ในตอนค่ำหลินจือเดินทางเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลแม็กซิมัส老宅พร้อมจอร์แดนกับลูน่า ตระกูลแม็กซิมัสมั่งคั่งและมีลูกหลานมากมาย งานเลี้ยงก็ยิ่งใหญ่มาก
เป็นอย่างที่จอร์แดนบอกเอาไว้ เขาได้บอกกับทุกคนไปแล้วถึงการมีตัวตนของเธอ ดังนั้นทุกคนก็จึงเป็นมิตรกับหลินจือมาก ความประหม่าของหลินจือก็คลายลงไปได้มาก
ที่เธอไม่รู้ก็คือ จอร์แดนได้บอกเล่าประวัติชีวิตจริงๆของเธอกับทุกคน และทุกคนต่างก็ดีใจกับจอร์แดน อีกทั้งยังรู้สึกผิดและเจ็บปวดใจที่ปล่อยให้หลินจือระหกระเหินพลัดถิ่นมานานหลายปี
โดยเฉพาะนายหญิงใหญ่ตระกูลแม็กซิมัส จับมือหลินจือแล้วร้องไห้ แม้หลินจือจะไม่เข้าใจว่าทำไมคนของตระกูลแม็กซิมัสถึงมีอารมณ์อ่อนไหวเมื่อเจอเธอ แต่เธอก็ถือว่าความตื่นเต้นดีใจต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีงามระหว่างกัน
นายหญิงใหญ่ตระกูลแม็กซิมัสถึงขนาดจะมอบชุดเครื่องประดับหยกมรกตให้เธอด้วย ซึ่งมีตั้งแต่ต่างหูสร้อยคอแหวนและกำไลข้อมือ ครบชุด
ทันทีที่หลินจือเห็นสีของมรกตก็รู้ว่ามันต้องมีราคาอย่างมาก เธอจะกล้ารับมันไว้ได้ยังไง
แต่老太太และทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็บอกเธอให้รับมันไว้ ภายใต้การยากที่จะปฏิเสธหลินจือก็จึงรับไว้ เธอคิดว่ากลับไปค่อยไปเก็บมันไว้ที่บ้านของจอร์แดนกับลูน่าน่าจะได้ ให้พวกเขาเก็บรักษามันไว้ให้เธอ
จอร์แดนกับลูน่าก็ได้เตรียมของขวัญให้เธอเหมือนกัน คือบ้านหลังหนึ่งที่เมืองเจสเวิร์ด แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องไปเช่าห้องอยู่อีก
หลินจือตกใจจนพูดไม่ออก ลูน่าพูดอย่างอ่อนโยนกับเธอว่า“ ผู้หญิงคนเดียวอยู่ลำพังที่เมืองเจสเวิร์ด มีบ้านสักหลัง ถึงจะมีความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและรู้สึกมั่นคงปลอดภัย”
จอร์แดนพูดต่อขึ้นว่า“เราได้ยินมาว่าเพื่อนสนิทของหนูนานิก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นก็เลยซื้อให้หนูด้วยหลังหนึ่ง แบบนี้หนูกับเธอจะได้อยู่ใกล้กันด้วย ทั้งสองคนจะได้ดูแลซึ่งกันและกันได้”
ดวงตาของหลินจือแดงก่ำขึ้นมาทันที ความเอาใจใส่ของจอร์แดนกับลูน่าทำเธออดที่จะตื้นตันไม่ได้
เธอไม่ได้อยากที่จะมีบ้านอะไรสักเท่าไร แต่พวกเขากลับคิดเผื่อเธอให้เธอได้อยู่ใกล้กับเพื่อนรักของเธอ มันสะกิดไปโดนจิตใจในส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของเธอเข้าอย่างจัง
เมื่อก่อนพ่อแม่ของชาร์ลีนั่นก็คือปู่กับย่าของเธอ พวกเขาก็ไม่ได้ดีกับเธอเลยสักเท่าไร
เดิมทีพวกเขาไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ เพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงก็จึงรังเกียจเธอมาก ภายหลังมารู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ความเกลียดชังและต่อต้านก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
รวมไปถึงเทศกาลตรุษจีนก็ห้ามเธอไปที่บ้านเพื่ออวยพรอย่างเด็ดขาด เธอที่ยังเด็กใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร โดยเฉพาะทุกครั้งที่เรียวจิกลับมาก็จะเอาอั่งเปาที่ได้ และขนมขบเคี้ยวมากมายมาอวดเธอ
เธอยังเคยแอบไปร้องไห้อยู่หลายครั้ง และก็เคยถามแม่เลี้ยงเธออย่างตัดพ้อ ว่าทำไมปู่กับย่าถึงไม่ชอบเธอ คำถามแบบนี้เธอจะได้คำตอบว่ายังไง ท้ายที่สุดแม่เลี้ยงก็ทำได้แค่กอดปลอบเธอแล้วร้องไห้ตาม
แต่ในตอนนี้ เมื่อต้องมาเจอะเจอกับความรักและความเมตตาของทุกคนในตระกูลแม็กซิมัส หลินจือรู้สึกว่าความทุกข์ที่ผ่านมานั้นได้รับการเยียวยาแล้ว
นายหญิงใหญ่ตระกูลแม็กซิมัสกอดเธอที่ดวงตาแดงก่ำเข้าสู่อ้อมกอด พูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “เด็กดี ลำบากมามากแล้ว วางใจเถอะนะ ต่อไปจะมีแต่สิ่งดีๆ”
คำพูดนี่ของนายหญิงใหญ่ไม่ได้พูดเกินจริงเลย เพราะทั้งครอบครัวของตระกูลแม็กซิมัสแทบจะยกโลกทั้งใบให้กับเธอเลย
จอร์แดนเป็นลูกคนเล็กของนายหญิงใหญ่ ดังนั้นในรุ่นหลานหลินจือจึงเป็นน้องน้อยที่สุด พี่น้องคนอื่นๆต่างพากันให้ของขวัญกับเธอมากมาย เช่นกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดหรือเครื่องประดับจากนักออกแบบชื่อดัง หลินจือรับของขวัญจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด
เธอเองก็ทำตัวไม่ถูกที่ไม่ได้มีของขวัญมาให้ทุกคนด้วย หนึ่งในพี่สาวคนหนึ่งที่ทำธุรกิจด้านแบรนด์แฟชั่นยิ้มและพูดกับเธอว่า“การมาของเธอคือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเรา”
พี่สาวคนนี้ยื่นการ์ดมาให้เธอใบหนึ่ง “การ์ดใบนี้พี่ให้ ต่อไปเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอพี่จะดูแลรับผิดชอบให้เอง ”
หลินจือมองไปยังโลโก้บนการ์ด อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ นี่มันแบรนด์ที่นานิเพิ่งจะรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์นี่นา วันก่อนนานิเพิ่งไปถ่ายโฆษณาให้กับแบรนด์นี้มา ไม่คิดว่าจะเป็นธุรกิจของคนตระกูลแม็กซิมัส
พี่สาวคนนี้ราวกับจะอ่านความคิดของหลินจือออก พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า“ ใช่ มันเป็นแบรนด์เดียวกับที่เพื่อนรักของเราเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์”
“ช่างบังเอิญจริงๆ” หลินจือรับการ์ดนั้นมาด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณค่ะ”
หลินจือก็ไม่รู้จะพูดอะไร แม้จะรู้สึกว่าเสื้อผ้าหรูหราพวกนี้ในชีวิตประจำวันของเธอคงไม่มีโอกาสได้สวมใส่ แต่ความปรารถนาดีของพี่สาวคนนี้เธอคงต้องรับมันไว้
งานเลี้ยงสนุกสนานกันจนดึก หลินจือที่กลับมาถึงโรงแรมได้ก็มีความสุขมากจนแทบสลบ
ชีวิตแบบนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยนึกฝันมาก่อน คืนนี้นายหญิงใหญ่ตระกูลแม็กซิมัสยังได้พูดด้วยว่าเรื่องที่จอร์แดนจะรับเธอเป็นลูกบุญธรรมนั้นจะประกาศต่อสาธารณชน หลินจือคิดๆดูแล้วยังไม่ต้องเปิดเผยออกไปจะดีกว่า
เธอไม่ชินกับการต้องถูกจับตามอง เธออยากจะเขียนบทอย่างเงียบๆมากกว่า และนายหญิงใหญ่ตระกูลแม็กซิมัสก็เคารพการตัดสินใจของเธอ
หลินจืออยู่ที่เปกก้าเป็นเวลาสามวัน ยิ่งอยู่เธอก็ยิ่งไม่อยากจะจากไป นายหญิงใหญ่ตระกูลแม็กซิมัสกับจอร์แดนและลูน่าพวกเขาก็ไม่อยากให้เธอไปด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ว่า เธอมีความสุขจนลืมบ้านช่อง และบางคนก็ร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว
วันนั้นหลินจือได้รับโทรศัพท์จากควีน ควีนพูดคุยกับเธอเรื่องทั่วไปเพียงสั้นๆ จากนั้นก็พูดว่า“ส่วนเรื่องโปรเจค “The Legend of Concubine Rong ” ประธานเทาเท่คิดว่าบทละครของคุณคงมีความคืบหน้าไปมากแล้ว อยากจะนัดประชุมหารือถึงแนวทางความคืบหน้าต่อไป ประธานเจเทาวน์ในฐานะผู้กำกับเข้าร่วมด้วยไม่ได้ แต่เขาสามารถประชุมผ่านวิดีโอคอลได้ แต่คุณในฐานะผู้เขียนบท ต้องมาประชุมด้วยตนเองหรือเปล่า ?”
หลินจือไม่ได้คิดมาก คิดเพียงคำพูดของควีนนั้นมีเหตุมีผล
เจเทาวน์คงไปร่วมด้วยไม่ได้ ก็คงต้องเป็นเธอที่ต้องรีบกลับไปเพื่อร่วมประชุม
ดังนั้นเธอก็จึงตอบตกลงทันที“ได้ กำหนดการประชุมเมื่อไร ฉันจะจองตั๋วทันที”
ควีนแจ้งไปตามหน้าที่“พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า ห้องประชุมของฟอเรนากรุ๊ป”
หลินจือรับคำ“โอเค”
หลังจากที่วางสายหลินจือก็จองตั๋วทันที จากนั้นก็บอกกับจอร์แดนว่าเธอจะกลับแล้ว จอร์แดนอาลัยอาวรณ์มาก แต่เขาก็รู้ ว่าจะให้หลินจืออยู่ที่เมืองเวลฟ์ตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้
แม้ทุกคนในตระกูลแม็กซิมัสอยากให้เธอมาใช้ชีวิตอยู่ที่เปกก้า แต่ในระยะเวลาอันสั้นนี้คงเป็นไปได้ยาก
จอร์แดนไปส่งหลินจือที่สนามบิน ก่อนออกเดินทางจอร์แดนยังได้กำชับกับหลินจือ“กลับไปแล้วก็อยู่ให้ห่างกับเทาเท่”
หลินจือยิ้มและพูดปลอบเขา “วางใจได้ค่ะ”
หากเทาเท่ไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอ เธอไม่มีทางไปข้องแวะอะไรกับเทาเท่อย่างเด็ดขาด เธอแทบอยากจะอยู่ให้ห่างกับเทาเท่ให้มากที่สุด
แต่แล้วสิ่งที่วางแผนไว้ก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอด หลินจือไม่คิดว่า คืนที่เธอขึ้นเครื่องมาเมืองเจสเวิร์ด ก็เกิดเรื่องขึ้นกับเทาเท่จนต้องเข้าโรงพยาบาล
ไม่มีเหตุผลอื่น เทาเท่ไปบ้านเธอในตอนค่ำ บอกว่าอยากไปดูเจ้าเล็ก
บังเอิญกับเจ้าเล็กก็ออกมาจากใต้โซฟา เขายกมือขึ้นไปจับเจ้าเล็ก และเพราะเจ้าเล็กตกใจก็จึงข่วนไปที่มือของเทาเท่……
เมื่อหลินจือเห็นหลังมือของเขามีเลือดออก ก็ตื่นตกใจอย่างมาก เพราะเจ้าเล็กยังไม่ได้ไปฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า
จากโรงพยาบาลสัตว์ที่เทาเท่ไปซื้อเจ้าเล็กมาบอกว่า เจ้าเล็กเพิ่งฉีดวัคซีนครบแล้วทุกตัว ต้องรอสักพักถึงจะไปฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าได้
“ไปโรงพยาบาลเร็ว”หลินจือดึงเทาเท่ขึ้นในทันที
เทาเท่ไม่ได้สนใจ“ แผลแค่นี้จะไปโรงพยาบาลทำไม?”
น้ำเสียงของหลินจือจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกให้ไปก็ไป เจ้าเล็กไม่ได้ฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ปล่อยไว้แบบนี้มันอันตราย”
เทาเท่เม้มริมฝีปาก จากนั้นก็ออกไปกับเธอ