ภาคที่ 4 ตอนที่ 8 ตอบอย่างไม่ลังเลสักนิด

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

ท่านหญิงเฉิงกั๋ว 

 

สามีของข้าคือเฉิงกั๋วกงจูซาน 

 

จริงอย่างที่คิด 

 

ที่แท้ 

 

เป็นมารดาของจูจั้นจริงๆ ด้วย 

 

มิน่ารู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง 

 

นางไม่เคยพบมารดาของจูจั้น ที่หรู่หนานเพราะภาพเฉิงกั๋วกงที่ประทับอยู่ในใจ นางเห็นจูจั้นถึงหลุดปากเดาชื่อเขาออกมาได้ 

 

เพราะภาพจูจั้นที่ประทับอยู่ในใจ แวบแรกที่นางเห็นนายหญิงอวี้จึงรู้สึกคุ้นเคย 

 

เพียงแต่จูจั้นเหมือนเฉิงกั๋วกงมากกว่า 

 

นี่บังเอิญจริงๆ ค้นหาแขวนคอโจรผู้ร้ายไปทั่วถึงกับพบมารดาของจูจั้นเข้า 

 

คุณหนูจวินอดไม่ได้ดีใจ แต่จากนั้นทั้งร่างก็เหงื่อกาฬหลั่งริน 

 

บังเอิญนัก หากตอนนั้นนางไม่ได้เดินทางไปถึงที่นั่น ถ้าอย่างนั้นท่านหญิงกั๋วกงใยไม่ใช่…. 

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่าน? ทำไมมีคนไล่ล่าสังหารได้?” คุณหนูจวินรีบร้อนเอ่ยถาม “ทำไมท่านพาคนออกมาแค่นี้?” 

 

นายหญิงอวี้ตะลึงไปนิดหนึ่ง 

 

เด็กสาวคนนี้พริบตาพลันเปลี่ยนท่าทางไปเลย 

 

อาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวถึงขั้นรำคาญนิดหน่อยก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น รวมถึงความตกตะลึงไม่อยากเชื่อยามได้ยินสถานการณ์เกี่ยวกับสงครามแดนเหนือเมื่อครู่ก็ไม่มีแล้ว 

 

ความรำคาญหายไปเข้าใจได้ อย่างไรคำพูดที่นางเอ่ยเมื่อครู่ก็เพียงพอแสดงว่าฐานะของนางไม่ธรรมดา แต่เวลานี้แสดงฐานะชัด เด็กสาวคนนี้ทำไมกลับไม่ตกตะลึง? 

 

ไม่ตกตะลึง ไม่สงสัยฐานะของนางแล้วยังไม่ทำอะไรไม่ถูกอีก มีเพียง…เป็นห่วง? 

 

แล้วยังเป็นความเป็นห่วงเป็นใยระหว่างคนคุ้นเคยแบบนั้นอีกด้วย 

 

“ยังมีที่อื่นได้รับบาดเจ็บอีกหรือไม่ ข้าก็ไม่ได้ตรวจให้ละเอียด” คุณหนูจวินเอ่ยต่อด้วยสีหน้ากังวล “ท่านนั่งลง ข้าตรวจดูสักหน่อย” 

 

นายหญิงอวี้อดไม่ได้ยิ้มแล้ว 

 

“ไม่มี” นางเอ่ย “คุณหนูจวินกังวลเกินไปแล้ว” 

 

คุณหนูจวินขานรับจากนั้นมองดูนายหญิงอวี้ 

 

ที่แท้ภรรยาของเฉิงกั๋วกงก็หน้าตาเช่นนี้เอง 

 

หน้าตาไม่อาจพูดว่าสวยได้ ไม่รูปงามอย่างเฉิงกั๋วกง เทียบกับความทรงภูมิของเฉิงกั๋วกง นางกลับห้าวหาญอยู่บ้าง 

 

ภรรยาของเฉิงกั๋วกงเป็นคนจากที่ไหน? เหมือนจะเป็นคนแดนเหนือ ยามนั้นแดนเหนือยังมีชาวจินก่อความวุ่นวายอยู่ ที่ต่างๆ มีกองทหารอาสามากมายต้านทานโจมตีชาวจิน ภรรยาของเฉิงกั๋วกงคล้ายจะเป็นลูกสาวของหัวหน้ากองทหารอาสาคนหนึ่ง 

 

แน่นอนกับข้างนอก เพียงบอกว่าเป็นลูกสาวของผู้ดีชนบทคนหนึ่ง 

 

คุณหนูจวินจำได้เลือนราง ยามยังเล็กครั้งอยู่ในวังของพระมารดานางหลบอยู่ใต้โต๊ะได้ยินพวกท่านหญิงบรรดาศักดิ์ที่รอเข้าเฝ้าเหล่านั้นพูดคุยเสียงเบาเกี่ยวกับท่านหญิงเฉิงกั๋ว บอกว่านางไม่กลับเมืองหลวงก็เพราะไม่กล้า 

 

“ลูกสาวผู้ดีชนบท ทหารอาสาอะไร ที่จริงก็คือลูกสาวของโจรคนหนึ่ง” มีท่านหญิงบรรดาศักดิ์หัวเราะเอ่ย “เฉิงกั๋วกงเพื่อให้ได้ความช่วยเหลือของโจรเหล่านี้จึงเอาตัวเข้าแลก” 

 

“ถ้าอย่างนั้นจะบอกว่าเฉิงกั๋วกงใช้รูปโฉมล่อลวงคนรึ?” มีท่านหญิงบรรดาศักดิ์หัวเราะเสียงเบาเอ่ยบ้าง 

 

เฉิงกั๋วกงรูปงาม ท่านหญิงเหล่านี้ลับหลังยากเลี่ยงเอ่ยถึง 

 

เวลานั้นแม้นางยังเล็ก แต่ก็รู้ว่ารูปโฉมล่อลวงคนไม่ใช่คำดีอะไร ดังนั้นตอนได้ยินว่าเฉิงกั๋วกงจะมาพบพระบิดาถึงไม่ยอมไป หลังจากนั้นก็ได้หนึ่งรอยยิ้มหนึ่งผลไม้เชื่อมตก 

 

คิดถึงตรงนี้คุณหนูจวินก็อดยิ้มไม่ได้แล้ว 

 

ไม่ทราบว่านายหญิงอวี้คนนี้เป็นเช่นนั้นเหมือนที่บรรดาท่านหญิงบรรดาศักดิ์เหล่านั้นพูดหรือไม่ ถูกเฉิงกั๋วกงใช้รูปโฉมหลอกล่อหรือบีบบังคับให้แต่งงาน 

 

นายหญิงอวี้มองดูเด็กสาวที่ยิ้มแฉ่งตรงหน้าคนนี้ รู้สึกประหลาดอยู่บ้าง 

 

“คุณหนูจวิน?” นางเอ่ยถาม 

 

คุณหนูจวินขานอืมทีหนึ่ง มองนางด้วยแววตาตั้งใจ 

 

“ฐานะของข้าที่ข้าบอกท่านอาจไม่เชื่อ หากท่านตามข้าไป ข้าจะพิสูจน์กับท่าน…” นายหญิงอวี้เอ่ย 

 

คำพูดยังไม่ทันเอ่ยจบ คุณหนูจวินก็ขัดแล้ว 

 

“ช้าเชื่อสิ” นางอมยิ้มเอ่ย “นี่มีอะไรให้ไม่เชื่อ” 

 

นายหญิงอวี้ตะลึงวูบหนึ่งจากนั้นก็หัวเราะแล้ว 

 

“คุณหนูจวินเป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง” นางเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เชิญท่านไปเมืองเหอเจียนด้วยกัน ข้าจะคุยรายละเอียดกับท่าน…” 

 

คุณหนูจวินขัดนางอีกครั้ง นางส่ายศีรษะแล้วพยักหน้า 

 

“ไม่ต้อง ข้าจะไปกับท่าน” นางเอ่ย 

 

นายหญิงอวี้ตะลึงอีกครั้งแล้ว นี่ก็ตรงไปตรงมาเกินไปแล้วกระมัง 

 

“ท่านว่าทำอย่างไร ข้าก็ทำอย่างนั้น” คุณหนูจวินยิ้มๆ เอ่ยเสริมหนึ่งประโยคอีกครั้ง 

 

นายหญิงอวี้มองนางครู่หนึ่ง ในดวงตามีความสงสัยอยู่บ้าง 

 

“คุณหนูจวิน ท่าน รู้จักข้าหรือ?” นางเอ่ยถาม 

 

ไม่เช่นนั้นทำไมหลังแจ้งฐานะ เด็กสาวคนนี้จึงมองนางแล้วยิ้มพิกลอยู่ตลอด? รอยยิ้มเช่นนั้นหมายความว่าอ้อที่แท้ก็เป็นเจ้าเองชัดๆ 

 

คุณหนูจวินพลันเก็บสีหน้า 

 

“ใต้หล้าใครไม่รู้จักเฉิงกั๋วกงกับภรรยาบ้าง” นางเอ่ย 

 

นายหญิงอวี้ยิ้มแล้ว 

 

“คุณหนูจวินแค่อาศัยชื่อนี้ก็เชื่อข้าเช่นนี้แล้วรึ?” นางเอ่ยถาม 

 

“ข้าเชื่อว่าเรื่องที่เฉิงกั๋วกงกับท่านหญิงทำเป็นการทุ่มเทความภักดีตอบแทนประเทศชาติ ปกป้องแผ่นดินคุ้มครองประชาชน ในเมื่อท่านบอกว่าจะไปทำ ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำ” คุณหนูจวินเอ่ย 

 

ช้าเชื่อว่าเรื่องที่เฉิงกั๋วกงกับท่านหญิงทำเป็นการทุ่มเทความภักดีตอบแทนประเทศชาติ ปกป้องแผ่นดินคุ้มครองประชาชน 

 

คำพูดเช่นนี้นายหญิงอวี้ฟังมาทั้งชีวิตแล้วจึงเฉยชาอยู่บ้าง แต่เวลานี้ได้ยินเด็กสาวตรงหน้าคนนี้เอ่ยออกมา ในใจนางกลับสั่นไหวอย่างประหลาด 

 

บางทีอาจเพราะนางตอบประโยคนี้ออกมาโดยไม่ลังเลสักนิดกระทั่งคิดก็ไม่คิด บางทีอาจเพราะน้ำเสียงสมเหตุสมผลสบายๆ นั่นของนาง 

 

“ดี” นางสีหน้าจริงจังเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ คุณหนูจวินคิดราคาเท่าไร?” 

 

คุณหนูจวินยิ้ม 

 

“เรื่องนี้ อย่างไรก็ต้องสิบหมื่นตำลึงกระมัง” นางตอบ 

 

………………………………………. 

 

มองเห็นคุณหนูจวินกับเซี่ยหย่ง หยางจิ่งมาด้วยกัน จ้าวฮั่นชิงก็เป็นฝ่ายเดินออกไป 

 

“ข้ารอเจ้าที่เขาด้านหลัง” นางโบกคันศรในมือให้คุณหนูจวิน 

 

คุณหนูจวินยิ้มให้นางทำมือว่าเข้าใจ 

 

“บอกว่าจะส่งนายหญิงคนนั้นไปเมืองต้าหมิงหรือ?” เซียวจือเอ่ยถาม เข็มด้ายในมือยังไม่หยุด “นับเวลาก็ควรออกเดินทางได้แล้ว” 

 

เซี่ยหย่งกับหยางจิ่งคิดว่าวันนี้คุณหนูจวินมาหาพวกเขาก็เพื่อเรื่องนี้ 

 

“พวกเราเลือกยี่สิบคนไว้แล้ว ออกเดินทางติดตามคุณหนูจวินได้ตลอดเวลา” พวกเขาเอ่ย 

 

คุณหนูจวินส่ายศีรษะ 

 

“ท่านน้า นายหญิงคนนั้นไม่ไปเมืองต้าหมิงแล้ว” นางเอ่ย “จะไปเมืองเหอเจียน” 

 

เมืองเหอเจียน? 

 

“ระยะทางพอๆ กัน แม้ไปทางเหนืออยู่บ้าง คนเหล่านี้น่าจะพอใช้กระมัง” เซียวจือเอ่ยพลางมองหนางจิ่งกับเซี่ยหย่งทีหนึ่ง 

 

นี่ก็คือตกลงแล้ว 

 

หยางจิ่งพยักหน้า 

 

“พอใช้” เขาเอ่ย 

 

“ระยะทางก็พอๆ กัน” เซี่ยหย่งเอ่ย “ตรงกันข้ามเหอเจียนกลับเร็วกว่าอยู่บ้าง” 

 

“คุณหนูจวินอยากออกเดินทางเวลาใด?” เซียวจือเอ่ยถาม 

 

คุณหนูจวินกลับเงียบงันไม่พูดจา 

 

อารมณ์ไม่ถูกต้อง พวกเซียวจือสามคนสบตากันทีหนึ่ง สีหน้างุนงงเล็กน้อย 

 

เรื่องที่คุณหนูจวินได้รับจดหมายจนบันดาลโทสะพวกเขาล้วนรู้แล้ว ได้ยินว่าสงครามข้างนอกพลิกผัน หรือว่าเพราะเรื่องนี้จึงรู้สึกว่าเดินทางอันตราย? 

 

“คุณหนูจวินไม่ต้องกังวลใจ โจรผู้ร้ายพวกเราไม่กลัว ต่อให้เดินทางขึ้นเหนือ พบทหารจินเข้าก็ไม่มีอะไรน่ากลัว” เซี่ยหย่งอดไม่ได้เอ่ยขึ้น 

 

ทหารจินสำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัว หรือพูดได้ว่าพวกเขาเคยประมือกับทหารจินมาก่อนแล้ว 

 

ดังนั้นพวกเขาเป็นทหารจริงๆ รึ? 

 

“ครั้งนี้ไปเมืองเหอเจียน ไม่เพียงอารักขานายหญิงคนนี้แล้ว” คุณหนูจวินเอ่ย 

 

พวกเซียวจือสามคนมองไปหานาง ไม่เพียงอารักขา? ถ้าอย่างนั้นยังทำอะไรอีก?  

 

“ท่านน้า ราชสำนักต้องการเจรจาสงบศึก จะยกเป่าสยงป้าสามเมืองให้แก่ชาวจิน…” คุณหนูจวินเอ่ย 

 

“คุณหนูจวิน เรื่องของราชสำนักพวกเราไม่อยากรู้แล้วก็ไม่อาจทำอันใดได้” เซียวจือขัดนาง “ท่านพูดตรงๆ ว่าต้องการทำอะไรเถอะ” 

 

น้าเซียวก็เป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่งตลอดมา ตัวอย่างเช่นเรื่องอาจารย์บอกไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับ 

 

“ไปเมืองเหอเจียนกับนายหญิงคนนี้ คุ้มครองประชาชนสามเมืองลงใต้ข้ามเหอเจียน” คุณหนูจวินเอ่ยออกมาตรงๆ 

 

อะไรนะ? 

 

ทั้งสามคนในห้องสีหน้าประหลาดใจ มองคุณหนูจวิน 

 

“ถ้าอย่างนั้นขออภัยอย่างยิ่ง คุณหนูจวิน เงินนี่พวกเรารับไม่ได้” จากนั้นเซียวจือก็ได้สติกลับมาเอ่ยขึ้นตรงๆ 

 

ในห้องตกอยู่ในความเงียบพักหนึ่ง 

 

เซี่ยหย่ง หยางจิ่งสีหน้าสับสน ต้องการเอ่ยอะไรแต่ก็ไม่กล้าเอ่ย 

 

คุณหนูจวินยิ้มแล้ว 

 

“ไม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้” นางพูด “ข้ามาเพื่อบอกว่าเงินนี้ได้มาไม่ง่าย ดังนั้นขอให้คนของท่านอาหยาง ท่านอาเซี่ยไม่ต้องไปแล้ว” 

 

เช่นนี้เอง 

 

พวกเซี่ยหย่งสามคนสีหน้ายิ่งปั้นยาก