หลังจากเสียงนี้ดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดก็หยุดเคลื่อนไหว
หลี่ฉางตง ชายที่มีหน้ามันวาวรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ป้าเฉิน พี่ซ่ง และฮุ่ยหลิง อยู่บ้านกันหมดเลยหรอ?”
ต่อมา หลี่ฉางตงก็ทักทายเฉินหลี่และคนอื่นๆในห้องทีละคน
แต่เมื่อหลี่ฉางตงหันไปหาจางฮุ่ยหลิง เขาอดไม่ได้ที่จะหยุดนิ่งไปสองสามวินาที
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดขึ้นต่อ “ลุงโจว ฉันเพิ่งได้ยินเกี่ยวกับการตัดสินใจของทางโรงงาน เรื่องนี้ไม่มีทางที่จะพูดคุยกันได้เลยหรอ?”
โจวไคเว่ยพูด “ฉางตงเอ๋ย ฉางตง เรื่องนี้ไม่ใช่ลุงที่เป็นคนตัดสินใจ มันเป็นกฎของโรงงาน ลุงเองก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“โรงงานของเรานั้นมีพนักงานจำนวนมากที่ยังไม่มีบ้าน เรื่องนี้เราปล่อยไปไม่ได้”
เมื่อพูดคำพูดเหล่านี้จบ ใบหน้าของโจวไคเว่ยก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“มีพนักงานที่ยังไม่มีที่พักกันอีกเยอะหรอ?” หลี่ฉางตงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ฉันพอจะคิดหาทางออกได้อยู่”
หลังจากพูดจบ หลี่ฉางตงก็มองไปที่จางฮุ่ยหลิงแล้วพูด “ฮุ่ยหลิงจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในปีหน้า ให้เธอมาทำงานในโรงงานของเราก็จบแล้ว เมื่อเป็นอย่างนี้ เธอก็จะถูกนับว่าเป็นพนักงานของโรงงาน”
“เมื่อเวลานั้นมาถึง ลุงก็ยังต้องจัดบ้านให้กับครอบครัวของฮุ่ยหลิงอยู่ดี”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องให้ฮุ่ยหลิงและครอบครัวย้ายออกในตอนนี้”
โจวไคเว่ยลังเลและพูด “ฮุ่ยหลิงกำลังจะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย…แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะเป็นพนักงานประจำของโรงงานของเรา”
ในอดีต การเป็นพนักงานประจำในโรงงานไจ่เว่ยแห่งนี้นั้นง่ายมาก แค่เข้ามาฝึกงานนิดหน่อย ก็สามารถเซ็นสัญญาเป็นพนักงานประจำได้แล้ว
แต่ด้วยหลังจากที่ผ่านไปหลายปี ประชากรในเมืองก็เริ่มเพิ่มขึ้น
มันค่อนข้างเป็นเรื่องยุ่งยากอยู่เหมือนกันที่จะได้เซ็นสัญญาเป็นพนักงานประจำ
แม้แต่นักศึกษาที่จบสูงๆก็ยังต้องฝึกงาน อบรม ประเมินผล และแข่งขันกันเพื่อโอกาสที่จะทำงานต่อ
หลี่ฉางตงพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้พ่อของผมได้เป็นผู้จัดการทั่วไปแล้ว บางทีเขาอาจจะเป็นผู้อำนวยการโรงงานในอีกสองสามปี ก็แค่สัญญาพนักงานประจำ ไม่มีปัญหาหรอก”
โจวไคเว่ยพยักหน้าแล้วพูด “ถ้าผู้จัดการหลี่เห็นด้วยก็ไม่มีปัญหา”
หลี่ฉางตงหันไปหาจางฮุ่ยหลิงก่อนจะพูด “ฮุ่ยหลิง หลังจากสำเร็จการศึกษาในปีหน้าเธอก็มาทำงานที่โรงงานไจ่เว่ยแห่งนี้ เธอคิดว่ายังไง”
จางฮุ่ยหลิงเปิดปากของเธอเหมือนกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
พูดได้เลยว่า เธอเติบโตขึ้นมาที่บ้านในโรงงานแห่งนี้
แต่ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงไม่อยากทำงานที่นี่
เพราะจางฮุ่ยหลิง ไม่ต้องการถูกขังอยู่ในโรงงานแห่งนี้ไปตลอดชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฉางตงยังชอบไล่ตามจีบตัวเองด้วย
ถ้าตกลงเรื่องนี้กับเขา แล้วอนาคตจะเป็นยังไง?
ปัญหาก็คือว่า เธอไม่ได้ชอบเขา!
แต่ถ้าไม่ยอมทำงานที่นี้…
เกรงว่าจะไม่บ้านก็จะถูกยึดไป และทั้งครอบครัวก็จะถูกขับไล่ออกไป…
แม่ของเธอยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวหนักได้
เห็นได้ชัดว่า จางฮุ่ยหลิงไม่ใช่คนโง่
เธอกัดริมฝีปากสีแดงของเธอเบา ๆ และในที่สุดก็เปิดปากของเธอหลังจากตัดสินใจแล้ว
“แปะ แปะ!”
ทันใดนั้น เสียงปรบมือก็ดังขึ้นมา
“ละครเรื่องนี้แสดงออกมาได้ดีจริงๆ” หลินฟานพูด
ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนในที่นี้ก็มุ่งความสนใจไปที่หลินฟานทันที
“ชื่อฉางตงใช่มั้ย ไม่ผิดหรอกที่จะชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เพื่อให้ได้เธอมา มันไม่น่าละอายเกินไปหรอที่จะใช้วิธีแบบนี้?” หลินฟานพูดเสียงเบา
รู้ไหมว่า หลินฟานไม่เพียงแต่มีความรู้ด้านคณิตศาสตร์ระดับนักวิชาการเท่านั้น
ที่เขาสามารถแก้ปริศนาของโจวและการคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่ได้ ก็เป็นเพราะความคิดเชิงตรรกะและการสังเกตของหลินฟานนั้นดีกว่าคนธรรมดาอย่างมาก
หลินฟานสามารถเห็นความจริงทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าเขาได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นการร่วมแสดงร่วมกันของหลี่ฉางตงและโจวไคเว่ย
วัตถุประสงค์ก็เพื่อ……
หลี่ฉางตงต้องการตัวของจางฮุ่ยหลิง
จางฮุ่ยหลิงมีหน้าตาดีและรูปร่างที่สมส่วน ควบคู่กับนิสัยเฉพาะตัวของนักศึกษาวิทยาลัย จึงไม่น่าแปลกใจที่เขามีเจตนาเช่นนี้
เมื่อหลี่ฉางตงรู้ว่าการแสดงของเขาถูกเปิดเผย ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและตะโกนตอบโต้ทันที “ไอหนุ่ม นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
“ที่ฉันพูดไป มันน่าจะชัดเจนมากแล้วนะ” หลินฟานพูด
หลี่ฉางตงพูด “อึก! นายรู้ไหมว่าพ่อของฉันเป็นใคร พ่อของฉันคือผู้จัดการทั่วไปของโรงงานไจ่เว่ย หลี่ต้าเจียง!”
ในความคิดของหลี่ฉางตง ถ้าหลินฟานมาอยู่ที่นี่ได้ เขาก็น่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัวของพนักงานในโรงงาน
ตราบใดที่เขาบอกชื่อพ่อของของเขาออกไป อีกฝ่ายจะต้องกลัวจนหัวหดอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม เขาคิดผิดมหันต์เลย
หลินฟานพูด “ขอโทษที แต่ฉันไม่สนใจไอหลี่ต้าเจียงผายลมอะไรนั่น!”
“ไอ้หนุ่ม แกกล้าว่าพ่อของฉัน!” หลี่ฉางตงตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง
หลังได้ฟังสิ่งที่หลินฟานพูด จางซ่งและเฉินหลี่เองก็พูดตอบโต้เช่นกัน
เฉินหลี่มองไปที่ดวงตาสีแดงของจางฮุ่ยหลิงก่อน แล้วจึงพูดเสียงดังออกมาว่า “แม้ว่าเราจะไม่มีบ้านอยู่ แต่เราก็จะไม่ขายลูกสาวเด็ดขาด!”
“หลี่ฉางตง ออกไปจากที่นี่ซะ!” จางซ่งตะโกน
หลี่ฉางตงไม่สนใจคำพูดของจางซ่งเลย เขาตอบกลับอย่างสบายๆ “ฉันมาช่วยด้วยความตั้งใจที่ดี แต่พวกนายกลับตะคอกใส่ฉันและบอกให้ฉันออกไปอีก เพียงเพราะคำพูดไร้สาระของไอหนุ่มนี่หรอ?”
“มันน่าอึดอัดจริงๆ!”
“ถ้าอย่างนั้น จะเอาอย่างงั้นก็ได้!”
“เมื่อถึงเวลาก็อย่ามาขอร้องฉันก็แล้วกัน!”
“ลุงโจว ปฏิบัติตามกฎของโรงงานได้เลย!”
หลังจากพูดจบ หลี่ฉางตงก็ทำท่าว่าจะจากไป
“พี่ฟาน?” ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกด้วยความประหลาดใจดังขึ้นมาจากข้างนอก
จากนั้น ซุนลูกั่วและชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวก็เดินเข้ามา
หลังจากที่เห็นหลินฟาน ซุนลูกั่วก็พูดออกมาอย่างมีความสุข “ฉันคิดไว้ไม่ผิด รถคันที่จอดอยู่ข้างนอกเป็นของพี่ฟานจริงๆด้วย!”
ครั้งแรกที่ซุนลูกั่วพบกับหลินฟาน มันเป็นตอนที่เขากำลังจะแข่งรถกับหลิวหยูหาง
ในตอนนั้น หลินฟานได้แสดงให้เขาเห็นถึงทักษะการขับรถที่ยอดเยี่ยม หลังจากเอาชนะการแข่งรถในครั้งนั้น หลินฟานก็ปฏิเสธรถซุปเปอร์สปอร์ตมูลค่า 28 ล้านหยวน
ในเวลานั้น ซุนลูกั่วจดจำหลินฟานได้ในใจเงียบๆ ก่อนที่เขาจะเอาเห็ดหลินจือร้อยปีไปให้หลินฟาน
ครั้งที่สองที่ฉัเขาเจอกับหลินฟานก็คืองานวันเกิดของซงเจียซิน
หลินฟานแสดงทักษะการเล่นหมากรุกที่ทำให้หลิวหยูหางและผู้อาวุโสตระกูลซงต้องยอมแพ้
เรื่องนี้ทำให้ซุนลูกั่ววางตำแหน่งของหลินฟานไว้สูงจนเทียบเท่ากันตนเองเลย
ครั้งที่สามที่เขาเจอหลินฟานก็คือที่วัดพู
ครั้งนั้น หลินฟานได้ช่วยชีวิตหลานชายของผู้เฒ่าฉินเว่ยหมิงไว้!
เรื่องนี้ทำให้ซุนลูกั่วอิจฉาและยกย่องหลินฟ่านอย่างมาก
วันนี้ ซุนลูกั่วก็ได้เจอกับหลินฟานโดยพังเอิญอีกครั้ง
หลินฟานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแล้วพูด “ซุนลูกั่วเองหรอ?”
ตรงกันข้ามกับท่าทางของหลินฟาน หลี่ฉางตง โจวไคเว่ยและคนอื่นๆมีท่าทีจริงจังก่อนจะรีบพูดออกมา “สวัสดี ผู้อำนวยการ!”
ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับซุนลูกั่วนั้นมีชื่อว่าเผิงปิง เป็นผู้อำนวยการโรงงานไจ่เว่ยในปัจจุบัน
เผิงปิงพยักหน้าให้เป็นการทักทาย
ซุนลูกั่วมองไปที่หลินฟานแล้วถาม “พี่ฟาน ทำไมพี่ถึงมาที่โรงงานไจ่เว่ย มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
หลินฟานพูด “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ก็แค่คนที่ชื่อฉางตงนั้นเล่นละครร่วมกับหัวหน้าโจว บังคับให้ครอบครัวของเพื่อนฉันต้องย้ายออก เพื่อที่จะได้ตัวน้องสาวของเพื่อนฉัน”
“อะไรนะ?” ใบหน้าของซุนลูกั่วกลายเป็นน่ากลัวขึ้นมาทันที ดวงตาที่เย็นชาของเขาเหลือบมองไปยังหลี่ฉางตง โจวไคเว่ยและคนอื่นๆราวกับลูกศรที่แหลมคม