ความโศกเศร้าของตระกูลหวัง

หลังจากที่ได้ยินว่าหวังหมิงอาจจะตายไปแล้ว หวังชูเหรินจึงไปยังที่พักของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเธอไปถึง ที่นั่นมีศิษย์มากถึงยี่สิบกว่าคนรายล้อมบ้านของหวังหมิงพร้อมกับผู้อาวุโสนิกายสองสามคน

 

“ผู้อาวุโสหวัง”

 

เมื่อผู้อาวุโสนิกายสังเกตเห็นหวังชูเหรินปรากฏตัวขึ้น พวกเขาจึงไปต้อนรับเธอ

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์นี้ จึงไม่มีผู้อาวุโสนิกายคนใดมีท่าทางยินดีบนใบหน้าพวกเขา

 

“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าคำร่ำลือเป็นความจริง ที่ว่าญาติของข้าสิ้นชีวิตไปแล้ว และพวกท่านพบเถ้าของเขา” หวังชูเหรินไม่ได้กล่าวอ้อมค้อมและถามไถ่พวกเขา

 

แม้ว่าพวกเขาดูลังเลในตอนแรก แต่ผู้อาวุโสนิกายก็พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นจริง เถ้านั้นพิจารณาแล้วว่าเป็นหวังหมิง ยิ่งไปกว่านั้น เขาถูกเผาจนตายจากเพลิงปรุงยา…”

 

“อะไรกัน เพลิงปรุงยา เป็นไปไม่ได้” หวังชูเหรินมีท่าทางตื่นตระหนก แต่เธอยิ่งประหลาดใจกับเรื่องของเพลิงปรุงยามากกว่าการตายของหวังหมิง ในเมื่อนั่นต้องมีเพลิงปรุงยาที่ทรงพลังมากมายจึงจะเผาไหม้ใครสักคนจนตายได้ อย่าว่าแต่เผาจนกลายเป็นเถ้า

 

“ทั่วทั้งนิกายนี้ มีเพียงคนเดียวที่สามารถที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้ ผู้นำนิกาย อย่างไรก็ตามทำไมผู้นำนิกายจึงต้องฆ่าใครสักคนอย่างลับๆ ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์อย่างเช่นหวังหมิง”

 

หลังจากครุ่นคิดไปมากกว่านั้น ผู้อื่นที่อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ปรากฏขึ้นในใจเธอ แต่ว่าถ้าหากเป็นคนคนนั้นจริง นั่นก็ไม่มีสิ่งใดที่เธอหรือนิกายจะสามารถแก้แค้นให้หวังหมิงได้

 

“ท่านคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ผู้อาวุโสหวัง และถ้าเป็นไปได้ ข้าต้องการให้ท่านในฐานะคนจากตระกูลหวัง เปิดเผยให้ครอบครัวของเขารู้ถึงการตายของเขา…” หนึ่งในผู้อาวุโสนิกายถามเธอ ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการเป็นคนที่ต้องแบกรับความโกรธเกรี้ยวของตระกูลหวัง

 

“ข้าจักให้ตระกูลหวังรู้เรื่องหวังหมิง ส่วนการตายของเขา บอกผู้นำนิกายว่าตระกูลหวังจะจัดการสอบสวนเช่นกัน” หวังชูเหรินกล่าวหลังจากครุ่นคิดไปชั่วขณะ

 

“ข้าจักบอกให้ผู้นำนิกายรับรู้เดี๋ยวนี้”

 

ก่อนที่ผู้อาวุโสนิกายจะจากไป พวกเขาไล่เหล่าศิษย์ขี้สงสัยที่ล้อมรอบที่พักของหวังหมิงไป ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการให้เหล่าศิษย์ดูไม่เคารพต่อคนตาย

 

ครั้นเมื่อผู้อาวุโสนิกายจากไปแล้ว หวังชูเหรินก็ออกจากนิกายดอกบัวเพลิงกลับไปยังตระกูลหวัง

 

“ท่านว่ากระไรนะ หวังหมิงตายแล้วรึ และเขาก็ตายในนิกายดอกบัวเพลิงด้วยเช่นนั้นรึ” ผู้นำตระกูลหวัง หวังเฉินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินข่าว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรนอกจากความไม่พอใจหลังจากที่รู้ว่าหวังหมิงมีพฤติกรรมที่น่าอับอาย อย่างไรก็ตามหวังหมิงก็เป็นลูกชายของเขา และเมื่อได้ยินว่าลูกชายของเขาตายหลังจากตระกูลหวังได้ลงโทษเขา หวังเฉินรู้สึกผิดและเสียใจเล็กน้อย

 

“ลูกชายข้าตายแล้วรึ…” มารดาของหวังหมิงน้ำตาไหลทันที รู้สึกเสียใจยิ่งกว่าขณะที่เธอรู้ว่าลูกชายของเธอกลายเป็นโจรราคะ สุดท้าย ไม่ว่าหวังหมิงจะสร้างปัญหามากน้อยเพียงใด อย่างน้อยเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่

 

“ท่านมีความคิดว่าใครเป็นคนฆ่าหรือไม่ หรือว่าเป็นเพื่อนศิษย์” หวังเฉินถามเธอด้วยเสียงปกติแม้ว่าจะเดือดด้วยความแค้น

 

“อะไรเป็นสาเหตุของการตาย เป็นผลมาจากข้อพิพาทใดหรือไม่” เขาถามต่อ

 

“เรามิมีเบาะแสใดว่าใครเป็นคนฆ่าหวังหมิง แต่เขาตายหลังจากที่ถูกเผา…” สุดท้ายหวังชูเหรินก็เปิดเผยให้พวกเขารู้ถึงการตายอันน่าสยดสยองของเขา “เมื่อพวกเราพบหวังหมิง เขาก็กลายเป็นเถ้าไปแล้ว…”

 

เมื่อมารดาหวังหมิงได้ยินเช่นนี้ เธอเป็นลมไปอยู่บนที่นั่งของเธอ เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายภายในห้อง

 

“ใครก็ได้พาภรรยาข้ากลับห้องเธอเพื่อพักผ่อน” หวังเฉินร่ำร้องเรียกคนรับใช้ที่อยู่ด้านนอก

 

คนรับใช้รีบเข้ามาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา และพวกเขาพากันย้ายร่างไร้สติของมารดาไปยังห้องของเธออย่างนุ่มนวล

 

“ข้ามิอยากเชื่อ..ทำไมเขาจึงตายไปแบบนั้น อีกทั้งในนิกายของเขาเองด้วยเช่นกัน” หวังเฉินส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ

 

“ท่านมิมีผู้ต้องสงสัยในใจสักคนเลยรี แล้วพวกผู้หญิงทั้หมดนั้นที่เขาได้ล่วงเกิน ท่านคิดว่าใครในกลุ่มนั้นที่สามารถทำเช่นนั้น หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเขา”

 

หวังชูเหรินส่ายหน้าและกล่าวว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้เพราะว่าไฟที่ใช้ฆ่าหวังหมิงเป็นเพลิงปรุงยา ดังนั้นนั่นต้องเป็นการกระทำของนักปรุงยา ไม่ใช่คนธรรมดาเหล่านั้น”

 

“เพลิงปรุงยารึ เช่นนั้นคนนั้นต้องมีอำนาจมากมาย…แต่ทำไมคนเช่นนั้นจึงฆ่าหวังหมิง บางทีหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายอาจจะมีอำนาจหนุนหลัง ไม่ นั่นไม่สมเหตุผล ในเมื่อเธอคงจะไม่กลายเป็นเหยื่อของเขาตั้งแต่แรกถ้าเธอมีคนเช่นนั้นหนุนหลังอยู่แล้ว…”

 

หวังชูเหรินนิ่งเงียบขณะที่หวังเฉินครุ่นคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ ไม่แม้จะพูดถึงซูหยางผู้ที่เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคนฆ่าหวังหมิง ในเมื่อมีหลักฐานมากมายบ่งชี้ว่าเป็นเขา

 

ไม่เพียงแต่ซูหยางตรงกับตัวตนของผู้ฆ่าที่เป็นนักปรุงยาทรงอำนาจ แต่เขายังเป็นคนแรกที่เปิดเผยพฤติกรรมของหวังหมิงที่นิกายดอกบัวเพลิง อีกทั้งยังบังคับเธอให้จัดการกับเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้นซูหยางได้จากหวังชูเหรินไปในช่วงเวลาที่หวังหมิงตาย และเขายังปกปิดเกี่ยวกับสถานที่อยู่ของเขายามเมื่อหวังชูเหรินถามเขา

 

ข้อบ่งชี้ทั้งหมดนี้ทำให้หวังชูเหรินมั่นใจว่าซูหยางเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของหวังหมิง แต่อนิจจา ถึงแม้ว่าเธอมีข้อมูลเช่นนั้น ก็ไม่มีสิ่งใดที่เธอสามารถทำได้ในเรื่องนี้ ในเมื่อเธอไม่กล้าแม้จะถามเขา อย่าว่าแต่ให้เขารับผิดชอบการตายของหวังหมิง

 

“ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไรก็ตาม หวังหมิงได้แต่โทษตนเองที่ไปล่วงเกินคนแบบซูหยาง ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นญาติข้า ข้ามิอาจล่วงเกินเขาเพื่อคนเช่นเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทุกสิ่งที่เจ้าได้ทำไว้…” หวังชูเหรินแอบยักไหล่และส่ายหน้า