ถังซีรู้สึกสดชื่นหลังเลิกเรียนช่วงเช้า เธอพบว่าเธอรู้สึกมีพลังเมื่อรายล้อมไปด้วยเด็กๆ เหล่านี้ แม้พวกเขาจะมีท่าทางสนใจเหมือนแอบชอบเธอ และมีการทะเลาะวิวาทกันเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไร้เดียงสาและเธอไม่ถือแต่อย่างใด
ทันใดนั้นเด็กชายคนหนึ่งที่เพิ่งก้าวออกจากห้องเรียนก็หันหลังกลับมา และตะโกนบอกถังซี “เซียวโหรว แม่เธอเอาอาหารกลางวันมาให้แน่ะ!”
ถังซีมองไปที่ประตูห้องเรียน เห็นหยางจิ้งเสียนเดินหิ้วกล่องอาหารกลางวันเก็บความร้อนเข้ามา ดวงตาถังซีเป็นประกายสดใสขึ้นทันที เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหยางจิ้งเสียน ท่ามกลางสายอิจฉาของเพื่อนร่วมชั้น เธอถามว่า “คุณแม่ ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะคะ”
“แม่เอาซุปที่แม่ทำมาให้หนูไงจ๊ะ หนูเพิ่งฟื้นจากอาการป่วย ทานอาหารกลางวันทั่วไปในโรงเรียนไม่ได้หรอก เราไปที่ห้องกรรมการโรงเรียนกันเถอะ พี่จิ่งมีห้องทำงานอยู่ที่นี่ หนูไปทานอาหารกลางวันที่นั่นได้” เธอเดินออกไปพร้อมกับมือหนึ่งหิ้วกล่องอาหารกลางวันเก็บความร้อน อีกมือหนึ่งจูงมือถังซี
ถังซีเดินไปที่ห้องกรรมการโรงเรียน ภายใต้สายตาอิจฉาของนักเรียนคนอื่นๆ
นักเรียนในโรงเรียนนี้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือมีอำนาจทั้งนั้น แม้ทุกคนจะมีชีวิตที่ดี แต่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยู่บ้านทบทวนบทเรียน สอนการบ้านให้ลูกๆ หรือทำอาหารกลางวันมาส่งให้ลูกๆ ที่โรงเรียนด้วยตัวเอง
ถังซีสัมผัสได้ถึงสายตาอิจฉาของเพื่อนร่วมชั้นเรียน ระหว่างทางเธอกระซิบกับหยางจิ้งเสียนด้วยความเขินอายเล็กน้อย “คุณแม่คะ คุณแม่ไม่ต้องเอาอาหารกลางวันมาส่งให้หนูก็ได้ค่ะ อาหารกลางวันที่โรงเรียนเราจัดเตรียมไว้ก็มีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอนะคะ คุณแม่จะลำบากเกินไปถ้าต้องเอาอาหารมาส่งให้หนูแบบนี้”
หยางจิ้งเสียนแตะปลายจมูกถังซีอย่างรักใคร่และตอบว่า “ไม่ยุ่งยากลำบากอะไรเลยสำหรับแม่ การนำอาหารกลางวันมาให้ลูก เป็นสิ่งที่ทำให้แม่มีความสุขที่สุดในทุกสิ่งที่แม่เคยทำมา แม่อยากนำอาหารกลางวันมาให้พี่ๆ ของลูก แต่พวกเขาไม่ชอบให้แม่ทำอย่างนั้น แม่รู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ลูกไม่อยากให้แม่มาหาลูกเหรอจ๊ะ โหรวโหรว”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูอยากให้คุณแม่มาหาหนูค่ะ คุณแม่คะ…”
“เซียวโหรว…” เด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งมาหา และชี้ไปที่ประตูทางเข้าโรงเรียน พร้อมกับตะโกนบอกเธอ “ผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นแม่ของเธอเอาอาหารกลางวันมาให้เธอ ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ประตูโรงเรียน…” เธอมองหน้าหยางจิ้งเสียน ยิ้มเจื่อนๆ แล้วกล่าวต่อไปจนจบ “เอ้อ… หนูอาจเข้าใจผิดไปค่ะ”
ถังซีมองหยางจิ้งเสียนซึ่งยิ้มตอบพร้อมกับกล่าวเบาๆ “อาจเป็นแม่แท้ๆ ของหนู ให้เธอเข้ามาเถอะ เธอคงนำอาหารกลางวันมาให้หนูเหมือนกัน จะเสียมารยาทนะจ๊ะ ถ้าบอกให้เธอนำกลับไป” จากนั้นเธอก็หยุด ก่อนจะกล่าวต่อไป “เธอไม่เคยนำอาหารกลางวันมาให้ผู้หญิงคนนั้นมาก่อนเลย”
ถังซีนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองหน้าหยางจิ้งเสียนแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเราไปหาเธอกันค่ะ”
ที่ประตูโรงเรียน เมื่อหลินหรูเห็นหยางจิ้งเสียน ความประหลาดใจก็แวบเข้ามาในดวงตา เธอยิ้มให้ หยางจิ้งเสียน ก่อนจะหันไปมองถังซี ยิ้มออกมาอย่างเคอะเขินนิดๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงปิติยินดี “โหรวโหรว นี่เป็นซุปไก่ใส่ตังกุยจ้ะ แม่ทำให้หนู แม่ตั้งใจเอาไปให้ที่บ้าน แต่ไม่เจอหนู เลยลองมาที่นี่ดู” เธอหันไปหาหยางจิ้งเสียน แล้วมองไปที่กล่องอาหารกลางวันในมือหยางจิ้งเสียน “ฉันไม่คิดว่าเธอก็จะมาที่นี่เหมือนกัน”
หยางจิ้งเสียนยิ้มแล้วกล่าวว่า “โหรวโหรวร่างกายยังอ่อนแอ แต่ยืนกรานว่าจะมาเรียน ฉันก็เลยเอาอาหารกลางวันมาให้” จากนั้นเธอก็กล่าวเสริม “ฉันทำซุปซี่โครงวัวกับอาหารทอดสองสามอย่างมา ไม่ได้ทำซุปไก่ใส่ตังกุย เราไปที่ห้องกรรมการโรงเรียนกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าหยางจิ้งเสียนอยู่ที่นี่แล้ว หลินหรูจึงคิดว่าเธอน่าจะกลับไปหลังจากส่งซุปที่เธอทำให้เซียวโหรว แต่เมื่อได้ยินหยางจิ้งเสียนขอให้เธอไปทานอาหารกลางวันกับเซียวโหรว นัยน์ตาเธอก็สดใสขึ้นทันที เธอรีบพยักหน้าแล้วตอบว่า “ตกลง ฉันว่างบ่ายวันนี้”
ถังซีมองหน้าหลินหรูและเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แม้ถังซีจะปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพมาสักพักแล้ว แต่หลินหรูก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ เมื่อได้ยินถังซีกล่าวขอบคุณเธอ ดวงตาเธอแดงเรื่อขณะพยักหน้ารับและกล่าวว่า “เด็กดี นี่คือสิ่งที่แม่ควรทำให้หนู”
หยางจิ้งเสียนมองหน้าหลินหรู ถังซียิ้มอย่างเคอะเขินขณะเดินไปข้างๆ หยางจิ้งเสียน
เธอไม่ใช่เซียวโหรวตัวจริง จึงไม่รู้ว่าเซียวโหรวตัวจริงจะทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ เธอคือถังซี และได้ใกล้ชิดกับหยางจิ้งเสียนมาตั้งแต่ต้น เธอจึงไม่รู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรดี
เมื่อทั้งสามมาถึงห้องทำงานกรรมการของเซียวจิ่ง หลินหรูก็เริ่มหาหัวข้อสนทนา “เซียวจิ่งเป็นเด็กหนุ่มที่เก่งจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุป แต่ยังเป็นกรรมการบริหารโรงเรียนมัธยมตี้อีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะแบบนี้เราจึงไม่ต้องเป็นห่วงโหรวโหรว ที่เธอมาเรียนที่โรงเรียนนี้”
หยางจิ้งเสียนหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “โหรวโหรวเข้าเรียนที่นี่ได้ เพราะความสามารถของเธอเองจ้ะ”
ทั้งสองจัดอาหารให้ถังซีไปพลางขณะพูดคุยกัน พวกเธอจัดวางชามซุปและอาหารอื่นๆ อีกหลายจาน ซึ่งมีทั้งหมดแปดหรือเก้าจาน ถังซีมองดูอาหารบนโต๊ะ แล้วหันไปมองคุณแม่ทั้งสองที่นั่งอยู่ที่โซฟา เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนูทานคนเดียวไม่หมดหรอกค่ะ ทำไมคุณแม่ไม่มาทานกับหนูล่ะคะ”
หลินหรูชะงัก …เธอจะได้ทานอาหารกับโหรวโหรวหรือ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ทานอาหารกับลูกสาว
โอ… ทำไมจู่ๆ เธอถึงรู้สึกอยากร้องไห้ออกมา
หยางจิ้งเสียนมองดูจานอาหารบนโต๊ะแล้วยิ้ม พยักหน้าเห็นด้วย “ตกลงจ้ะ”
หยางจิ้งเสียนหยิบช้อนส้อมและตะเกียบที่เธอนำมาขึ้นมา หลินหรูก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน ถังซีฉีกถุงเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่หยางจิ้งเสียนนำมา ส่งตะเกียบให้คุณแม่ และตัวเธอเองใช้ช้อนส้อม จากนั้นหญิงสาวก็เห็นหลินหรูฉีกซองตะเกียบของตนเอง ถังซียิ้มแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะค่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”
ถังซีแบ่งอาหารของเธอออกเป็นสองส่วน ตักส่วนหนึ่งให้หยางจิ้งเสียน ขณะที่หลินหรูตักอาหารในกล่องของตนให้ถังซี ถังซีมองหน้าหลินหรูแล้วขอบคุณ ก่อนจะเริ่มรับประทานกัน
ในการทานอาหารมื้อนี้กับคุณแม่ทั้งสอง ถังซีรู้สึกเขินเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจในเวลาเดียวกัน ทุกครั้งที่หยางจิ้งเสียนคีบอาหารทาน เธอจะใช้ตะเกียบของเธอคีบให้ถังซีด้วย เพราะกลัวว่าถังซีจะตักด้วยช้อนไม่สะดวก ขณะที่หลินหรูน้ำตาไหลรินเมื่อคีบหารเข้าปาก เป็นความรู้สึกอบอุ่นหัวใจเหลือเกินที่ได้ทานอาหารกับลูกสาว เธอสะอื้นเมื่อหยางจิ้งเสียนคีบตับหมูชิ้นหนึ่งวางลงในกล่องของเธอ และกระซิบว่า “นี่เป็นเวลาที่มีความสุขนะอาหรู อย่าร้องไห้สิ โหรวโหรวกำลังมองเธออยู่”
หลินหรูยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขอโทษถังซี ถังซียิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่เอาอาหารกลางวันมาให้หนู แต่พรุ่งนี้ได้โปรดอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ”
“ไม่ หนูยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และไม่ดีต่อสุขภาพที่จะทานอาหารจานด่วนที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้ให้” คุณแม่ทั้งสองกล่าวเกือบจะพร้อมกัน
ทั้งสองชะงัก มองหน้ากันและกัน เมื่อมาถึงจุดนี้หยางจิ้งเสียนก็รู้สึกว่า พี่สะใภ้ของเธอไม่ได้น่ารำคาญเหมือนเมื่อก่อนนี้เลย
และหลินรูก็รู้สึกว่าน้องสะใภ้ของเธอไม่ได้เย่อหยิ่งอย่างที่เธอคิด ในความเป็นจริงหยางจิ้งเสียนค่อนข้างเข้ากับคนง่ายด้วยซ้ำ
ถังซียิ้ม “ตกลงค่ะ คุณแม่นำอาหารกลางวันมาให้หนูก็ได้ค่ะ ถ้าอยากมา”