ตอนที่ 225 ไว้ใจไม่ได้

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 225 ไว้ใจไม่ได้

 

“มีอสูรเข้ามาในสนามรบ?”อู๋หมิงเหงื่อตกทันทีที่ได้ยินเรื่องเช่นนั้น ปกติแล้วในสนามรบที่มีแต่เหล่ายอดฝีมือนั้นคงไม่มีอสูรตัวไหนกล้าเข้ามาแน่ๆ แต่เมื่อได้ยินว่าเหล่าอสูรที่เข้ามาในสนามรบทางเหนือและตะวันออกนั้นแข็งแกร่ง มากจนทําเอาการรบบันปวนไปหมดอู๋หมิงก็ได้แต่กังวลว่าจะเกิดอะไรกับกองทัพของตนเองหรือไม่

 

“แล้วความเสียหายล่ะ”อู๋หมิงถามด้วยสีหน้ากังวล พวกมันถอยเข้ามาในเขตที่อู๋หมิงวางเอาไว้แล้ว หลังจากนี้ อู๋หมิงจะต้องตอบโต้เต็มที่เพื่อยื้อกองทัพของพวกอาณาจักรฮัว จง และ ซุย เอาไว้เพื่อซื้อเวลาให้คนของอาณาจักรชูเข้าไปยึดอาณาจักรฮัวให้ได้

 

“ไม่มีขอรับ อสูรที่เข้ามาป่วนโจมตีฝั่งอาณาจักรอื่นเป็นหลักขอรับ ฝั่งที่เสียหายเลยทีแต่พวกอาณาจักรอื่นทั้งนั้นเลยขอรับ” ขุนนางรายงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ราวกับสวรรค์ทรงโปรดไม่มีผิดเพราะกองทัพของอาณาจักรอื่นๆเสียหายอย่างมากจนตอนนี้อาณาจักรอู๋เริ่มได้เปรียบแล้ว ยิ่งช่วงที่ตีเมืองของอาณาจักรฮัวแตกบางทีอาจจะสามารถโต้กลับที่เดียวอาณาจักรฮัวสลายไปเลยก็ได้

 

“อะไรนะ” อู๋หมิงเลิกคิ้วอย่างสงสัย พวกมันโจมตีเพียงแค่ฝั่งเหนือและตะวันออก ในจังหวะที่อู๋หมิงกําลังจะตอบโต้ แถมฝั่งตะวันตกที่อาณาจักรชูกําลังเล่นละครอยู่กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ราวกับเหล่าอสูรพวกนี้ลงมือราวกับรู้แผนของอู๋หมิงก็ไม่ปาน

 

“ช่างเหมาะเจาะยิ่งนัก หากเป็นเช่นนี้ขอเพียงอาณาจักรชูโจมตีเมืองหลวงของอาณาจักรฮัวได้ ความได้เปรียบก็จะเป็นของพวกเรา” ขุนนางคนหนึ่งว่าพลางกําหมัดแน่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโชคจะเข้าข้างเช่นนี้ หลังจากกล้ำกลืนรับความพ่ายแพ้มาหลายเดือน ในที่สุดพวกมันก็จะโต้กลับเสียที

 

“องค์จักรพรรดิ มีรายงานมาจากฝั่งชูขอรับ” คนส่งสารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมอสูรวิหคศรเพลิงที่ขี่อยู่บนไหล่ของมัน

 

“มีอะไร”อู๋หมิงถามอย่างสงสัย หลังจากข่าวดีจากแนวหน้าแล้วยังจะมีข่าวอะไรอีกงั้นเหรอ

 

“อาณาจักรชูส่งมาบอกว่าอาณาจักรฮัวถูกตีแตกแล้วขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นเหล่าขุนนางก็พากันตื่นเต้นดีใจ ช่างเป็นเช้าที่มีแต่ข่าวดีจริงๆ

 

“เกิดอะไรขึ้น ทําไมอาราจักรชูถึงยึดอาราจักรฮัวแล้วล่ะ ข้ายังไม่ได้สั่งเลย”อู๋หมิงเป็นคนเดียวที่แสดงสีหน้างงงวยออกมา ตอนนี้อาณาจักรชูสมควรรั้งกําลังเอาไว้รอบเมืองสิถึงจะถูก

 

“ไม่ใช่ขอรับองค์จักรพรรดิ” คนส่งสารว่าพลางคุกเข่าลงให้เรียบร้อย

 

“ผู้ที่ยึดเมืองไม่ใช่อาณาจักรชูขอรับ แต่เป็นอาณาจักรจง”ได้ยินเช่นนั้นอู๋หมิงก็รับสารที่อสูรวิหคศรเพลิงส่งมาทันที เนื้อความจดหมายเป็นอย่างที่รายงานจริงๆ ดูเหมือนอาณาจักรจงจะอาศัยโอกาสที่พวกมันบุกอาณาจักรอู๋ได้แล้วเข้ายึดอาณาจักรฮัวเอง

 

“ไอ้งูพิษ” ขุนนางคนหนึ่งว่าพลางทุบโต๊ะเสียงดัง ไม่นึกเลยว่าพวกมันจะอาศัยเวลาที่พันธมิตรช่วยตีเมืองศัตรูมาตีเมืองของพันธมิตรเองเช่นนี้

 

“เช่นนี้จะทพอย่างไรดี” ขุนนางว่าพลางกัดฟันกรอด เหล่ายอดฝีมือของอาณจักรจงไม่ได้เข้าร่วมศึกมากมายอะไร เดาว่ายามนี้ยอดฝีมือของอาณาจักรจงคงอยู่ที่เมืองหลวงของอาณาจักรฮัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะให้อาณาจักรชูตีเมืองตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่ไหว เพราะพวกมันก็แบ่งกําลังคนมาแสดงละครไม่น้อย

 

“เช่นนั้น”อู๋หมิงว่าพลางเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง

 

“พวกเราจะข้ามไปที่อาณาจักรจงแทน”อู๋หมิงยิ้มพลางหัวเราะออกมา ท่าทางพวกที่เข้าโจมตีอาณาจักรฮัวจะยังไม่ทราบว่าทัพหน้าโดนอสูรเล่นงานจนสภาพเสียเปรียบไปแล้ว ท่าทางพวกมันจะย่ามใจว่าชนะแน่นอนเลยเข้ามายึดอาณาจักรฮัวก่อนสงครามจะจบกระมัง

 

“แจ้งให้แม่ทัพุกคนทราบ หากมีอาการแตกตื่นในกองทัพของฝั่งศัตรูให้โจมตีเข้าไปทันที เมื่อชนะแล้วให้ทุกฝ่ายรวมกําลังบุกอาณาจักรจง”อูหมิงว่าพลางสั่งให้ขุนนางรายงานไปยังแม่ทัพที่กําลังออกรบอยู่ ยามนี้กลายเป็นว่ากําลังป้องกันของอาณาจักรจงอ่อนแอที่สุด หากฉวยโอกาสนี้เอาไว้ก็จะสามารถยึดอาณาจักรจงได้

 

“ที่เหลือก็ส่งไปให้แม่ทัพของอาณาจักรชูสินะ”อู๋หมิงว่าพลางร่างจดหมายอีกฉบับ คราวนี้มันส่งไปยังเหล่าแม่ทัพของอาณาจักรชูที่อยู่สนามรบทางตะวันออก เวลานี้พวกมันสมควรเลิกแสดงและเข้ามาโอบล้อมทหารของอาณาจักรอื่นๆที่ทางเหนือได้แล้ว

 

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ อาณาจักรจงไว้ใจไม่ได้จริงๆเสียด้วย” ภายในเมืองหลวงของอาณาจักรซุย ที่ห้องแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในวังปรากฏร่างของชายคนหนึ่งนั่งอยู่ภายในสวนราวกับกําลังพักผ่อนหย่อนใจไม่มีผิด

 

“ท่านบรรพบุรุษ จะเอาอย่างไรดีขอรับ” ชายคนหนึ่งในชุดหรูหรากําลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าชายคนนั้นด้วยท่าทีนอบน้อม การเรียกขานมันว่าเป็นท่านบรรพบุรุษนั้นทําให้เห็นได้ชัดเจนว่าพวกมันคือเชื้อสายเดียวกัน

 

“พวกมันกัดกันเองจนเจ็บหนักทั้งสองฝ่ายแล้ว” ชายที่ถูกเรียกว่าบรรพบุรุษว่าพลางยิ้มบางๆ

 

“พอพวกแนวหน้ารู้เรื่องที่เมืองหลวงของอาณาจักรฮัวแตกแล้ว พวกมันต้องปั่นป่วนเป็นแน่ ยามนั้นคนของอาณาจักรอู๋จะสามารถคว้าความได้เปรียบและบุกกลับมาได้” ชายหนุ่มว่าพลางยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ อาณาจักรซุยเป็นอาณาจักรเล็กๆ เรียกได้ว่าเป็นชิ้นเนื้อที่ไม่มีใครสนใจ พวกมันแกล้งทําเป็นตามน้ำไปกับอาณาจักรจง ส่งเหล่าทหารไปรบตามคําขอ แต่หารู้ไม่ว่าพวกมันกําลังซุ่มรออยู่ นั่นเพราะพวกมันไม่จําเป็นต้องใช้กําลังทหารนั่นเอง

 

“เอาล่ะ ไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กันดีกว่า”ชายที่ถูกเรียกว่าบรรพบุรุษว่าพลางเดินออกไปจากห้องอย่างสง่าผ่าเผย ทําเอาองค์จักรพรรดิของอาณาจักรซุยที่คุกเข่าอยู่เบิกตากว้าง

 

“ท่านบรรพบุรุษ ท่านจะไปที่ไหนหรือขอรับ” จักรพรรดิอาณาจักรซุยถามพลางเดินตามมาอย่างรวดเร็ว

 

“แน่นอนว่าต้องเป็นอาณาจักรอื่นะสิ” ชายหนุ่มหัวเราะพลางกระโดดขึ้นไปบนหลังคาก่อนจะออกตัวหายวับไปราวกับสายลมเหลือทิ้งไว้แต่สีหน้าแตกตื่นของจักรพรรดิอาณาจักรซุยที่ทําอะไรไม่ถูก อาณาจักรอู๋ที่ร่วมมือกับอีก 3 อาณาจักรแล้วยังตีไม่แตกเสียที่เนี่ยนะ แต่จะท้วงอะไรท่านก็ไม่ได้เสียด้วยเพราะท่านเป็นอาวุธลับของอาณาจักรซุยนั้นเอง

 

ตูม! ตูม! ร่างของชายหนุ่มอาวุธลับของอาณาจักรซุยกําลังทะยานอยู่บนผืนทะเลพร้อมหลบการโจมตีจากกระสุนน้ำขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว เหตุผลที่ไม่มีใครโจมตีอาณาจักรอู๋ทางทะเลเลยนั่นเพราะที่ทะเลของอาณาจักอู๋นั่น มีเทพคุ้มครองอยู่นั่นเอง

 

“น่ากลัวจริงๆ” ชายหนุ่มว่าพลางสร้างคลื่นน้ำขึ้นมาป้องกันกระสุนนําของอสูรเต่ายักษ์เอาไว้

 

“แกมันน่ารําคาญจริงๆ”อสูรเต่ายักษ์ว่าพลางอัดกระสุนน้ำเข้าไปอีกหลายลูก แต่พอละอองน้ำที่เกิดจากการป้องกันเมื่อครู่หายไป ร่างของชายหนุ่มก็หายไปแล้ว

 

“บ้าเอ้ย หนีไปจนได้” อสูรเต่ายักษ์ว่าพลางสลายกระสุนน้ำของมันลง ข้อเสียของการมีร่างกายใหญ่โตนั้นคือการไล่ตามศัตรูที่ไม่คิดจะสู้นั่นเอง แถมอสูรเต่ายักษ์ยังมีเมืองของเหล่าผู้ฝึกอสูรอยู่บนหลังอีกต่างหากจะให้เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงก็คงไม่ได้

 

“สมแล้วที่เป็นเทพคุ้มครองของอาณาจักร ล้มไม่ได้จริงๆด้วย” ชายหนุ่มว่าพลางเดินขึ้นมาจากชายหาดด้วยร่างกายที่เปียกปอน แต่เพียงพริบตาเดียวน้ำบนเสื้อผ้าของมันก็ไหลลงพื้นไปจนหมดจนเสื้อผ้าแห้งสนิทในพริบตา

 

“ช่างเป็นอาราจักรที่โชคดีจริงๆ ให้ตายเถอะ” ชายหนุ่มหัวเราะพลางมองไปยังทิศทางที่อยู่ของเขตอสูรผาไร้กัน แม้ทางเหนือจะมีศัตรู แต่ทางใต้นั้นไม่มีใครสามารถบุกอาณาจักรอู๋ได้เลย ไม่ว่าจะการฝ่าเต่ายักษ์ที่คุ้มครองทะเลอยู่ แม้ไม่ทราบทําไมมันถึงปกป้องคนของอาณาจักรแต่ต่อให้เป็นยอดฝีมือของอาณจักรต่างๆคงไม่อาจผ่านมาได้แน่ๆ แถมในเขตอสูรผาไร้กันนั้นยังมีอสูรที่น่ากลัวอยู่ถึง 5 ตน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าอีกว่าที่นั่นเป็นที่อยู่ของฝันร้ายสีขาว อสูรที่ทําลายทุกสิ่งที่เดินผ่าน ในสมัยก่อนเส้นทางของมันนั้นเป็นเส้นทางยาวพาดผ่าน 7 ถึง 8 อาราจักรเลยทีเดียว หากไม่อยากตายก็อย่าเข้าไปใกล้มันเด็ดขาด นอกจากนี้ไม่ทราบทําไมอาณาจักรอู๋ถึงมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรที่น่าอิจฉาจริงๆ น่าอิจฉาจนสามารถดึงอาณาจักรอื่นๆมาร่วมโจมตีได้อย่างง่ายดาย

 

“พี่ไป๋ มีอะไรงั้นเหรอ” เหม่ยหลินที่นั่งอยู่บนหลังของหลินหลินถามขณะพวกนางกําลังเดินทางไปที่ยังเมืองของเหล่าผู้ฝึกอสูร เพราะหัวหน้าถังเองก็ร่วมทีมหาสมุนไพรและออกรบด้วย ทําให้หัวหน้าถังไม่สามารถกลับมายังเมืองได้เลย มันจึงฝากไป๋จูเหวินส่งข่าวให้ครอบครัวของมันที่ยังอยู่บนหลังของอสูรเต่ายักษ์เสียหน่อยว่ามันยังปลอดภัยดีและฝ่ายมันก็เริ่มได้เปรียบแล้ว

 

เพียงแต่ระหว่างทาง อยู่ๆไป๋จูเหวินก็ลุกขึ้นยืนพลางใช้ดวงตาสีน้ำเงินและสีม่วงมองมาทางชายหาดด้วยสีหน้าตกใจ แถมมันยังสั่งให้หลินหลินกลายร่างเป็นมนาย์เพื่อหลบอีกต่างหาก

 

“เจ้าเคยรู้จักใครที่อยู่ขั้นสูงกว่าเทียนเซียนไหม”ไป๋จูเหวินถามออกมาทําเอาเหม่ยหลินที่ร่วมทางมาด้วยแสดงสีหน้างุนงงออกมา

 

“มีระดับเหนือกว่าเทียนเซียนด้วยงั้นเหรอ พี่ไป๋ท่านหมายถึงอะไรกันแน่”เหม่ยหลินกลับด้วยท่าทิ้งงๆ

 

“แล้วคนๆนั้นคือใครกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองชายที่ยืนอยู่ตรงชายหาดด้วยความประหลาดใจ มันทราบว่าระดับพลังของอสูรนั้นมีระดับบรรพกาลซึ่งเหนือกว่าระดับเทียนเซียนของมนุษย์ แต่ชายคนนั้นกลับมีพลังเทียบเท่ากับพวกท่านน้าที่อยู่ระดับบรรพกาลเลยทีเดียว