ตอนที่ 895 สายน้ำยาวกับจันทราสงัด

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์

หญิงสาวร่างสูงงดงามอยู่ในบ้านอิฐแดงขณะครุ่นคิดถึงที่อยู่ของคนคนนั้น

ชายคนหนึ่งถอดรองเท้าและแช่เท้าในลำธารข้างป่าตรงข้ามบ้านอิฐแดง รู้สึกได้ถึงความเย็นชัดเจน

ฉานนู่มองนายท่านด้วยสีหน้าสงบ คิดเรื่อยเปื่อยอยู่ในใจ เห็นได้ชัดว่าลังเลและกังวล

ตอนนี้ ลมภูเขาพัดผ่าน ผสานเข้ากับกลิ่นโคลนหลังฝนตก เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป นางเห็นต้นสนเนินเขาฝั่งตรงข้ามกำลังโบกไหวไปมาตามแรงลม หมอกก่อตัวขึ้นมา ใบไม้สีเหลืองแห้งเหี่ยวถูกพัดพา ลอยไปกลางเขาสู่ท้องนภาไกลลิบ จากนั้นก็ค่อยๆ หายไป

กู่ฉิงซานมองภาพนี้ คล้ายกับกำลังคิดถึงความทรงจำอันยาวนาน ไม่พูดอะไรสักพักใหญ่

ภัยพิบัติกำลังใกล้เข้ามา ในใจเขารู้สึกได้

ตอนนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่การฝึกฝนของลัทธิเต๋าที่ปรากฏมาตรงหน้าโดยไม่เต็มใจเสมอ ทำให้ตกอยู่ในห้วงอารมณ์มากมาย

เขาหมกมุ่นกับความคิดและข้อมูลเชิงลึกมากมายอยู่เนิ่นนานเพื่อคิดหาหนทาง

เมื่อรู้แจ้งเมื่อไหร่ ภัยพิบัติก็จะมาเยือน

ตอนนี้ ราตรีมาเยือน

ลำธารเงียบสงัด

จันทราเจิดจ้าราวกับน้ำค้างแข็ง ชายหนุ่มดูเหมือนภาพวาด

ฉานนู่มองแผ่นหลังอย่างเงียบงันก่อนค่อยๆ เข้าใจขึ้นมา

ในระหว่างการแข่งกับสัตว์ประหลาดหุบเหว ชายหนุ่มฉวยเวลาเพื่อสั่งสมพละกำลังอยู่เงียบๆ เพื่อความก้าวหน้า

คงดีกว่าที่จะไม่มารบกวนเขาในตอนนี้

ฉานนู่ถอนหายใจ เดินมาหากู่ฉิงซานแล้วนั่งลงก่อนวางเท้าเรียวสีขาวราวผ้าซาตินในลำธาร

ตอนนี้อดีตถูกตัดขาด นางเพียงแค่คุ้มกันเขา ทั้งตอนนี้และตลอดไป

…ไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าสถานการณ์ที่เผชิญจะเป็นเช่นไร นางจะอยู่ข้างเขาเสมอ

ราตรีค่อยๆ มืดมิด

กู่ฉิงซานตื่นขึ้นจากความทรงจำที่ผสมปนเปกัน

จากนั้นเขาพบว่าฉานนู่มาอยู่ด้านข้างแล้ว

“หิวหรือ”

“ข้าไม่หิวหรอก แต่สิ่งที่นายท่านทำมันอร่อยมาก ข้าอยากกินอีก”

“ถ้างั้นกินกันก่อน จากนั้นค่อยไปฆ่านาง”

“ตามที่นายท่านว่าเลย”

บ้านอิฐแดง

หญิงสาวร่างสูงเลียโลหิตที่นิ้วจนกระทั่งรู้สึกว่านิ้วสะอาดหมดจดแล้ว นางจึงกล่าวอย่างเฉยชาว่า “คนต่อไป”

ชายเขาเดียวร่างโตก้าวเข้ามาด้วยอาการสั่นสะท้าน เขาเผยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านหญิง ข้าอยู่ในโลกนี้มาหลายสิบปี ทุกคนที่นี่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้”

เกิดความเงียบ

กลิ่นโลหิตค่อยๆ ปกคลุมทางเดิน

ชายหนุ่มมองซ้ายขวาจนอดที่จะหัวเราะแห้งไม่ได้

หญิงสาวร่างสูงมองเขา สับสนเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “หากอยู่ที่โลกใบนี้ เจ้าจะเสียความสามารถทั้งหมดไป ทำได้แค่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านหลังนี้ที่เหมือนกับกรงหรือไม่ก็ต้องไปอาศัยอยู่ในน้ำ… เหมือนกับติดคุกทำไมเจ้าถึงเต็มใจอยู่ที่นี่นานนักล่ะ”

ชายหนุ่มตอบว่า “เพราะวันสิ้นโลกไงล่ะ ท่านหญิง วันสิ้นโลกกระจายไปทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่เขาวงกตแห่งมิติและเวลาไปจนถึงหุบเหวนิรันดร์ ตั้งแต่โลกเก้าร้อยล้านชั้นไปจนถึงสุสานวันสิ้นโลก ไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่ทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานได้ ดาวคนคู่นี้คือดินแดนวิเศษต้องห้ามของสี่เสาศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สุดท้ายของโลกที่จะถูกทำลาย”

หญิงสาวร่างสูงเงียบสักพักแล้วกล่าวว่า “เจ้าแค่รับการโจมตีจากข้าก็พอ”

ชายหนุ่มยินดียิ่งก่อนกล่าวว่า “ขอบคุณที่เมตตา ท่านหญิง”

เขาจัดท่วงท่า ปรับลมหายใจ ดึงมือมาตั้งท่าป้องกัน

ถึงแม้ความสามารถทั้งหมดจะถูกผนึกเอาไว้ แต่เมื่อตั้งท่านี้ อารมณ์ของเขาก็ดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

หากเมื่อครู่เขาก็เป็นคนขี้ขลาดกลัวตาย ถ้างั้นตอนนี้จู่ๆ เขากลายเป็นนักสู้ไร้เทียมทานของสนามมวยทางช้างเผือก

หญิงสาวร่างสูงมองดูท่าดังกล่าวก่อนชื่นชม “เจ้ามีวรยุทธหรือ ทักษะพื้นฐานของเจ้าคงแน่นน่าดู ข้ารู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่แผ่ออกมาอย่างเลือนราง… ทำไมคนเช่นเจ้าถึงเต็มใจอยู่ที่นี่กันนะ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ

หญิงสาวร่างสูงยืนขึ้นช้าๆ น้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา “ตอบข้ามา ไม่งั้นตาย”

ชายหนุ่มยังคงหัวแข็งไม่ยอมพูด

ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวยักคิ้ว ครุ่นคิดอยู่นานก่อนหัวเราะออกมาอีกครั้ง

นางสาวเท้ามาข้างหน้าก่อนส่งหมัดขนาดเล็กไปที่ชายหนุ่ม

ชายหนุ่มแผดเสียงคำรามออกมา แขนของเขาเข้าไปรับในเวลาเดียวกัน…

‘ตูม!’

เขาลอยกลับหัวราวกับกระสุนปืนใหญ่จนกระแทกกับกำแพงที่สุดทางเดิน โลหิตไหลออกจากปาก

ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวดึงหมัดกลับแล้วกล่าวอย่างเบื่อหน่ายว่า “ช่างเป็นวิชาวรยุทธที่อ่อนแอนัก…”

“กลายเป็นขยะที่ถูกทิ้งไว้ในอดีตเสียได้ ต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็เท่ากับตายไปแล้ว”

“เจ้าไม่ใช่คนที่ข้ากำลังตามหา”

นางยืนเขย่งท้าก่อนเดินไปที่ประตูอย่างระวังเพื่อไม่ให้เสื้อผ้าของนางเปื้อนซากศพกับโลหิตตามทาง

ในบ้านอิฐแดงทั้งหลัง หากไม่นับชายหนุ่มเมื่อครู่ ทุกคนก็ถูกสังหารจนสิ้น

ชายหนุ่มคุกเข่ากับพื้นด้วยแววตาเจ็บปวด ทันใดนั้นเขาก็อดที่จะคำรามไม่ได้ “วันสิ้นโลกจะทำลายทุกสิ่งที่ฟูมฟักมา ที่เจ้าดูถูกข้าเช่นนี้เป็นเพราะยังไม่ได้พบสิ่งที่สามารถทำให้เจ็บปวดอย่างแท้จริงได้ต่างหากล่ะ”

หญิงสาวเอื้อมมือไปเพื่อจะจับลูกบิดประตู แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็หยุดกลางคัน

คล้ายกับมีเศษเสี้ยวอารมณ์ในดวงตาของนาง

หญิงสาวหายไป

วินาทีต่อมา นางปรากฏตัวที่ประตูอีกครั้ง

“ข้าสามารถเมินขยะได้ แต่เจ้าต้องเข้าใจด้วยว่าการที่ผู้ชายตะโกนใส่ผู้หญิงน่ะถือว่าเป็นเรื่องผิดเสมอ”

นางยกศีรษะของชายหนุ่มในมือขึ้นขณะกล่าวอย่างจริงจัง

ประตูเปิดออก

หญิงสาวเดินออกไปขณะถือศีรษะไปด้วย

นอกประตูคือป่า ลำห้วยและขุนเขาไม่มีสิ้นสุด

ราตรีเลือนราง

คูน้ำยาวไหลอย่างเงียบงัน

หญิงสาวร่างสูงเดินไปตามลำธาร โยนศีรษะลงไปบนตลิ่ง จากนั้นเดินไปยังส่วนที่เป็นน้ำลึก ปล่อยให้น้ำชำระร่างกาย

คราบสีแดงฉานกระจายไปทั่วนาง กลุ่มก้อนสีแดงกลืนหายไปกับน้ำ สีสันจางหาย ท้ายที่สุดก็มองไม่เห็น

หญิงสาวร่างสูงยืนขึ้นจากลำธารก่อนเดินกลับฝั่งทีละก้าว

“เจ้าบ้ากู่ฉิงซานหายไปไหนกัน”

“ถ้ามันไม่ออกจากโลกนี้ไปแล้วก็คงซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งแถวลำธารหรือเปล่า”

หญิงสาวร่างสูงครุ่นคิดอย่างหงุดหงิด

ตอนนี้ สายลมราตรีที่เย็นเยือกไม่ต่างจากน้ำพัดผ่านมา

คิ้วงามของหญิงสาวร่างสูงพลันคลายออกด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

มีกลิ่นอยู่ในสายลม

นี่คือรสชาติความอบอุ่นที่ฝังลึกในความทรงจำก่อนนำไปสู่จุดเริ่มต้นอันไร้ที่สิ้นสุด

หญิงสาวร่างสูดหายใจเข้าลึกไปหลายครั้ง

“น่าสนใจ ยังมีคนเบื่อชีวิตจนถึงขั้นมาทำเรื่องแบบนี้ในเวลานี้อยู่อีก”

นางพึมพำขณะเดินไปทางที่สายลมพัดมา

หลังจากเดินไปตามลำธารอยู่หลายไมล์ กลิ่นได้ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง

ชายชรากำลังเก็บหม้อและกระทะ

กู่ฉิงซานยืนอยู่ข้างเขา ถือชามใบใหญ่ขณะซดซุปก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในชามเข้าไป

กลิ่นหอมที่ลอยมาตามสายลมเมื่อครู่มาจากชามของเขานี่เอง

กู่ฉิงซานกล่าวขณะกินว่า “ขอบคุณที่เลี้ยง ก๋วยเตี๋ยวที่ท่านทำอร่อยมาก ข้าอดที่จะซดซุปก๋วยเตี๋ยวตามไม่ได้เลย”

ชายชรากล่าวอย่างมีความสุขว่า “เจ้ากินได้มากเท่าที่ต้องการเลย”

กู่ฉิงซานส่งชามเปล่าให้ชายชราแล้วถามว่า “โลกที่ข้าต้องไป ช่วยบอกทีสิว่าต้องไปอย่างไร”

“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบหรอก” ชายชราหัวเราะอย่างเริงร่า

หญิงสาวร่างสูงมองชายชราแล้วพลันนึกบางสิ่งออก

ในโลกใบนี้ มีบุคคลตำนานอยู่

ชายชรานำทาง

มีจุดกำเนิดลี้ลับ ไม่คล้ายกับเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีใครรู้จัก ความสามารถพิเศษคือทำอาหาร ตำนานกล่าวไว้ว่าทันทีที่กินก๋วยเตี๋ยวที่เขาปรุงเข้าไป หากทำให้เขารู้สึกยินดีก็จะได้ข้อมูลไปโลกอื่นจากเขา

ตอนนี้ กู่ฉิงซานกำลังทำตามที่ว่ามา

ตอนนี้ พวกเขาสองคนคล้ายกับรับรู้ได้ก่อนจะหันมามองนางพร้อมกัน

“กู่ฉิงซาน ในเมื่อข้าเจอตัวเจ้าแล้ว คิดว่ายังจะหนีรอดอยู่อีกหรือ”

หญิงสาวร่างสูงกล่าว สะบัดแขนอย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินเข้ามาช้าๆ

กู่ฉิงซานมองหน้าอีกฝ่ายก่อนค่อยๆ เผยสีหน้าระแวดระวังออกมา

“คิดไม่ถึง ในฐานะสัตว์ประหลาดหุบเหว เจ้าจะมีวรยุทธที่สูงส่งเช่นนี้”

หญิงสาวร่างสูงพ่นลมออกจมูก “มีหลายสิ่งที่เจ้าคาดไม่ถึงเลยล่ะ”

นางยังคงสงวนตัวราวกับหญิงบริสุทธิ์ยามที่พูด แต่ทันทีที่เสียงถูกเปล่งออกมา นางก็พุ่งตัวออกไปราวกับอสนี!

กู่ฉิงซานชักดาบออกมาเพื่อทักทาย

โดยไม่มีอะไรปิดกั้น ทั้งสองใส่กันอย่างสุดกำลัง

‘ตูม…’

หมัดและดาบปะทะกัน เสียงจากการสั่นสะเทือนกระจายไปทุกทิศทางราวกับอสนีบาต

หญิงสาวร่างสูงลอยกลับราวหญ้าหางแมวก่อนตกลงไปในลำธาร

กู่ฉิงซานถอยออกมาหลายก้าวเพื่อลดพละกำลังจากหมัดของอีกฝ่าย

พละกำลังของอีกฝ่ายมหาศาลเกินไป โชคยังดี กู่ฉิงซานได้ประโยชน์จากระบำสังเวยชีพหลายครั้ง ร่างกายของเขาจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่อย่างนั้น ไม่รู้ได้เลยว่าเขาจะรับหมัดนั่นได้หรือไม่

“หมัดดีนี่”

ดวงตาของกู่ฉิงซานทอประกาย

หญิงสาวร่างสูงมองเขาแล้วกล่าวว่า “วิชาดาบของเจ้าอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดไว้อีกนะ”

“แน่นอน เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นความตายหรอก แต่ข้ายังไม่อยากตาย”

กู่ฉิงซานลูบมือที่ชา

หญิงสาวร่างสูงพลันหัวเราะออกมา “ถึงเจ้าจะทำมาหลายสิ่ง แต่สุดท้ายก็ยังกลัวตายอยู่ดี”

“แน่นอน มีเพียงผู้ที่หวาดกลัวความตายเท่านั้นที่จะรู้ว่าควรกลัวความตายยังไง รวมถึงวิธีรับมือกับมันด้วย”

กู่ฉิงซานกล่าวช้าๆ

เขาถือดาบอีกครั้ง

…………………………..