บทที่ 459 ดวงสมพงศ์

บัญชามังกรเดือด

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเต๋อ ลูกศิษย์สี่คนนั้น ก็เริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็ว

  “มังกรฟ้าประจำตำแหน่ง ตั้งค่ายกลทิศตะวันออก!”

  “พยัคฆ์เพลิงประจำตำแหน่ง ตั้งค่ายกลทิศตะวันตก!”

  “หงส์แดงประจำตำแหน่ง ตั้งค่ายกลทิศใต้!”

  “เต่าดำประจำตำแหน่ง ตั้งค่ายกลทิศเหนือ!”

  พวกเขาอยู่รอบๆของหลิวเต๋อ ประกอบขึ้นเป็นวงกลมเล็กวงหนึ่ง ดึงกระบี่ไม้ท้อออกมาจากด้านหลัง หลับตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความนิ่งเงียบและเคร่งขรึม

  ภายใต้ความมืดมิดยามราตรี บนที่ดินทุ่งหญ้ารกร้างว่างเปล่านี้ เกิดภาพเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พวกเถ้าแก่ที่อยู่บริเวณรอบๆเหล่านี้ ต่างก็รู้สึกแปลกประหลาดอย่างห้ามไม่ได้

  “พี่คุน พวกเขาจะทำอะไรน่ะ?”อู๋ลี่ใช้โอกาสนี้แนบชิดข้างกายของหยางคุน เหมือนกับว่าลูกนกที่ติดคน

  ดวงตาของหยางคุนเปล่งประกายเป็นอย่างยิ่ง กล่าวเสียงเบา: “อย่าพูด ใกล้จะได้รู้แล้ว”

  ณ สถานที่นั้น เต็มไปด้วยความเงียบสงัด

  เห็นเพียงแค่หลิวเต๋อที่ยืนอยู่ตรงกลางของค่ายกลสี่สัตว์เทวะ มือถือกระบี่ไม้ท้อ ปากท่องคาถาพึมพำ

  ทันใดนั้นก็ตะโกนสุดเสียง: “การตั้งค่ายกลเสร็จเรียบร้อย!”

  “ขอเชิญผู้ทดสอบ หมุนเวียนกันเดินเข้ามาตรงกลางค่ายกล รับการประเมิน!”

  “เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเคารพ ผู้ที่รับการประเมินทุกคน สมัครใจออกทุนหนึ่งล้าน เพื่อเป็นค่าบูชาครู”

  หยางคุนกล่าวเสียงเบา: “ทุกท่าน หนึ่งล้านก็สามารถประเมินออกมาได้ว่าตนเองเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับที่ดินผืนนี้ คุ้มค่ามากจริงๆ”

  หนึ่งล้าน สำหรับเถ้าแก่อสังหาริมทรัพย์เจ้าถิ่นเหล่านี้แล้ว ก็เป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้น

  พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด

  ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มที่ชื่อฮู๋เป่าคนนั้น กล่าวเสียงดัง: “ผมก่อน!”

  “รีบประเมินให้เสร็จ ผมก็จะได้ตัดใจได้เร็วขึ้น!”

  ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เดินเข้าไปตรงกลางค่ายกลอย่างตื่นเต้น ยืนอยู่ตรงหน้าของหลิวเต๋อ

  หลิวเต๋อกล่าวเสียงขรึม: “เผชิญหน้ากับเทพเจ้า ทำไมถึงไร้มารยาทเช่นนี้ ยังไม่รีบคุกเข่าลงไปอีก”

  ทันทีที่พูดจบ บริเวณรอบๆ ลูกศิษย์ทั้งสี่คนของเขาก็กล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน: “ยังไม่รีบคุกเข่าลงไป!”

  ฮู๋เป่าตกใจกลัวจนตัวสั่น ขาอ่อนยวบทันที คุกเข่าลงไปดังตึ้งอยู่ตรงหน้า

  เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หลิวเต๋อตบเพียะหนึ่งที นำกระบี่ไม้ท้อวางบนศีรษะของเขา กล่าวอย่างเคร่งขรึม: “หลับตาลง ผ่อนคลายตนเอง เจ้าจะได้มองเห็นสิ่งที่เจ้าควรจะเห็น”

  ฮู๋เป่ารีบร้อนหลับตาลง

  หลิวเต๋อกล่าวเสียงเบา: “ผ่อนคลาย ถูกต้อง ผ่อนคลาย……”

  หลังจากนั้น ก็สวดมนต์พึมพำ ฟังดูไป ราวกับเพลงกล่อมเด็ก

  ทุกคนต่างก็เบิกตาโต จ้องฮู๋เป่าเขม็ง

  เห็นเพียงแค่บนใบหน้าของเขา สีหน้าปรากฏความสงบเยือกเย็นอย่างหนึ่งออกมา เหมือนกับทารกที่ได้ฟังเพลงไกวเปล

  เหตุการณ์เช่นนี้ กินเวลาต่อเนื่องประมาณหนึ่งนาที

  ตอนที่ทุกคนมีความอดใจรอไม่ไหวอยู่เล็กน้อย เห็นเพียงแค่บนใบหน้าของฮู๋เป่า ที่อยู่ๆก็ปรากฏสีหน้าที่หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งออกมา

  เหมือนกับว่าเขาได้ฝันร้าย แหกปากร้องเสียงดัง ดูท่าทาง อยากจะกระโดดออกมา แต่ว่า ร่างกายกลับขยับไม่ได้

  “ผี ผีน่ะ!”

  “มีผี!”

  “อย่าเข้ามา!”

  “อย่ามาหาฉัน!”

  เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นตระหนกของเขา ทุกคนก็ตกใจทันที พวกเขารีบมองไปทั่วทุกสารทิศ เห็นเพียงแสงจันทร์ที่มืดสลัว หญ้ารกร้างลอยไปมา

  ราวกับว่าด้านหลังของความมืดมิดยามราตรี มีผีร้ายแอบซ่อนอยู่จริงๆ

  ทุกคน ต่างก็รู้สึกเย็นยะเยือกอย่างอดไม่ได้

  อู๋ลี่ก็ยิ่งฉวยโอกาสโอบกอดหยางคุนเอาไว้แน่น

  หยางคุนถอนหายใจ กล่าว: “ปรมาจารย์หลิว ปล่อยเขาไปเถอะ”

  “ดูเหมือนว่า เขาจะปราบที่ดินผืนนี้เอาไว้ไม่อยู่แล้ว”

  หลิวเต๋อตะโกนออกมาทันที ดึงดาบไม้ท้อที่อยู่บนศีรษะของออกฮู๋เป่า

  ฮู๋เป่าลืมตาขึ้น มองไปยังผู้คนที่อยู่บริเวณรอบๆ สีหน้าของเขาซีดขาว ล้มลงไปบนพื้น เหมือนกับเนื้อบดกองหนึ่ง

  “พาฉันไป!”

  “รีบพาฉันไป!”

  “ฉันอยากกลับบ้าน!”

  “ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่!”เขาพูดพึมพำ ในที่สุดก็หมอบลงบนพื้น คลานออกไปยังด้านนอก

  บอดี้การ์ดสองคนรีบกรูเข้ามา นำเขาพยุงขึ้นมา

  หยางคุนยิ้มกล่าว: “ประธานฮู๋ อย่าลืม ค่าบูชาครูหนึ่งล้านนั้นที่คุณรับปากกับปรมาจารย์หลิวล่ะ”

  ฮู๋เป่ากล่าวเสียงดัง: “ขอบคุณปรมาจารย์ที่ชี้ทางสว่าง!”

  “ผมให้คุณสองล้าน โอนเข้าบัญชีคุณทันที

  มองดูฮู๋เป่าที่ถูกพยุงขึ้นรถ คำรามเดินออกไป ทุกคนต่างก็กระสับกระส่าย

  หยางคุนยิ้มกล่าว: “สามารถทำต่อไปได้แล้ว”

  “คนต่อไปคือใคร?”

  “ทุกท่าน โอกาสหาได้ยาก อย่าได้พลาดโอกาสไปล่ะ”

  ทุกคนมองหน้ากันไปมา

  ทันใดนั้นเหิงต๋าก็ตะโกนขึ้นมา: “ผม!”

  เขาเลียนแบบท่าทางของฮู๋เป่าเดินเข้าไปถึงตรงกลาง ที่ด้านหน้าของหลิวเต๋อ คุกเข่าทั้งสองข้างลงไป

  หลิวเต๋อทำท่าเหมือนเมื่อครู่ นำกระบี่ไม้ท้อวางไว้บนศีรษะของเหิงต๋า ปากสวดมนต์พึมพำ

  ครั้งนี้ เหิงต๋าอดทนได้หนึ่งนาที ก็ร้องเสียงดัง หงายหลังล้มลงไป

  “อย่าฆ่าฉัน!”

  “อย่าเข้ามา!”เขาเหมือนกับฮู๋เป่า คลานออกมากลัวจนฉี่ราด

  ทุกคนที่มุงดูอยู่ด้านนอก ทนไม่ได้อีกต่อไป พวกเขากรูเข้าไป นำเหิงต๋าล้อมเอาไว้

  เนื่องจาก จากสายตาของพวกเขาที่มองไป เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรเลย

  ถ้าอย่างนั้นแท้ที่จริงแล้วเหิงต๋ามองเห็นอะไร?

  สถานการณ์ของเหิงต๋า ดีกว่าฮู๋เป่าอยู่เล็กน้อย

  ภายใต้การปลอบโยนของทุกคน เขาสงบสติลง มองดูที่ดินที่รกร้างว่างเปล่าผืนนี้ กัดฟันกล่าว: “ผมมองเห็น ว่าที่นี่เป็นสนามรบสมัยโบราณแห่งหนึ่ง!”

  “วิญญาณที่ฝังอยู่ใต้ดินเหล่านั้นฟื้นคืนชีพ ทหารที่ไร้ศีรษะคนหนึ่ง เอาขวานมาจามผม!”

  เมื่อทุกคนได้ยิน ต่างก็กระสับกระส่าย

  จากนั้น เถ้าแก่ที่เหลือเหล่านั้น ทั้งหมดไม่ยินยอม เข้าไปทดสอบทีละคน

  ผลลัพธ์ ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกัน

  เวลาที่นานที่สุด อดทนได้ไม่เกินสองนาที ก็คลานออกมาอย่างร้องครางราวกับผีสางหม่าป่า

  สิ่งที่พวกเขาอธิบาย จากสิ่งที่มองเห็นทั้งหมดภายในหัวสมอง ไม่เหมือนกันโดยสิ้นจริง แต่ว่า ล้วนเป็นสิ่งอัปมงคลที่รุนแรง

  หลิวเต๋อถอนหายใจ กล่าว: “ดูเหมือนว่าฉันคำนวณไม่ผิด ที่ดินผืนนี้ เป็นที่ดินอัปมงคล”

  “เพียงแต่ว่า ต่อให้สถานที่จะอัปมงคลอีกสักเท่าใด ก็จะต้องมีคนควบคุมมัน เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี”

  “หรือว่า พวกคุณทั้งเจ็ดเมืองทางใต้ จะไม่มีคนแบบนี้เลยงั้นหรือ?”

  เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา

  ตอนนี้ คนที่ยังไม่ได้ทดสอบ มีเพียงแค่สามคนเท่านั้น

  คนหนึ่งคือหยางคุน อีกคนหนึ่ง คือฉินเทียน ยังมีอีกคนหนึ่ง ก็คือหม่าจินหยู่

  “พี่ใหญ่ พี่เป็นตัวแทนของวงศ์ตระกูล จะต้องเอาที่ดินผืนนี้มาครอบครองให้ได้”

  “ตอนนี้ รีบไปทดสอบซิ่”

  “จะได้รู้เร็วหน่อยว่าเป็นอัปมงคลหรือเป็นสิริมงคล ก็จะได้วางแผนได้แต่เนิ่นๆ”หม่าจินหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม

  หม่าจินหยู่กัดฟันแน่น กล่าวอย่างโมโห: “งมงาย!”

  “ตามที่ฉันเห็น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำลวงโลกให้ทุกคนงมงาย”

  “ฉันเป็นคนที่สง่าผ่าเผย อาศัยความสามารถเพื่อพยายามให้ได้มา ฉันเชื่อเพียงแค่ผลการแข่งขัน ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้”

  พูดไป ก็ออกไปด้วยความกระฟัดกระเฟียด

  ทันทีที่เขาออกไป ก็เหลือแค่หยางคุนและฉินเทียนแล้ว

  อู๋ลี่กล่าวด้วยความตื่นเต้น: “พี่คุน ตาพี่แล้ว”

  “พี่รีบไปทดสอบดูเสียหน่อย ไม่แน่ว่าคนที่จะปราบที่ดินผืนนี้อยู่ก็คือพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น!”

  เถ้าแก่ที่เหลือนั้น ต่างก็เริ่มยุยง

  หยางคุนลังเลครู่หนึ่ง มองฉินเทียน กล่าว: “คุณฉิน เชิญคุณก่อนเถอะ”

  ฉินเทียนกล่าวอย่างดูแคลน: “ในเมื่อปรมาจารย์หลิวเป็นคนที่คุณชายหยางเชิญมา ยังไงเสียก็เชิญคุณชายหยางก่อนเถอะ”

  “ผมเป็นคนสุดท้าย”

  “ดี!” หยางคุนกัดฟันแน่น ก้าวเท้ายาวมุ่งหน้าไปยังค่ายกลสี่สัตว์เทวะ

  ทุกคนเบิกด้วยตากว้าง ภายในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

  พวกเขาหลายคนต่างก็ล้มเหลว ถ้าหากแม้แต่หยางคุนก็ล้มเหลว เช่นนั้นก็หมายความว่า ที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินอัปมงคลแล้วจริงๆ

  หยางคุนสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อมาถึงตรงกลางค่ายกล ทำความเคารพหลิวเต๋อด้วยความนอบน้อม หลังจากนั้น คุกเข่าทั้งสองข้างลงไป แล้วหลับตาลง

  ปากของหลิวเต๋อสวดมนต์พึมพำ นำกระบี่ไม้ท้อในมือ วางลงไปบนศีรษะของหยางคุนอีกครั้ง