคที่เหลืออย่างชัดเจน “รวมทั้งคุณด้วย”
เฉียวเหลียงจอดรถเมื่อถึงทางแยกไฟจราจร แล้วหันมามองถังซี หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้น “ตกลง แต่คุณต้องสัญญาอะไรกับผมอย่างหนึ่ง”
ถังซีถามว่า “อะไรคะ”
ตราบใดที่เฉียวเหลียงไม่ยุ่งเกี่ยวกับแผนการแก้แค้นของเธอ เธอจะตอบตกลงอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณต้องบอกให้ผมรู้ก่อนล่วงหน้า และคุณต้องไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย อย่าให้ผมได้ยินว่าคุณได้รับบาดเจ็บหรือ… ตาย” หัวใจเฉียวเหลียงยังคงหวาดหวั่นด้วยความกลัวเมื่อเอ่ยคำว่า ‘ตาย’ ออกมา หากเธอไม่โชคดีได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างเซียวโหรว เขาก็คงยังเฝ้าแต่คิดถึงเธอ ถือกล่องนิ้วเธอไว้อย่างนั้น! ด้วยความคิดนี้ในใจ เฉียวเหลียงจึงขึงขังมากยิ่งขึ้น “สัญญากับผม”
ถังซีพยักหน้า นัยน์ตาเธอแดงเรื่อ เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น เธอตอบว่า “ฉันให้สัญญากับคุณค่ะ ต่อจากนี้ไปฉันจะรักษาตัวเองให้ปลอดภัย และไม่ว่าจะทำอะไร ฉันจะบอกคุณก่อนล่วงหน้า”
รถที่ติดอยู่ข้างหลังบีบแตร พอดีกับที่เฉียวเหลียงเหยียบคันเร่ง และมุ่งหน้าไปยังริมแม่น้ำเพื่อไปดื่มน้ำชา
เวลานี้เป็นช่วงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว แต่ยังคงร้อนมากในเวลาบ่ายสามสี่โมง ทั้งสองเดินเข้าไปในสวนสาธารณะริมแม่น้ำท่ามกลางสายลมอ่อนๆ ถังซีกอดแขนเฉียวเหลียงไว้ขณะเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของแม่น้ำ และพึมพำว่า “จู่ๆ ฉันก็รู้สึกขึ้นมาว่าทิวทัศน์เมือง A นั้นสวยงามเหลือเกิน”
“ใช่ ผมก็เพิ่งรู้สึกว่าทิวทัศน์ในสวนริมแม่น้ำนั้นสวยงามมากเหลือเกิน” เฉียวเหลียงเดินช้าลงขณะจับมือเธอไว้ ถังซียิ้มอย่างพึงพอใจ แม้แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เธอก็ไม่เคยจินตนาการว่าเธอจะได้จูงมือกันเดินเล่นในสวนกับเฉียวเหลียง และได้ดื่มน้ำชายามบ่ายด้วยกัน