ตอนที่ 1513 ปลาติดเบ็ดแล้ว (3)
จวินอู๋เสียเปิดเผยเบาะแส 3 อย่างให้กับสิบสองวิหาร
หนึ่ง การเสริมวิญญาณเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเผ่าจ้าววิญญาณ
สอง เผ่าจ้าววิญญาณไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกและยากจะค้นหา
สาม นางไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆในเผ่า
สามจุดนี้เพียงพอที่จะทำให้สิบสองวิหารเข้าใจว่าจวินอู๋เสียเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้วิชาเสริมวิญญาณได้ ก่อนที่สิบสองวิหารจะพบคนอื่นๆจากเผ่าจ้าววิญญาณ พวกเขาจะพึ่งได้แค่จวินอู๋เสียเพื่อจะได้รับพลังจากวิชาเสริมวิญญาณ
และทั้งสามอย่างนี้ล้วนเป็นคำโกหกที่จวินอู๋เสียสร้างขึ้น
เพื่อที่จะทำให้สิบสองวิหารไม่อยากทำร้ายนางเพราะกลัวว่าจะสูญเสียพลังนั้นไป
นางไม่กลัวว่าคำโกหกของนางจะถูกเปิดโปง นอกจากตัวนางเองแล้ว ไม่มีใครรู้วิธีใช้การเสริมวิญญาณอีก นั่นคือเบี้ยต่อรองที่ใหญ่ที่สุดของนางที่จะใช้กับพวกเขา!
ชายคล้ายสุนัขจิ้งจอกมองจวินอู๋เสียอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กหนุ่มเลือดร้อนจริงๆ ดีแล้วที่เจ้าคิดเช่นนี้ โลกเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ ความทะเยอะทะยานของผู้ยิ่งใหญ่ก็มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง การเสริมวิญญาณของเผ่าจ้าววิญญาณนี้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก การครอบครองมันจะทำให้เจ้าได้ผลตอบแทนที่ดีอย่างแน่นอน เจ้าตัดสินใจถูกต้องแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าจะได้รับรางวัลที่ดีขึ้นไปอีกจากงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งนี้”
จวินอู๋เสียมองเขาโดยไม่พูดอะไร
“สายแล้ว เจ้าควรกลับไปพักผ่อนซะ ข้ารอคอยการแสดงของเจ้าในวันข้างหน้าในงานชุมนุมเทพยุทธ์นี้นะ หวังว่าเจ้าจะแสดงความสามารถที่น่าทึ่งกว่านี้ให้เราได้ชม” ชายคล้ายสุนัขจิ้งจอกพูดยิ้มๆ
จวินอู๋เสียมองชายคล้ายสุนัขจิ้งจอกและถามว่า “เจ้ามาจากวิหารไหนหรือ?”
ชายคล้ายสุนัขจิ้งจอกชะงักไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดว่าจวินอู๋เสียจะไม่รู้จริงๆว่าเขามาจากไหน เขาก้มหน้ามองตราหมาป่าสีเงินที่หน้าอกของเขา “เจ้าไม่รู้จักตรานี้หรือ?”
จวินอู๋เสียส่ายหน้า
ชายคล้ายสุนัขจิ้งจอกหัวเราะออกมาดังๆ “เอาล่ะ ข้าเชื่อแล้วว่าเผ่าจ้าววิญญาณเป็นเผ่าที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกจริงๆ ข้าไม่ใช่คนของสิบสองวิหารหรอก ข้าชื่อซูจิ่งเหยียน”
[ไม่ใช่คนของสิบสองวิหาร?]
[หรือว่า……เป็นคนของเก้าอาราม?]
ในที่สุดจวินอู๋เสียก็เข้าใจว่าทำไมคนจำนวนมากจากสิบสองวิหารที่ตามหลังนางมาจึงไม่แสดงตัวออกมา
สิบสองวิหารอยากจะต่อต้านเก้าอาราม แต่ในตอนนี้เก้าอารามยังคงกดสิบสองวิหารไว้อยู่ พูดกันตามจริงแล้ว เก้าอารามอยู่ในระดับที่เหนือกว่าสิบสองวิหาร
“ข้าจะจำไว้” พูดจบจวินอู๋เสียก็หันหลังกลับและเดินจากไปทันทีพร้อมกับเจ้าแมวดำในอ้อมแขน
หลังจากที่จวินอู๋เสียก้าวออกไปเพียงไม่กี่ก้าว รอยยิ้มใจดีบนใบหน้าของซูจิ่งเหยียนไม่ได้จางหายไป ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆบริเวณแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะไม่ลืมกฎของงานชุมนุมเทพยุทธ์ ก่อนที่งานจะจบลง สิ่งเดียวที่พวกเจ้าทำได้คือเฝ้าดูและสังเกตการณ์”
จวินอู๋เสียได้ยินคำพูดของซูจิ่งเหยียน แต่ฝีเท้าของนางไม่ได้ช้าลงเลย
เพราะคำพูดทั้งหมดนี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่นาง แต่ตั้งใจให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดได้ยิน พวกคนจากสิบสองวิหารที่ตามจวินอู๋เสียมา!
บนถนนเงียบกริบ มีเพียงซูจิ่งเหยียนที่ยืนมองจวินอู๋เสียเดินจากไป เสียงสายลมพัดผ่านไปอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นจวินอู๋เสียก็รู้สึกว่าคนจำนวนมากที่ตามนางมาได้ถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว
[ดูเหมือนว่า……]
[เก้าอารามจะกำราบสิบสองวิหารเอาไว้ได้ดีทีเดียว]
จวินอู๋เสียลดสายตาลง ฝีเท้าก้าวไปอย่างมั่นคง
กฎของงานชุมนุมเทพยุทธ์ถูกกำหนดโดยสิบสองวิหารและเก้าอาราม มันตั้งเอาไว้ว่าก่อนที่งานชุมนุมเทพยุทธ์จะจบลง สมาชิกทุกคนของสิบสองวิหารและเก้าอารามจะต้องเฝ้าดูและสังเกตการณ์เท่านั้น เพื่อตัดสินศักยภาพของผู้เยาว์ทุกคน ถ้าคนที่พวกเขาจับตามองยังไม่ถูกคัดออกจากการแข่งขัน พวกเขาก็ทำได้แค่เฝ้าดูต่อไปจนกว่างานชุมนุมจะจบลง พวกเขาจึงจะสามารถไปชักชวนเหล่าผู้เยาว์ที่พวกเขาเลือกไว้ได้
หลังจากนั้น ก็จะปล่อยให้คนที่ได้รับเลือกเป็นผู้เลือกว่าพวกเขาอยากจะสวามิภักดิ์ต่อใคร