ตอนที่ 362 ปลอบใจ

ตอนที่ 362 ปลอบใจ

พี่สามจ้าวพยักหน้า “เจ้าหก นายมีความสามารถจริง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็หาคนมาช่วยเหลือได้!”

“ดูพี่สามพูดเข้าสิ ผมวิ่งออกไปค้าขายข้างนอกมานานขนาดนี้ เรื่องแค่นี้ถ้ายังหาคนมาช่วยไม่ได้ก็เท่ากับวิ่งรถอย่างเปล่าประโยชน์แล้วล่ะ พี่กลับไปบอกพี่สะใภ้สี่เถอะ เรื่องเป็นแบบนี้แล้ว บอกพี่สะใภ้ว่าไม่ต้องเป็นกังวล รอฟังข่าวอยู่ที่บ้านเถอะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ก็ได้ งั้นฉันกลับไปบอกสะใภ้สี่ก่อน เฮ้อ นายดูสิ วุ่นวายชะมัดเลย!” พี่สามจ้าวส่ายหน้าก่อนจะเดินออกไป

“พี่สี่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?” เย่ฉูฉู่รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก

“จะเป็นอะไรหรือเปล่าคงมีแค่ตัวเขาที่รู้” จ้าวเหวินเทารับลูกชายมา “ผมบอกพี่สี่ว่าให้ออกไปขายของกับฉัน เขากลับไม่ตอบตกลง บางทีเขาอาจตัดสินใจจะไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

“บนตัวของพี่สี่มีเงินติดตัวอยู่เท่าไร?” เย่ฉูฉู่ถาม “คุณรู้ใช่ไหม?”

“ถ้าผมเดาไม่ผิด เงินที่ได้จากข้าวสารครั้งนี้ คงสามร้อยกว่าหยวนมั้ง ไม่มากไปกว่านี้หรอก” จ้าวเหวินเทาคิดว่าในกระเป๋าของพี่สี่ก็น่าจะมีเงินติดตัวนิดหน่อย แต่มีจำนวนเท่าไรเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“เงินส่วนนั้นจะพอให้เขาไปถึงทางใต้เหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ไม่เคยออกเดินทางไกล จึงไม่รู้ว่าต้องใช้จ่ายเท่าไร

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ “เรื่องนี้จะไปพูดกับพ่อแม่ยังไงเนี่ย พวกเขาอายุปูนนี้กันแล้ว คงเป็นห่วงแน่ ๆ นี่ถ้าพวกท่านเป็นห่วงจนเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะทำยังไง!”

“ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วคุณพ่อกับคุณแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี ให้พวกท่านรู้จากปากคุณดีกว่าไปรู้จากปากคนอื่นนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว “พรุ่งนี้คุณไปในเมือง กลับมาก็บอกคุณพ่อกับคุณแม่สักคำแล้วกัน”

ลูกชายออกเดินทางไปตั้งแต่เช้า ไม่ทันได้บอกคุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าว หากไปหากลางดึกแบบนี้ อาจทำให้พวกท่านตกใจได้

“พี่สี่คงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านต่อไปไม่ไหวแล้วแหละ” เย่ฉูฉู่อดไม่ได้ที่จะพูด “อันที่จริงถ้าเป็นฉัน แล้วพี่สะใภ้สี่เป็นแบบนั้น ฉันคงอยู่ไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว”

ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็โยงมาเรื่องลูกชายได้ตลอด ทั้งยังเอาแต่จิกหัวใช้ซานหยาซื่อหยา ไม่เคยพูดจาดี ๆ เลยสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่นั่นก็เป็นลูกแท้ ๆ ของตัวเอง ต่อให้ชอบลูกชายมากกว่านี้แต่ก็ไม่ควรทำกันขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ?

 

“บางครั้งฉันเองก็ไม่ชอบพี่สะใภ้สี่เหมือนกัน” เย่ฉูฉู่พูดต่อ “เห็นท่าทางของพี่สะใภ้สี่ที่เอาแต่อยากได้ลูกชาย ฉันเองก็รู้สึกสงสารนะ แต่พอได้ยินสิ่งที่หล่อนพูดและเรื่องที่หล่อนทำ กลับทำให้ฉันรู้สึกรำคาญมาก ๆ”

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่สะใภ้สี่อยากได้ลูกชายจนเป็นบ้าไปแล้ว คุณก็อย่าไปสนใจเลย!”

 

จู่ ๆ เย่ฉูฉู่ก็นึกอะไรขึ้นได้ “คุณว่า…พี่สี่จะไปที่เมืองหลวงหรือเปล่าคะ?”

“ไปเมืองหลวง?” จ้าวเหวินเทาคิดไม่ถึงในเรื่องนี้

“ค่ะ อย่างน้อย ๆ พี่สามกับพี่สะใภ้สามของฉันก็อยู่ที่เมืองหลวง มีญาติเราอยู่ที่นั่น แต่ทางใต้ไม่มีเพื่อนไม่มีญาติพี่น้องเลย พี่สี่คงไม่ไปหรอกมั้ง? เขาอาจจะแค่พูดไปงั้น คุณคิดว่ายังไงคะ?”

“มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแบบนี้จริง ๆ นั่นแหละ” จ้าวเหวินเทากล่าว “เสี่ยวหม่าไปหาเงินที่เมืองหลวงแล้ว บางทีพี่สี่อาจอยากทำแบบเสี่ยวหม่าก็ได้”

“งั้นฉันโทรไปหาพี่สามกับพี่สะใภ้สามของฉันดีกว่า จริงสิ พี่สี่รู้ที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ของพี่สามกับพี่สะใภ้สามของฉันไหม?” เย่ฉูฉู่ถาม “คุณเคยบอกพี่สี่ไหมคะ?”

จ้าวเหวินเทาย้อนนึกดู ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ผมลืมไปแล้วว่าเคยบอกหรือเปล่านี่สิ เหมือนจะเคยบอกไว้มั้ง?”

“งั้นฉันโทรถามพี่สะใภ้สามสักหน่อย” เย่ฉูฉู่ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรหาโจวหมิ่น

ช่วงสองสามทุ่มภายในชนบทโดยเฉพาะฤดูกาลเช่นนี้ทำให้ดูดึกมาก จนได้เวลานอนแล้ว ทว่าภายในเมืองหลวงตอนนี้ถือว่ายังไม่ดึกนัก โจวหมิ่นและเย่หมิงเป่ยก็กำลังทำงาน มีแค่เสี่ยวเยว่เยว่ คุณแม่จ้าวและคุณป้าที่นอนหลับไปแล้ว

เสียงโทรศัพท์ดัง โจวหมิ่นจึงยื่นมือออกไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล?”

“พี่สะใภ้สาม รับโทรศัพท์เร็วจัง พี่ยังไม่นอนเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่แอบประหลาดใจ

เย่หมิงเป่ยหันกลับมามองเธอ

 

โจวหมิ่นยิ้ม “ฉูฉู่เหรอ นี่เพิ่งจะกี่โมงเองจะให้นอนแล้วเหรอ ฉันกับพี่เธอนอนห้าทุ่มเที่ยงคืนทุกวันเลยนะ”

เย่หมิงเป่ยยิ้ม ก่อนจะหันหน้าไปทำงานต่อ

 

“ดึกขนาดนี้เลยเหรอคะ!” เย่ฉูฉู่กล่าว “พวกพี่คงเหนื่อยแย่เลย”

 

“ชินแล้วแหละ ก่อนหน้านี้ตอนที่เรียนหนังสือก็นอนเวลานี้แหละ แล้วทำไมเธอยังไม่นอน? เหวินเทาล่ะ?” โจวหมิ่นถาม

“เหวินเทากำลังกล่อมเสี่ยวไป๋หยางอยู่บนเตียงน่ะค่ะ เสี่ยวไป๋หยางนอนกลางวันเยอะไปหน่อย ตอนนี้ยังไม่ยอมนอนเลย” เย่ฉูฉู่ตอบ

“เหรอ เยว่เยว่เป็นเจ้าหมูน้อยจอมขี้เกียจเลย ต่อให้กลางวันนอนเยอะกว่านี้ ตอนกลางคืนก็ยังหลับเร็วมากอยู่ดี ฉูฉู่ ว่าแต่เธอมีธุระอะไรรึเปล่า?” โจวหมิ่นพอจะฟังน้ำเสียงของเย่ฉูฉู่ออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เย่ฉูฉู่กล่าว “มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ” ระหว่างที่พูดนางก็เล่าเรื่องที่พี่สี่ออกจากบ้านให้อีกฝ่ายฟัง

โจวหมิ่นถึงกับตกใจ “หา? พี่สี่ของเธอออกจากบ้านเป็นด้วยเหรอ?”

เพราะนี่คือโจวหมิ่น เย่ฉูฉู่จึงไม่ได้ปิดบัง เธอเล่าเรื่องที่พี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวทะเลาะกันให้โจวหมิ่นฟัง “เขาบอกว่าจะไปทางใต้ แต่ทางใต้ไม่มีญาติพี่น้องหรือเพื่อนคนไหนเลย ฉันเลยคิดว่าเขาอาจไม่ได้ไป และคิดว่าเขาอาจจะไปหาพวกพี่ที่เมืองหลวงแทน?”

 

โจวหมิ่นตอบ “เรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้อยู่นะ เขามีเบอร์กับที่อยู่ของฉันเหรอ?”

  

“เหวินเทาก็จำไม่ได้ว่าเคยให้ไปหรือเปล่า ถึงได้ร้อนใจนี่ไงคะ” เย่ฉูฉู่ตอบ

 

โจวหมิ่นยิ้ม “ร้อนใจไปทำไม เขาไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อย เป็นผู้ชายแถมยังโตขนาดนั้นแล้ว มีอะไรต้องเป็นห่วง!”

“กลัวว่าจะถูกหลอกน่ะสิคะ ด้านนอกอันตรายจะตายไป” เย่ฉูฉู่เล่าเรื่องที่มีคนดักปล้นให้โจวหมิ่นฟัง “ถ้าเจอแบบครั้งนั้นอีกจะทำยังไง?”

 

“ไม่หรอก” โจวหมิ่นยิ้ม “ใครจะดวงซวยขนาดนั้น เจอครั้งหนึ่งแล้วยังต้องเจออีกครั้งเชียวเหรอ? พวกเธออย่ามองว่าด้านนอกอันตรายขนาดนั้นสิ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย ต่อให้พี่สี่ของเธอจะเจอกับการดักปล้น อย่างมากก็แค่เสียทรัพย์ แต่ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตหรอก ถึงเวลานั้นเขาคงกลับไปเองนั่นแหละ”

เย่ฉูฉู่ไม่เข้าใจ “ไม่มีเงินจะกลับมาได้ยังไงคะ?”

 

โจวหมิ่นถึงกับหมดคำพูด “เป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้นแล้ว ยังคิดหาวิธีกลับไม่ได้อีกเหรอ ต่อให้ไม่ไปหาตำรวจก็กลับไปได้ ฉันว่านะ พี่สี่ของเธอออกมาก็ดีเหมือนกัน ให้เขาได้เห็นบ้างว่าด้านนอกเป็นยังไง พอได้เปิดใจเขาก็จะคิดได้ อีกอย่างนะ มีประสบการณ์สักหน่อย คนเราถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้ หลังจากนี้ก็จะไม่เกิดเรื่องหนีออกจากบ้านทำตัวแบบเด็ก ๆ อีกแล้ว”

เย่ฉูฉู่ชะงัก “พี่สะใภ้สาม ทำไมพี่ถึงไม่ร้อนใจสักนิดเลยล่ะคะ?”

“เขาไม่ใช่เด็กเล็กสักหน่อย อีกอย่างเขาก็เป็นผู้ชายด้วย ไม่เป็นไรหรอก ฉูฉู่ ถ้าพี่สี่ของเธอมาที่เมืองหลวงและติดต่อฉัน ฉันจะโทรมาบอกเธอนะ ถ้าเขาไปทางใต้จริง ๆ รอให้เขาสงบจิตสงบใจได้ก็คงโทรไปหาพวกเธอเองนั่นแหละ เขาก็รู้เบอร์โทรบ้านพวกเธอไม่ใช่เหรอ?” โจวหมิ่นถาม

“รู้ค่ะ แต่เขาไม่เคยออกไปข้างนอกเลยนะ” เย่ฉูฉู่กล่าว “เหวินเทาบอกว่าพี่สี่เป็นคนซื่อมาก ๆ”

“พอเถอะ!” โจวหมิ่นไม่เชื่อสักนิด “จ้าวเหวินเทาเป็นแบบนั้น พี่สี่ของเขาจะซื่อได้ยังไง! แต่เป็นเพราะอยู่ในชนบทเลยไม่มีเรื่องให้เอารัดเอาเปรียบ ดูภายนอกเลยเป็นคนซื่อ ๆ แต่ถ้าออกไปข้างนอก จะมีสักกี่คนที่ซื่อ! เอาล่ะ เธอไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว บอกเหวินเทาด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง รีบนอนเถอะ ถ้าเขาติดต่อฉันมาเมื่อไร ฉันจะโทรมาบอก”

“ก็ได้ค่ะ พี่สะใภ้สาม พี่เองก็รีบนอนด้วยนะ” เย่ฉูฉู่พูดจบก็วางสายไป

 

“พี่สะใภ้สามของเธอว่ายังไงบ้าง?” จ้าวเหวินเทาเอ่ยถาม

“พี่สะใภ้สามของฉันบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นกังวล พี่สี่โตขนาดนั้นแล้ว คงดูแลตัวเองเป็นอย่างดี” เย่ฉูฉู่พูดพลางถอนหายใจ “ฉันอิจฉาพี่สะใภ้สามมากจริง ๆ เจอเรื่องอะไรก็ไม่เดือดร้อน”

“แหงสิ คนที่หนีออกจากบ้านไม่ใช่พี่สามของคุณสักหน่อย หล่อนก็ไม่จำเป็นต้องร้อนใจอยู่แล้ว” จ้าวเหวินเทาตอบ

“คุณพูดอะไรเนี่ย!” เย่ฉูฉู่ถลึงตาใส่เขา

………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เดาว่าพี่สี่คงอยากสงบสติอารมณ์แหละค่ะ ถ้าใจสงบลงแล้วคงจะกลับมาเอง

ไหหม่า(海馬)