บทที่ 309 บึงบัวใต้แสงจันทร์ ผู้ใดหึงใครกันแน่

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะรู้สึกกังวลมากเพียงใด ในยามนี้ ก็ไม่เหมาะที่จะแสดงออกมาทางสีหน้ามากนัก อีกทั้งยังไม่อาจที่จะปฏิเสธการเคลื่อนไหวใด ๆ ได้อีกด้วย

หากว่าซีหลิงเทียนเหล่ยต้องการแต่งเฟิ่งชิงเฉินเป็นนางสนมนั้น ถ้าดูจากภูมิหลังครอบครัวหรือรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ถือว่าเป็นเกียรติแก่เฟิ่งชิงเฉินมากนัก หากเฟิ่งชิงเฉินไม่ยินยอมแต่งออกไป ย่อมต้องถูกตราหน้าว่านางหยิ่งจองหอง ไม่รู้จักสำเหนียกฐานะของตนเอง

ในขณะเดียวกัน หากเฟิ่งชิงเฉินต้องการปฏิเสธ ก็จะเป็นการฉีกหน้าของซีหลิงเทียนเหล่ย ทั้งยังทำให้ซีหลิงเทียนเหล่ยได้รับความอับอายเป็นอย่างมาก

บุรุษผู้หนึ่ง ที่มีชาติกำเนิดสูงส่งและมีความเย่อหยิ่งในตนเองเช่นนี้ หากต้องมาโดนผู้อื่นเหยียบย่ำใบหน้าของตนเล่า หากว่าเขาเกิดคลุ้มคลั่งทำสิ่งใดขึ้นมา ย่อมไม่มีผู้ใดคิดถึงอย่างแน่นอน

ฉะนั้นแล้ว การที่เฟิ่งชิงเฉินมิยินยอมตบแต่งเป็นพระชายารองของซีหลิงเทียนเหล่ยนั้น คนอื่นสามารถออกหน้าขัดขวางได้ นอกจากเฟิ่งชิงเฉินเพียงผู้เดียวเท่านั้น หากเฟิ่งชิงเฉินคิดจะทำสิ่งใด ก็ได้แต่ต้องแอบทำเท่านั้น ไม่อาจให้ผู้อื่นหรือซีหลิงเทียนเหล่ยจับได้เป็นอันขาด

เฟิ่งชิงเฉินเริ่มเข้าใจความสามารถของสายสัมพันธ์เช่นนี้แล้ว มิรอให้หวังจิ่นหลิงพูดอันใดออกมาให้มากความ เฟิ่งชิงเฉินพลันยื่นมือออกมาบีบไปที่ใบหน้าของตนเองเบา ๆ เพื่อบีบคลายรอยยิ้มที่แข็งค้างของนางเมื่อครู่ออกไป

“ไม่ต้องกังวล ข้าสบายดี” เฟิ่งชิงเฉินพลันแย้มยิ้มอย่างแจ่มใสออกมา รอยยิ้มของนางนั้น ดูสว่างไสวยิ่งกว่าแสงไฟในตำหนักยิ่งนัก แต่ทว่า หวังจิ่นหลิงยังคงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของนางอยู่ดี

“ทุกอย่างจักต้องเรียบร้อย” หวังจิ่นหลิงจับมือของเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ พร้อมกับดึงมือของนางให้ก้าวไปด้านหน้า พวกเขารั้งท้ายมานานแล้ว หากยังตามไปไม่ทัน ถ้ามีคนมาเห็นภาพนี้ละก็ อาจจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อเฟิ่งชิงเฉินได้

ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ได้ดีนัก หากแต่หวังจิ่นหลิงก็ไม่อาจไปซ้ำรอยอีกได้ แม้ว่าเขาไม่อาจแต่งเฟิ่งชิงเฉิน ไม่อาจให้ในสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินต้องการได้ เช่นนั้นเขาก็จะมองนางด้วยความห่วงใยเฉกเช่นน้องสาวของเขาคนหนึ่งก็แล้วกัน เขาอยากจะมองเห็นเฟิ่งชิงเฉิน ที่สามารถตามหาความสุขของตนเองพบ ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นการทำร้ายตนเองไปบ้าง ทว่า มันมีแต่ทางนี้เท่านั้น ที่สามารถทำให้เขารู้สึกสบายใจลงได้

ทั้งเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงต่างก็รีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขาในทันที พร้อมทั้งเดินชื่นชมวิวทิวทัศน์ไปพร้อมกับพวกเขา

จุดชมวิวอยู่ไม่ไกลจากที่เฟิ่งชิงเฉินอยู่เมื่อตอนกลางวันมากนัก หากเดินจากที่รับสำรับอาหารมาที่จุดชมวิว ใช้เวลาเพียงแค่สองเค่อเท่านั้น ภายในสองเค่อนี้ ผู้คนหาได้รู้สึกเพลิดเพลินไม่ พวกเขาทั้งพูดคุยกันลองเชิงกันในเรื่องต่าง ๆ นานามากมาย

เมื่อหวังจิ่นหลิงเห็นเฟิ่งชิงเฉินอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้วนั้น ก็พลันพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับเฟิ่งชิงเฉินในทันที เพื่อพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของนางไป ในสถานที่ที่สวยงามเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ควรพูดถึงปัญหาที่ทุกคนต้องหนักใจเช่น ปัญหาบ้านเมืองของตนเอง

บุปผาที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับผู้คนที่อยู่ใต้จันทรา ย่อมต้องพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งของงาม ๆ ที่อยู่ตรงหน้าแืน หัวข้อสนทนาก็อยู่ในตัวผู้คนเช่นกัน หวังจิ่นหลิงพลันชี้ไปยังบุคคลสำคัญแต่ละคนที่เดินอยู่ข้างหน้า พร้อมกับกระซิบบอกกล่าวกับเฟิ่งชิงเฉินว่า “ชิงเฉิน เจ้าดูซิ ในโลกใบนี้ ไม่มีผู้ใดที่สามารถสง่างามได้ตลอด เฉกเช่นผู้ที่หยิ่งทระนงเช่นเสด็จอาเก้า ก็ต้องเข้าไปพัวพันกับทางโลกเช่นกัน แม้แต่องค์รัชทายาทเอง ก็ไม่อาจไม่รับมือกับคนที่ตนเองไม่ชอบได้ บุคคลที่เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิเช่นองค์ชายชุนหยู ก็หาได้มีทุกเรื่องที่สามารถทำให้มันราบรื่นได้ไม่ ”

เฟิ่งชิงเฉินพลันมองตามนิ้วที่หวังจิ่นหลิงชี้ไป เมื่อมองดูแล้วนั้น ก็พยักหน้าเล็กน้อย กล่าวว่า “บนโลกมนุษย์ก็มือเรื่องของมนุษย์ อย่างไรย่อมไม่อาจหลีกหนีไปได้อยู่แล้ว”

ยามที่ซูหว่านเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยกับเสด็จอาเก้านั้น หากแต่เสด็จอาเก้าหาได้ตอบกลับนางสักคำไม่ ซูหว่านแสดงงิ้วอยู่ตั้งเนิ่นนาน ก็ไม่อาจดึงความสนใจของเสด็จอาเก้าไว้ได้ จึงได้แต่คอยอยู่ตอแยเสด็จอาเก้าอยู่เช่นนั้น

เป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนเอง ก็ลองพูดคุยกับองค์หญิงอันผิงเช่นกัน แต่องค์หญิงอันผิงหาได้ให้ความสนใจเขาไม่ ทว่า ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของตงหลิงจื่อลั่วไปได้ จึงต้องตอบกลับไปเสียสองสามคำ เมื่อมองไม่เห็นบุรุษที่ตนเองชื่นชอบเช่นหวังจิ่นหลิงอยู่ในสายตาของตนเองนั้น องค์หญิงจึงได้ตอบเป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนด้วยท่าทีไม่มีความสุขแทน

ทว่า ไม่มีผู้ใดคิดว่า ในสายตาของเป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนนั้น เขากลับคิดว่าองค์หญิงอันผิงเพียงแค่รู้สึกเขินอายและประหม่าเท่านั้น ท่าทางที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ แตกต่างจากสตรีของเป่ยหลิงยิ่งนัก ภายในใจของเป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนจึงรู้สึกพอใจในตัวขององค์หญิงอันผิง

ยามที่องค์รัชทายาทและซีหลิงเทียนเหล่ยพูดคุยกันไปได้พอสมควรแล้ว ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันส่งสัญญาณให้ซีหลิงเหยาหวาก้าวไปหาเสด็จอาเก้าที่อยู่ข้างหน้าในทันที ทว่า ซีหลิงเหยาหวาแสร้งทำเป็นไม่เห็น เมื่อรวมไปถึงตงหลิงจื่อลั่วที่เข้ามาทักทายนางก่อนเช่นนั้น พวกเขาทั้งสองจึงริเริ่มพูดคุยกันในทันที

ถึงแม้ว่าซีหลิงเทียนเหล่ยจักมิค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ไม่อาจพูดอันใดออกมาได้ ถึงอย่างไร ซีหลิงเหยาหวาและตงหลิงจื่อลัวก็มิได้มีโอกาสได้พบเจอกันมากนัก รวมไปถึงเสด็จอาเก้าที่ดูจะไม่ค่อยชมชอบซูหว่านเท่าใดนัก ซีหลิงเทียนเหล่ยจึงได้ปล่อยโอกาสนี้ให้กับซีหลิงเหยาหวาสักครั้ง

ถ้าหากว่าตงหลิงจื่อลั่ว สามารถใช้เวลาภายในสองปีในการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทมาได้นั้น หากเหยาหวาต้องการจะแต่งให้ตงหลิงจื่อลั่วก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรตงหลิงจื่อลั่วเองก็ชมชอบซีหลิงเหยาหวาอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จักรพรรดิของตงหลิงย่อมต้องทวีคูณการป้องกันตัวจากซีหลิงเหยาหวาเป็นเท่าตัวแน่

ถึงแม้ว่ามันจะมีข้อดี แต่มันก็มีข้อเสียเช่นกัน หากว่ากันตามตรง สถานการณ์ในยามนี้ เขาอยากจะให้ซีหลิงเหยาหวาแต่งให้เสด็จอาเก้ามากกว่า ถ้าหากว่า จักรพรรดิตงหลิงได้วิธีทำระเบิดเทียนเหล่ยขึ้นมาจริง ๆ ภายในสามในห้าปีนี้ พระองค์ย่อมต้องหาเรื่องยกทัพมาตีหนานหลิงและซีหลิงเป็นแน่

ตงหลิงมิได้ให้เวลาของพวกเขามากมายนัก!

ตงหลิงจื่อชุนต้องการที่จะมาหาเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก ยามที่แยกจากันในครานั้น เขาไม่อาจหาโอกาสในการเข้าเฟิ่งชิงเฉินได้เลย ส่งเทียบเชิญไปมากมายเท่าใด ก็ไม่อาจเห็นหน้าเฟิ่งชิงเฉินได้

ให้เขาแสร้งป่วยงั้นหรือ? อย่าได้คิดง่ายดายนัก เขาเป็นถึงชุนอ๋อง หากว่าเขาไม่สบายเมื่อใด ก็จักมีม้าเร็วรายงานไปยังวังหลวง พร้อมกับส่งหมอหลวงเข้ามารักษาเขาในทันที อีกทั้งการตรวจรักษาทุกครั้ง จะต้องมีการบันทึกการรักษาอีกด้วย หากเขาต้องการจะให้เฟิ่งชิงเฉินมารักษาเขานั้น มีแต่จะสร้างความลำบากให้กับเฟิ่งชิงเฉินแทน

เขาหาได้เหมือนตงหลิงจื่อลั่วไม่ ที่จะมีฝ่าบาทออกพระราชโองการเรียกเฟิ่งชิงเฉินให้เข้าไปทำการรักษาให้ได้ อีกทั้งยังมิเหมือนซู่ชินอ๋องที่ได้รับการแนะนำจากหวังจิ่นหลิงสามารเข้าพบได้ และมีตี๋ตงหมิงคอยรับประกันให้เช่นนั้น อีกทั้งเฟิ่งชิงเฉินหาได้เป็นแพทย์ที่เดินทางไปรักษาตามบ้านไม่

ทว่า ตี๋ตงหมิงหาได้เปิดโอกาสให้กับตงหลิงจื่อชุนไม่ พร้อมทั้งลากตงหลิงจื่อชุนไปพูดคุยด้วยมากมาย น่าขันนัก ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นสหายหรือไม่ หรือจะเป็นพี่น้องกับหวังจิ่นหลิง เขาก็จะไม่ปล่อยให้ปีศาจร้ายเช่นตงหลิงจื่อชุนเข้าไปทำลายเฟิ่งชิงเฉินเป็นอันขาด หากรู้ว่าตงหลิงจื่อชุน แม้จะมิได้แต่งตั้งพระชายาเอกขึ้นมา ทว่าสตรีในวังหลังนั้น แม้จะใช้มือและเท้าทั้งสองข้าง ก็ไม่อาจนับนิ้วหมดแน่ว่าเขามีสตรีในวังเท่าใดกัน

“ในชีวิตของคนเรา ย่อมมีเรื่องที่ไม่อาจชื่นชอบและไม่พอใจกับมันได้ ชีวิตนี้ ข้ารู้สึกโชคดียิ่งนักที่ได้มาพบเจอเจ้า” คิ้วของเฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ ผ่อนคลายลงแล้ว พร้อมกับดึงมือของหวังจิ่นหลิงเอาไว้ “ไปกันเถอะ พวกเราไปดูดอกบัวกัน ข้ายังไม่เคยชมดอกบัวยามราตรีเสียที มันต้องให้อารมณ์อีกแบบหนึ่งอย่างแน่นอน”

“วางใจเถิด. มันจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน สระบัวของเสด็จอาเก้าขึ้นชื่อไปทั่วทั้งสี่แคว้นยิ่งนัก โดยเฉพาะยามราตรี สระบัวในนี้งดงามราวกับภาพในฝันเลยทีเดียว” สามารถทำให้หวังจิ่นหลิงเอ่ยชื่นชมได้ แสดงว่าสระบัวแห่งนี้ย่อมต้องเป็นเลิศอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า เฟิ่งชิงเฉินจะเคยชื่นชมความงามของพวกมันยามกลางวันไปแล้ว ในยามนี้ นางตั้งตารอคอยที่จะได้ชื่นชมมันในยามราตรียิ่งนัก

เช่นเดียวกันกับยามรับสำรับมื้อเย็นยิ่งนัก ผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาชมดอกบัว ก็ยังมีเพียงเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงเช่นเดิม ถึงแม้ว่าเซี่ยซานและหวังชีจะเต็มใจดูเช่นกัน แต่พวกเขาในวันนี้ เพียงมาเพราะหาอะไรทำเท่านั้น

ที่จุดชมวิวแสงไฟจากตะเกียงส่องสว่างไปทั่ว ข้ารับใช้ได้มีการเตรียมของหวาน น้ำชาและอ่างน้ำแข็งเอาไว้ด้วยเช่นกัน ยามที่มีสายลมพัดมาเบา ๆนั้น ทำให้รู้สึกเย็นสบายและสดชื่นยิ่งนัก เมื่อทุกคนพลันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อดที่จะรู้สึกอยากจะนำห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นของดอกบัวนำกลับไปด้วยเช่นกัน

เป็นเพราะคำพูดของหวังจิ่นหลิง ถึงทำให้เฟิ่งชิงเฉินตั้งหน้าตั้งตารอชมดอกบัวเช่นนี้ ยามที่กำลังนั่งลงนั้น พลันได้ยินเสียงดัง”ฟู่” แสงไฟภายในตะเกียงของจุดชมวิวพลันดับลงไปในทันที มีเพียงแสงจากจันทราเท่านั้น ที่พอจะส่องให้เห็นความงามของสระบัวในยามนี้ได้ เฟิ่งชิงเฉินจึงเงยหน้าข้ามามองในทันที ยามที่มองดูสระบัวว่างดงามตามที่หวังจิ่นหลิงล่ำลือหรือไม่นั้น นางพลันเห็น

หัวของซูหว่านพลันซบลงไปที่ไหล่ของเสด็จอาเก้าจากในมุมมองของนางที่มองเห็นนั้น คล้ายกับว่า จะเห็นคู่รักกำลังนั่งแอบอิงกันยิ่งนัก

ที่แท้ นางหาได้เป็นคนที่พิเศษไม่ บุคคลที่เกลียดสตรีเข้าใกล้เช่นเสด็จอาเก้า ยามที่พบกับสาวงามก็อ้าแขนรับให้นางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดโดยไม่ปฏิเสธอันใดในทันที

หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ ราวกับจะร่วงหล่นออกมาได้ทุกเมื่อ

เฟิ่งชิงเฉินพลันอ้าปากค้าง พร้อมกับฝืนยิ้มออกมา แล้วหันหน้าหนีไปในทันที ทำตัวราวกับว่าตนเองมองไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น แม้แต่วิวทิวทัศน์ของดอกบัวที่อยู่เต็มสระด้านหน้า ก็ไม่อาจเข้าสู่สายตาของนางได้