ไม่ไปเมืองต้าหมิง?
คุณหนูจวินตะลึงไปนิดหนึ่งจากนั้นก็เข้าใจ
การพูดคุยกับผู้ดูแลใหญ่ครั้งนั้นไม่ได้หลบเลี่ยงนายหญิงอวี้ แม้นายหญิงอวี้ไม่ได้จี้ถามแต่น่าจะรู้ว่าสงครามเกิดปัญหาแล้ว
ตัวอย่างเช่นทหารจินสิบหมื่น ตัวอย่างเช่นการยกเมืองให้
ทหารจินสิบหมื่นบุกลงใต้ แดนเหนือย่อมตกสู่สงครามโกลาหลยิ่งกว่าเดิม เมืองต้าหมิงก็ไม่มีทางโชคดีรอดพ้นแล้ว
และการเจรจาสงบศึกยกเมืองให้ จะทำให้เมืองต้าหมิงไม่ใช่แนวหลังที่ปลอดภัยอีกต่อไป กลายเป็นชายแดนที่ใกล้ชาวจินอย่างมากไปด้วย
หากจะไปเมืองต้าหมิงหลบภัยย่อมไม่จำเป็นแล้ว เปลี่ยนสถานที่เถอะ
“เปลี่ยนสถานที่ก็ต้องเพิ่มเงิน” คุณหนูจวินเอ่ย
นายหญิงอวี้ยิ้มแล้ว
“แน่นอน ราคาต้องคุยกันใหม่” นางเอ่ยพลางนั่งลง
คุณหนูจวินก็นั่งลงใหม่อีกหนด้วย รอนางเอ่ยคำพูด
“ราชสำนักต้องการเจรจาสงบศึกสินะ?” นายหญิงอวี้พลันเอ่ยขึ้น
คุณหนูจวินขานตอบ
“เป็นเช่นนี้จริงๆ สินะ” นายหญิงอวี้เอ่ย “ถ้าอย่างนั้นข้าไปเมืองต้าหมิงก็ไม่มีความหมายอะไรแล้วเช่นกัน”
คุณหนูจวินขานตอบอีกครั้ง
“นายหญิงยังไงก็ออกจากมณฑลเหอเป่ยซีเถอะ ไปมณฑลทางตะวันตกของเมืองหลวงจะดีกว่าหน่อย” นางเอ่ย
“คุณหนูจวิน ข้าไปเมืองต้าหมิงไม่ใช่เพื่อเลี่ยงภัย” นายหญิงอวี้เอ่ย “ข้าต้องการไปพบคนผู้หนึ่ง”
ตอนนี้คุณหนูจวินถึงมองไปหานาง
พบคนผู้หนึ่ง เยี่ยมครอบครัวเยือนมิตรสหายหรือ?
“ราชสำนักต้องการยกเป่าโจว สยงโจว ป้าโจวให้สินะ?” นางหญิงอวี้กลับเปลี่ยนประเด็นสนทนา
คุณหนูจวินขมวดคิ้วเล็กน้อยขานรับอีกครั้ง
“ประชากรสามเมืองไม่น้อยเลย” นายหญิงอวี้เอ่ย “จะมอบให้ชาวจินทั้งหมดรึ? นับจากนี้ไม่ใช่ชาวฮั่นแล้ว นี่สายฟ้าฟาดยามกลางวันจริงๆ”
ไม่มีหน้าพบบรรพบุรุษชัดๆ คุณหนูจวินถอนหายใจ แม้ตอนนี้นางไม่ใช่ฉู่จิ่วหลิงก็รู้สึกว่าบนหน้าแสบร้อน
“นายหญิงไม่ต้องกังวล เพียงแค่เจรจาสงบศึก ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ” นางไม่คิดต่อประเด็นสนทนานี้ “นอกจากนี้ข้าเชื่อว่าเฉิงกั๋วกงจะมีวิธี”
นายหญิงอวี้ยิ้มแล้ว
“เขาจะมีวิธีอะไรได้ ก็แค่แบกจนตายเท่านั้น” นางเอ่ย
แบกจนตายหมายความว่าอย่างไร? ยังไม่ต้องพูดถึงสตรีผู้นี้เอ่ยถึงเฉิงกั๋วกงด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายสบายๆ เช่นนั้น ตายคำนี้ใช้กับตัวเฉิงกั๋วกง นางฟังแล้วไม่สบายใจยิ่ง
“นายหญิงอวี้ ท่านอยากไปที่ใด?” คุณหนูจวินเอ่ย
นายหญิงอวี้กลับไตร่ตรองไม่เอ่ยปาก
“คุณหนูจวิน พวกท่านที่แท้เป็นใครกันแน่?” นางพลันเอ่ยถาม
คุณหนูจวินลุกขึ้นยืน
“นายหญิงอวี้ ที่แท้ท่านอยากพูดอะไร?” นางเอ่ยถามตรงๆ
นายหญิงอวี้ยกมือให้นาง
“คุณหนูจวินอย่าร้อนใจ” นางเอ่ย “เป็นข้าไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่พูดจึงสับสนอยู่บ้าง”
สตรีคนนี้ตลอดมาไม่รีบร้อนไม่ลนลาน เจรจาสงบศึกยกเมืองให้ก็ดี เรื่องใหญ่ของราชสำนักก็ดี ที่จริงไม่เกี่ยวข้องกับสตรีผู้นี้สักเท่าไร คุณหนูจวินถอนหายใจเบาๆ
“นายหญิงก็อย่าร้อนใจ ท่านมีสิ่งใดอยากพูดก็พูดตรงๆ เถิด” นางเอ่ย “ทุกคนล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าทำได้ก็รับ ทำไม่ได้ก็จะไม่ทำให้นายหญิงเสียงาน”
นายหญิงอวี้พยักหน้า
“ดี” นางเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นข้าอยากเชิญคุณหนูจวินพาคนที่นี่ของท่านตามข้าขึ้นเหนือไปคุ้มครองประชาชนสามเมืองข้ามเหอเจียน”
อะไรนะ?
นายหญิงคนนี้พูดตรงเกินไปแล้ว คุณหนูจวินกลับรู้สึกฟังไม่เข้าใจอยู่บ้าง
หมายความว่าอย่างไร?
จะขึ้นเหนือคุ้มครองประชาชนสามเมืองข้ามเหอเจียนได้อย่างไร?
นายหญิงอวี้เห็นท่าทางนิ่งอึ้งของเด็กสาวคนนี้ก็ยิ้ม
“ข้าก็บอกแล้วว่าเรื่องนี้สับสนเกินไปอยู่บ้าง” นางเอ่ยแล้วหุบรอยยิ้ม “ชาวจินต้องการเจรจาสงบศึกกับราชสำนัก ข่าวนี้พวกเรารู้ก่อนนานแล้ว ราชสำนักไม่รู้ พวกเราคนที่ยุ่งเกี่ยวกับชาวจินมานานปีเหล่านี้รู้ชัดยิ่ง ชาวจินเจ้าเล่ห์ไม่อาจเชื่อ สงบศึกไม่อาจเชื่อถือได้”
พวกเรา?
รู้ก่อน?
ยุ่งเกี่ยวกับชาวจินมานานปี?
คุณหนูจวินยิ่งตกตะลึงมองนายหญิงอวี้
“ดังนั้นใจจึงเหลือความหวังสายหนึ่งว่าจะขัดขวางได้ ข้าตัดสินใจเดินทางไปเมืองต้าหมิงพบชิงเหอปั๋ว” นายหญิงอวี้เอ่ยต่อ “คุณหนูจวินน่าจะรู้จักชิงเหอปั๋วกระมัง?”
ล่วงรู้การเจรจาสงบศึกของราชสำนักตั้งแต่แวบแรก นอกจากนี้ได้ข้อมูลละเอียดอย่างที่สุด ความเร็วของเส้นสายเช่นนี้น่าจะรอบรู้กว้างขวาง
คุณหนูจวินต้องรู้จักชิงเหอปั๋วแน่นอน
เฉิงกั๋วกงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เพราะความดีความชอบทางทหาร ชิงเหอปั๋วโจวเจียงก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ด้วยความดีความชอบทางทหารเช่นกัน เทียบกับเฉิงกั๋วกงแล้วชิงเหอปั๋วประวัติอาวุโสกว่า เขาท่องทั่วแดนใต้กวาดล้างกำจัดโจร ชื่อเสียงโด่งดังเช่นกัน คนเรียกเหนือซานใต้เจียง คุ้มครองต้าโจวมั่นคง
ชาวจินข้ามแดนครั้งนี้ ชิงเหอปั๋วย่อมถูกเรียกตัวทันทีเช่นกัน เขาครองตำแหน่งผู้บัญชาการทหารจิงซีนำทหารเฝ้ารักษามณฑลจิงตงซี
บางทีอาจเพราะอายุมากกระมัง ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพระบิดากับชิงเหอปั๋วท่านนี้จึงคล้ายไม่แน่นแฟ้นเท่าเฉิงกั๋วกง คุณหนูจวินตอนยังเล็กไม่เคยเห็นเขา
แต่ได้ยินลู่อวิ๋นฉีเล่าว่าชิงเหอปั๋วคนนี้นิสัยหยิ่งยโส นอกจากนี้ละโมบเงินทองอย่างยิ่ง
นายหญิงอวี้ถึงกับจะไปพบชิงเหอปั๋วได้ ดูออกได้ว่าฐานะของนางไม่ธรรมดา ที่แท้ไม่ธรรมดาปานนี้
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดแล้ว เฉิงกั๋วกงมีวิธีอะไรที่ไหนก็แค่แบกจนตายเท่านั้น” นายหญิงอวี้เอ่ย “ไม่กลัวชาวจิน สงครามพลิกผันมากอีกเท่าใดก็ควบคุมได้ แต่คนของตนเองควบคุมยากที่สุด โดยเฉพาะครั้งนี้แดนเหนือแม่ทัพมากมายถูกโยกย้าย เสบียงทหารหญ้าเลี้ยงม้าทุกหนทุกแห่งยิ่งถูกกักไว้”
เช่นนี้หรอกหรือ? คุณหนูจวินมองนายหญิงอวี้
แต่ นางรู้ได้อย่างไร?
หรือนางเป็นครอบครัวของแม่ทัพแดนเหนือ?
“ในราชสำนักมีคนเสนอให้เจรจาสงบศึกไม่ผิดจากที่คาด จากที่กองทหารประจำการด้านหลังถอยโดยไร้คำสั่ง มีคำสั่งไม่ปฏิบัติตามจนถึงเสียเมืองไคเต๋อก็รู้ได้ ทุกสิ่งนี้สื่อว่ามีคนไม่อยากทำสงครามแล้ว” นายหญิงอวี้เอ่ย
ครั้งนี้คุณหนูจวินไม่เงียบฟังอีกต่อไป แต่ลุกขึ้นยืน
“ท่านจะบอกว่ามีคนสมคบศัตรู?” นางเอ่ยถาม
นายหญิงอวี้ยิ้มแล้ว
“ก็นับไม่ได้ว่าสมคบศัตรู เพียงความคิดเห็นที่มีต่อชาวจินไม่เหมือนกันเท่านั้น” นางเอ่ย “คนมีความคิดเห็นไม่เหมือนกันปกติยิ่งนัก จะกำจัดความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกันเหล่านี้ จำเป็นต้องมีชัยชนะที่เด็ดขาด อำนาจแข็งแกร่งกดข่ม ไม่ให้โอกาสความคิดเห็นของพวกเขาก่อกำเนิดแผ่ขยาย ดังนั้นข้าต้องไปพบชิงเหอปั๋ว ข้าจะต้องโน้มน้าวเขาให้คงความสงบข้างหลังนี่”
โน้มน้าว คนที่โน้มน้าวชิงเหอปั๋วได้ จะเป็นใครได้?
คุณหนูจวินมองนายหญิงอวี้
คุ้นเคย….
ความรู้สึกคุ้ยเคยนั่น หรือว่า…
คุณหนูจวินฉับพลันชาไร้เรี่ยวแรงตั้งแต่ใต้เท้าตรงไปถึงกระหม่อม
ไม่มีทางหรอก
นายหญิงอวี้ไม่คิดมากกับสีหน้าของนาง
คำพูดของตนน่าตกใจปานนี้ นางเองในใจรู้ชัดยิ่ง ดังนั้นนางจึงพยายามที่สุดให้เรียบง่ายขึ้น ให้เด็กสาวคนนี้ฟังเข้าใจ
ที่หนักที่สุดก็คือ ต้องให้เด็กสาวฟังเข้าใจว่าตนเองที่แท้ต้องการให้นางทำอะไร
“แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว ฝ่าบาทถูกเกลี้ยกล่อมไปแล้ว” นางเอ่ยต่อ “ชิงเหอปั๋วย่อมไม่มีทางถูกข้าโน้มน้าวได้แล้ว การยกสามเมืองให้ไม่อาจขัดขวางได้แล้ว และอารมณ์ของเฉิงกั๋วกงคงทำให้สถานการณ์ยิ่งกลายเป็นย่ำแย่อยู่บ้าง”
นางพูดพลางยื่นมือกุมหน้าผาก หน้าตาปรากฏความเหนื่อยล้าอยู่
“เรื่องอื่นข้าก็ช่วยไม่ได้ แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้สิ่งที่กังวลเพียงอย่างเดียวก็คือประชาชนหลายหมื่นคนของสามเมืองนั้น เมื่อการเจรจาสงบศึกสำเร็จลง กองทหารประจำการที่แดนเหนือย่อมต้องถอนกำลังกลับมา กองทหารประจำการถอนกำลังง่าย ประชาชนยากเคลื่อนย้าย”
นางเงยหน้าขึ้นความเหนื่อยล้าสลายไป สีหน้าเคร่งขรึมและแน่วแน่
“ดินแดนทิ้งได้ ประชาชนไม่อาจทิ้งได้ ต้าโจวไม่ต้องการพวกเขา แต่ขอแค่พวกเขายังต้องการต้าโจวแห่งนี้ ข้าก็จะปกป้องพวกเขา พาพวกเขาเดินทางมาด้วยกัน” นางมองไปทางคุณหนูจวิน “ดังนั้นข้าต้องการเชิญคุณหนูจวินช่วยข้าไปอารักขาประชาชนหลายหมื่นคนนี้ข้ามเหอเจียนอย่างปลอดภัยด้วยกัน เรื่องนี้ท่านจะคิดราคาเท่าไร?”
คุณหนูจวินมองนาง
“ท่านเป็นใคร?” นางขยับริมฝีปากเอ่ยถาม
นางเคยบอกแล้วว่านางแซ่อวี้ นามว่าหลัน
ถ้าอย่างนั้นคำถามว่า “ท่านเป็นใคร” ครั้งนี้ เห็นชัดว่าที่ถามย่อมไม่ใช่ชื่อแซ่แล้ว แต่เป็นฐานะ
นายหญิงอวี้ยิ้มมองนาง
“ข้าคือท่านหญิงเฉิงกั๋ว” นางเอ่ย “สามีของข้าคือเฉิงกั๋วกงจูซาน”