จอร์แดนที่ขับรถอยู่ก็พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า“เมื่อวานเธอบอกฉันว่าไม่ได้เป็นอะไร ฉันก็รู้แล้วว่าเขาต้องรังแกเธอแน่ๆ ไว้ฉันจะหาโอกาสไปคุยกับเขา”
แม้เมื่อคืนจะมีปากเสียงกับเทาเท่ แต่เพราะหลินจือไม่อยากให้จอร์แดนต้องมาเป็นกังวล ก็จึงบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร
เธอเองก็ไม่คิดว่าภาพที่เทาเท่กดร่างเธอแนบชิดไปกับกำแพงแล้วพยายามจะจูบเธอนั้นจะมีคนแอบถ่ายเอาไว้ได้ และไม่คิดว่ามันจะถูกเผยแพร่ออกไป
แต่เมื่อได้ยินจอร์แดนพูดว่าจะหาโอกาสไปคุยกับเทาเท่ หลินจือก็รีบพูดขึ้นว่า“ไม่ต้องหรอกค่ะ จากนี้ไปฉันจะไม่สนใจเขาอีก”
หลินจือกลัวว่าหากจอร์แดนกับเทาเท่คุยกันไม่รู้เรื่องก็จะมีปากเสียงกันอีก พวกเขายังต้องร่วมงานกัน หากมีเรื่องหมางใจกันขึ้นก็คงจะลำบาก
จอร์แดนก็ราวกับเดาความคิดเธอออก“หากไม่ได้เราก็ฉีกสัญญา ไม่ต้องให้เขามาลงทุน เราหาผู้ลงทุนคนใหม่ หรือไม่ฉันก็เปิดบริษัทภาพยนตร์ให้เธอ เธอมาดูแลบริหารจัดการเอง”
หลินจือตะลึงงัน“ อย่าเลยนะคะ ”
ก่อนอื่นเลย ตกลงเซ็นสัญญากับเทาเท่แล้ว ตอนนี้มาฉีกสัญญาเพราะเรื่องส่วนตัว มันจะทำลายชื่อเสียงในสายอาชีพของจอร์แดน
อย่างที่สอง จอร์แดนบอกว่าจะเปิดบริษัทภาพยนตร์ให้แล้วให้เธอมาเป็นคนดูแลเอง เรื่องนี้เธอทำมันไม่ได้แน่ ”
นิสัยของเธอเป็นเจ้านายใครไม่ได้หรอก เธอรู้และเข้าใจตัวเองดี เธอแค่อยากจะเขียนบทละครอย่างเงียบๆ ตั้งใจร้อยเรียงงานเขียนของตัวเองออกมาให้ดี เรื่องอื่น เธอไม่ได้สนใจ
“เธอกลัวอะไร เรามีเงินทุนในการเปิดบริษัทของตัวเอง หลายปีมานี้ฉันแค่ไม่ชอบมาเป็นกังวลกับเรื่องอะไรพวกนี้ บวกกับคุณน้าลูน่าเธอสุขภาพไม่ดีฉันก็จึงไม่มีกะจิตกะใจเท่าไร ดังนั้นก็จึงไม่คิดจะเปิดบริษัทของตัวเอง”
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ฉันสามารถฝึกฝนเธอได้อย่างเต็มที่”ยิ่งพูดจอร์แดนก็ยิ่งรู้สึกว่าแผนนี้มันมีความน่าจะเป็นไปได้
แต่แล้วหลินจือก็คัดค้านข้อเสนอแนะของเขา“ฉันทำไม่ได้จริงๆค่ะ ฉันไม่มีความสามารถมากพอที่จะควบคุมดูแลอะไรแบบนั้นได้ ”
จอร์แดนหลุดขำ น้ำเสียงทั้งจนใจและทั้งปวดใจ“เฮ้อ เธอช่างเป็นคนเรียบง่ายเสียจริง ไม่มีความปรารถนาหรือความต้องการอะไรเลย”
ในยุคสมัยที่วุ่นวายแบบนี้ หลินจือยังสามารถคงจิตใจที่เรียบง่ายได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากมาก ตอนนี้ใครๆต่างก็อยากจะมีบริษัทเป็นของตัวเอง และไม่มานั่งสนใจว่าจะมีความสามารถหรือไม่
คนจำนวนมากที่รู้สึกว่าการมีบริษัทเป็นของตัวเองนั้นเป็นเรื่องมีหน้าตาในสังคม อาทิเช่นซูซี แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงแค่คนที่ไม่มีความสามารถอะไร
การเป็นลูกบุญธรรมของเขาไม่ได้ทำให้หลินจือรู้สึกภูมิใจจนถึงกับยโสโอหังขึ้นมา ซึ่งมันทำให้จอร์แดนปลาบปลื้มมาก เขารู้ ว่าตัวเองไม่ได้มองคนผิด
ระยะทางอีกไกลกว่าจะถึงโรงพยาบาล หลินจือที่นั่งอยู่บนรถก็จึงรีบติดต่อไปหาเจเทาวน์
ไม่ว่ายังไงเธอในตอนนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นแฟนสาวของเจเทาวน์ เรื่องของเธอถูกตีแผ่ออกไปแบบนี้ คนที่เธอควรขอโทษคนแรกก็คือเจเทาวน์
ดังนั้นเธอจึงพูดขอโทษอย่างจริงใจ“ประธานเจเทาวน์ ฉันขอโทษจริงๆ ฉันเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลย มีเรื่องแบบนี้กับเทาเท่หลุดออกมาได้ ทำให้คุณต้องเดือดร้อนไปด้วย ”
เจเทาวน์ก็ตอบข้อความกลับอย่างรวดเร็ว“ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษผม”
หลินจือพูดอย่างเศร้าใจ“ หากฉันไม่เจอกับเขา คงไม่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น”
เมื่อวานเทาเท่บอกว่าอยากจะคุยกับเธอ เธอไม่น่าตอบตกลงไปคุยกับเขาเลย
น้ำเสียงของเจเทาวน์เต็มไปด้วยความเข้าใจ“ ผมรู้ เขาตามคุณไปที่เมืองเวลฟ์ ”
“อีกอย่าง ระหว่างเราเป็นแฟนกันแค่ในนาม ต่อให้คุณจะมีคนที่ชอบแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องพูดขอโทษผม”
หลินจือรีบพูดโดยพลันว่า“ ฉันมีคนที่ชอบที่ไหนกัน ตอนนี้ฉันอยากจะตั้งใจทำงานอย่างเดียวเท่านั้น”
ในตอนนี้ทั้งเรื่องผู้ชายเรื่องความรักและเรื่องแต่งงานสำหรับหลินจือแล้ว เธอไม่อยากจะสนใจมันเลย
เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร สงสัยปีนี้เธอจะมีดวงเรื่องของความรักมาพัวพัน เพราะหลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศเธอก็อยากจะโฟกัสและตั้งใจทำแต่งาน แต่โจมอนกับเจเทาวน์ก็มาสนใจเธอ เทาเท่ที่เมื่อก่อนดูถูกเหยียดหยามเธอก็กลับมาตามจีบเธอด้วย
เธอรู้สึกว่าเธอคงต้องไปไหว้พระสักหน่อยแล้ว เธอจะอ้อนวอนต่อพระเจ้าว่า ดวงแห่งความรักที่รุ่งโรจน์ของเธอนี้ เธอรับมันไม่ไหว ขอให้พระเจ้าช่วยเธอคัดมันออกไปสักคนสองคนด้วย
ไม่สิไม่ใช่ คัดทุกคนออกไปให้หมดเลย เธอยังไม่อยากมีใครในตอนนี้
ทางที่ดีพระเจ้าช่วยตัดทุกคนที่เข้ามาจีบเธอออกไปให้หมด จากนั้นก็ช่วยคุ้มครองให้อาชีพการงานของเธอเจริญก้าวหน้า
เจเทาวน์ก็พูดเสริมว่า“หลินจือ ผมเชื่อคุณ คุณไม่ใช่คนจิตใจโลเล ต่อให้คุณจะเป็นแค่แฟนในนามของผม คุณก็ไม่เป็นฝ่ายไปยั่วยวนผู้ชายคนอื่นหรอก ”
เจเทาวน์ก็ย่อมต้องเห็นข่าวนี้อยู่แล้ว และจำหลินจือได้ แต่เขาไม่โกรธและไม่ขุ่นเคือง ประการแรกเพราะเทาเท่ถูกหลินจือตบจนหน้าหันอย่างไม่ไว้หน้า และ ตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะเยาะความน่าสังเวชของเทาเท่
ประการที่สองเขาเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าภายในใจของหลินจือจะมีความรู้สึกยังไงกับเทาเท่ แต่อย่างน้อยตอนนี้หลินจือก็ไม่สนใจเทาเท่
หลินจือซึ้งใจจนไม่รู้จะพูดอะไร เธอไม่คิดว่าเจเทาวน์จะเข้าใจเธอดีแบบนี้
คุยกับเจเทาวน์จบก็มาถึงโรงพยาบาลพอดี ในมือของหลินจือมีช่อดอกไม้ช่อหนึ่งเธอเดินตามจอร์แดนไปยังห้องผู้ป่วยของลูน่า
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินจือจะได้เจอกับภรรยาของจอร์แดน ในใจเธอรู้สึกตื่นเต้นมาก
จอร์แดนที่อยู่ข้างๆพูดปลอบเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า“เธอนิสัยดีมาก ไม่ต้องตื่นเต้นไปหรอก”
แม้จอร์แดนจะพูดปลอบหลินจือ ในขณะเดียวกันก็ได้เอ่ยชื่นชมภรรยาตัวเองไปด้วย
หลินจือคิด ลูน่าต้องเป็นคนดีมากคนหนึ่งแน่ๆ จอร์แดนถึงได้เอ่ยชื่นชมเธอแบบนี้ อีกทั้งตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่ได้ห่างหายไปไหน
หลังจากที่เข้าห้องมาแล้วเจอกับลูน่าหลินจือก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที
ลูน่าดูอ่อนโยนและงดงามมาก บางทีสาเหตุอาจเป็นเพราะมักป่วยอยู่บ่อยๆ เธอจึงดูซูบผอมและอ่อนแอ มีความคล้ายหญิงที่งดงามในแบบฉบับสตรีที่ร่างกายอ่อนแอ
หลินจือเดินเข้าไปหาแล้วนำดอกไม้มอบให้ พูดเสียงเบาว่า“ สวัสดีค่ะ คุณน้าลูน่า หนูชื่อหลินจือค่ะ”
ลูน่ามองดูหลินจือ ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นในทันใด
จากนั้นก็หันมองไปยังจอร์แดนที่อยู่ข้างๆแวบหนึ่ง รับดอกไม้ของหลินจือมาแล้วโอบกอดหลินจือพูดเสียงสะอื้นว่า“ช่างดีมาก ดีจริงๆ”
“หลินจือ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ตระกูลแม็กซิมัสของเรานะ ”หลังจากที่ลูน่าพูดคำนี้จบก็คลายมือออกจากหลินจือ และน้ำตาก็ไหลออกมาทันที
หลินจือไม่คิดว่าอารมณ์ของลูน่าจะอ่อนไหวแบบนี้ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาด้วยเช่นกัน
จอร์แดนรีบเข้าไปปลอบลูน่าเสียงเบา“ ร่างกายของคุณเพิ่งจะฟื้น หมอบอกว่าห้ามให้มีอะไรมากระตุ้นมากนัก ความรู้สึกของคุณผมเข้าใจดี”
จอร์แดนก็อธิบายกับหลินจือว่า“คุณน้าลูน่าของเราตื้นตันจนร้องไห้ เพราะเธอดีใจมากเกินไป”
ลูน่าปาดน้ำตาออกและพูดกับหลินจืออีกครั้งอย่างเขินอาย“ ขอโทษนะ ทำเราตกใจหรือเปล่า?”
หลินจือตอบกลับทันทีว่า“ไม่ค่ะ หนูก็ดีใจมากเหมือนกัน”
ลูน่าจับไปที่มือของเธอและพูดว่า“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ได้เธอมาเป็นลูกสาว เป็นความโชคดีของเราจริงๆ”
จอร์แดนที่อยู่ข้างๆยิ้มและพูดว่า“พอแล้วพอก่อนมีอะไรเรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ ”
และแล้ว ทั้งสามคนก็เดินทางออกจากโรงพยาบาล กลับไปยังเรือนสี่ประสานที่หลินจือกับเทาเท่เคยไปเยี่ยมเยือนเมื่อครั้งที่แล้ว
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านลูน่าก็บอกว่าอากาศในช่วงนี้นั้นเย็นสบายมากหากจะนั่งกันอยู่ในสวน จอร์แดนจึงนำผ้าห่มผืนหนามาให้เธอ พร้อมชงชามาให้ด้วย และปล่อยให้หลินจือได้พูดคุยกับลูน่าในสวน ส่วนตัวเขาเองก็ไปยังห้องครัว เพื่อเตรียมอาหารกลางวันของคนสามคน