ตอนที่ 347 เด็กเกเร

หลิ่วมีดเดียวเหมือนกับรู้สึกถึงการมาของหยางโปได้ เขาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาก็ไม่ได้ละออกแม้แต่นิดเดียว ” นายฝึกเป็นยังไงบ้างล่ะ ? “

หยางโปหยิบพระพุทธรูปสังกัจจายน์ที่เขาสลักเมื่อเร็วๆออกมาแล้วส่งให้ไป หลิ่วมีดเดียวกวาดตามองแวบหนึ่งแล้วก็หันสายตากลับไปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาก็ส่งพระพุทธรูปสังกัจจายน์กลับคืนไป ” ไม่เลว แต่ฝีมือธรรมดาไปหน่อย ยังใช้เทคนิคไม่มากพอ “

” คงจะไม่ต้องการเทคนิคอะไรใช่ไหมครับ ? ” หยางโปเอ่ยค้านเล็กน้อย

หลิ่วมีดเดียวไม่พูดจา เขาจ้องคอมพิวเตอร์ตาเขม็ง เวลานี้เหมือนว่าละครได้มาถึงจุดสำคัญ เพียงแต่หน้าจอสว่างวาบหนึ่ง ปรากฏตอนจบของละครขึ้น หลิ่วมีดเดียวก็ถอนหายใจเบาๆ เอนตัวบนเก้าอี้ราวกับรู้สึกเหนื่อยล้า

 

หลิ่วมีดเดียวถึงค่อยมีเวลาว่าง หันมามองหยางโป ” ไม่ต้องการเทคนิค ? “

หลิ่วมีดเดียวชี้นิ้วไปด้านนอก ” นายไปเดินถามในเมือง ถามเรื่องวัตถุดิบหยกก้อนหนึ่งแบบเดียวกับพวกเขา ท้ายสุดแล้วอาจจะเรียบง่ายสักหน่อย หรือไม่ว่าเทคนิคมีดจะซับซ้อน ท้ายที่สุดแล้วการแกะสลักหยกซับซ้อนอย่างละเอียดประณีตถึงจะดีเหรอ ? นายทำอาชีพของโบราณ จะต้องเข้าใจมากกว่าฉันแน่ เทคนิคแกะสลักที่ซับซ้อน มักมีมูลค่ามากกว่าแกะสลักที่เรียบง่ายไปตลอดกาล ! เพราะนี่คือความต้องการของตลาด ! “

” สำหรับคนธรรมดา พวกเขาจะไม่สนใจว่ามีจิตวิญญาณรึเปล่า สำหรับพวกเขาแล้ว ผลงานยิ่งวิจิตร ชิ้นงานยิ่งซับซ้อน ก็ยิ่งล้ำค่า ! ระดับตอนนี้ของนายยังไม่ถึงขั้นนั้น รอจนหลังจากที่นายกลายเป็นปรมาจารย์งานศิลป์แล้วจริงๆ ตอนที่โด่งดังไปทั่วประเทศ​เกรงว่าการแกะสลักเพียงมีดเดียวของนายก็อาจจะมีคนมาบอกราคาซื้อไปล้านหนึ่งก็ได้ นี่คือเป้าหมายในอนาคตของนาย แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ! “

 

หยางโปได้ยินหลิ่วมีดเดียวกล่าว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ เป็นเขาที่ไม่ยอมแสดงฝีมือแกะสลักให้ถึงที่สุด ก็เพราะเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น แต่มาตอนนี้พอใคร่ครวญดูแล้ว บนโลกนี้คนส่วนใหญ่ล้วนตื้นเขิน ส่วนเขาก็ทำได้เพียงเดินไปตามทางสายนี้

มองเห็นหยางโปครุ่นคิดใคร่ครวญ หลิ่วมีดเดียวก็เปิดลิ้นชัก หยิบหยกเหอเทียนออกมาจากข้างใน

” เอากลับไป แกะสลักให้ดี วันที่สาม เดือนหน้าก็เอามาให้ฉัน ! “

หยางโปรับหยกเหอเถียนมา สำรวจอย่างละเอียด วัตถุดิบตรงหน้าไม่ใหญ่เลย แต่คุณภาพหยกกระจ่างโปร่งใส นี่ก็คือหยกเหอเถียนมันแพะชั้นยอด !

หยกรูปทรงเป็นรูปหัวใจ นี่ก็จำกัดรูปแบบในการแกะสลัก

 

หยางโปจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็คิดวิธีแก้ไขได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ว่าเขาก็จำต้องตอบตกลง

หยางโปคิดถึงการแข่งขันในวันที่แปดเดือนหน้า แล้วก็เอ่ยถาม ” การแข่งขันวันที่แปดคืออะไรเหรอครับ ? “

” ก็แค่การแข่งรอบอุ่นเครื่องเท่านั้น นายไม่ต้องกังวล รอจนถึงตอนแข่งรอบรองชนะเลิศแล้วค่อยว่ากัน ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

หยางโปถึงได้วางใจลง ” การแข่งรอบอุ่นเครื่องต้องส่งผลงานไปโดยตรง หรือว่าจะให้ไปแกะสลักที่สนามครับ ? “

” ผลงานของนาย ฉันช่วยส่งให้แล้ว เป็นผลงานแกะสลักไม้ก่อนหน้านี้ของนาย นายวางใจเถอะ นายจะต้องผ่านรอบอุ่นเครื่องไปได้แน่ ” หลิ่วมีดเดียวกล่าว

หยางโปพยักหน้า ” แบบนี้เอง ถ้างั้นผมก็ไม่ต้องกังวลตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนการแข่งขันวันที่แปด ผมก็ไม่ต้องทำอะไรมากใช่ไหมครับ ? “

 

” ใช่แล้ว วันที่แปด สิ้นสุดรอบอุ่นเครื่อง ประมาณสิบวันครึ่งเดือนก็ประกาศผล จากนั้นถึงค่อยเป็นการแข่งรอบรองชนะเลิศ พอถึงรอบชนะเลิศ ตอนนั้นฉันจะบอกนายเอง “

หยางโปเหลือบมองหูชิงชิง ที่ไม่ได้พูดอะไรมาก ไม่นานเขาก็จากไป

หูชิงชิงแค่นเสียงใส่ด้านหลังของหยางโป จากนั้นก็แกะสลักต่อไป

พอหยางโปกลับมาถึงบ้าน เขาก็เริ่มศึกษาหยกขึ้นมา

การแกะสลักสิ่งของธรรมดานั้นง่ายเกินไป อย่างวัตถุดิบระดับสุดยอดแบบนี้ เขาอยากรักษาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ก็จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบซะก่อน อ้างอิงจากรูปทรงวัตถุดิบ ที่จะส่งพลังของหยกออกมาให้มากที่สุด

….

 

หยางโปไม่ได้ออกจากบ้านสองวันเต็มๆ เขายังคงไม่มีแรงบันดาลใจอะไรนัก เขาก็ไม่ได้สนใจมาก ยังไงนี่ก็เป็นแค่งานอดิเรกอย่างหนึ่ง เขาวางแผนจะกลับจินหลิงให้เร็วที่สุด และกลับไปดูร้านเล็กๆของเขา

ผ่านคืนวันของเขาไปอย่างรวดเร็ว

เขาได้กลับไปถึงหมู่บ้าน หยางโปมองเห็นข้างล่างมีรถเฟอร์รารี่สีแดงจอดอยู่คันหนึ่ง รอบๆเฟอร์รารี่มีเด็กเกเรล้อมอยู่สามคนห้าคน กำลังมองอย่างสงสัย หยางโปเหลือบมองแล้วก็ไม่ได้สนใจ

เดินไปเปิดประตูแล้ว หยางโปก็มองเห็นซ่งห้าวซวนยืนอยู่ข้างนอกก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ” นายมาที่นี่ทำไม ? “

ซ่งห้าวซวนเหลือบมองหยางโป สีหน้าเย่อหยิ่ง ” ฉันมาขอโทษนาย ครั้งก่อนที่เปิดร้านตรงข้ามนาย เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของนายไม่น้อยเลยใช่ไหม ถ้าอย่างงั้นทำไมถึงเอาแต่เช่าห้องอยู่ที่จิ่งเฉิงล่ะ ? ที่นี่เช่าห้องก็ราคาไม่ถูก ถ้ายังไง ฉันช่วยแนะนำที่ถูกๆ ให้นายสักที่ดีไหม ? “

 

กล่าวจบ ซ่งห้าวซวนก็หัวเราะร่าฮ่าฮ่าขึ้นมาหยางโปมองซ่งห้าวซวน ก็รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกเหนือกว่าของอีกฝ่ายมาจากที่ไหนกันแน่เลยจริงๆ ” ไม่ต้องหรอก นายกำลังขวางทางฉันอยู่ ช่วยหลบไปหน่อย ! “

ซ่งห้าวซวนมองหยางโป ” หลายวันก่อนนายไปยั่วให้ป้าฉันโกรธ และทำให้ฉันโกรธมาก ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะรุนแรงมากเลยนะ ! “

หยางโปกวาดตามอง แล้วส่ายหน้าหัวเราะ ” โอ้ งั้นเหรอ ? “

กล่าวจบ หยางโปก็หยิบกุญแจออกมา กำลังจะเปิดประตู

ซ่งห้าวซวนพลันขวางประตูเอาไว้ ” นายอย่าเช่าอยู่ที่นี่เลย มีแค่ห้องใต้ดินเท่านั้นถึงจะเป็นที่เหมาะสมกับนาย ! ไม่อย่างนั้น นายอาจถูกคนอื่นสาดสีน้ำมัน พังกุญแจก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะไม่ดีเอานะ ! “

หยางโปเงยหน้า มองไปทางซ่งห้าวซวนอย่างดุดัน ” นายลองดูสิ ! “

 

กล่าวจบ หยางโปก็ผลักซ่งห้าวซวนออกไป เขาก็เปิดประตู หันหลังไปกล่าวกับซ่งห้าวซวน ” เรื่องแบบนี้ฉันหวังว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้น ถ้าหากเกิดขึ้นจริงๆ ฉันจะเชิญชุยซื่อหยวนกับหลี่หมิ่นมาดูด้วยกันเอง ! “

หยางโปแค่นเสียง และเสียงปิดประตูนิรภัยก็ดัง ” ปัง “

ซ่งห้าวซวนสีหน้าซีดเผือด เขาจ้องมองประตูนิรภัย แล้วถุยน้ำลาย ” นายคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ ? “

ซ่งห้าวซวนไม่ได้รั้งอยู่ต่อ เขาเดินออกไปชั้นล่าง เขาไม่เชื่อหรอก เพราะหยางโปยังไม่นับญาติกับชุยซื่อหยวน เขาจะเชิญชุยซื่อหยวนมาได้ยังไง ? ว่าไปแล้วถึงแม้เขาจะเชิญชุยซื่อหยวนมาได้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ? ยังไม่ใช่การประนีประนอมเหรอ ?

เขายังมีป้าที่สนับสนุนเขาอยู่!

เดินไปเปิดประตูรถ ซ่งห้าวซวนกำลังจะเข้าไปนั่ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เขาหันไปมองทางเข้า ทันใดนั้นเขาอึ้งตะลึงไปทันที เขามองไปรอบด้าน ตะโกน ” เป็นใคร ใครมันขูดรถของฉัน ! “

 

” เป็นใคร กล้าดียังไงมาขูดรถของฉัน ทำไมถึงไม่กล้ามายอมรับล่ะ ? “

….

ตะโกนอยู่นานก็ไม่มีใครออกมา ซ่งห้าวซวนก็กล้ำกลืนความโกรธเกรี้ยว เขานั่งอยู่บนรถ เร่งคันเร่ง แล้วก็แล่นออกไปด้านนอกทันที

เฟอร์รารี่สีแดงนั้นทรงพลังอย่างที่สุด มีเสียงฮึมฮัมแฝงด้วยเสียงสั่นอย่างรุนแรงขณะที่พุ่งไปด้านนอก

เด็กเกเรหลายคนมองเห็นรถเฟอร์รารี่แล่นออกไปแล้วก็วิ่งออกมา ในมือยังถือกุญแจ หัวเราะคิกคักไม่หยุด

เด็กเกเรกลุ่มหนึ่งไม่นานก็หัวเราะไม่ออก เพราะมีเสียงร้องตะโกนมาจากในช่องตึก ได้ยินแบบนั้นเหล่าเด็กเกเรจำต้องกลับไปบ้านใครบ้านมันทันที เพื่อไปหาแม่ของตนเอง

ไม่นาน ทั้งตึกก็มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังไปทั่ว