ตอนที่ 486 พรากจากเพราะความตาย
“เกอเอ๋อ…” มู่จวินฮานเดินออกมาข้างหน้าแล้วให้ชิงเฟิงรีบจัดการเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุทันที
แต่พวกเขาคาดมิถึงว่าภาพนี้จะฝังรากลึกอยู่ในห้วงความทรงจำขององค์ชายน้อยไปเสียแล้ว
เวลานี้อันหลิงเกอยังมินึกถึงเรื่องนี้ นางแค่รู้สึกเหนื่อยล้ามากเป็นพิเศษเพราะมิเคยคิดจัดการกับเสี่ยวเสวียเยี่ยงนี้และมิรู้ว่าในใจของเสี่ยวเสวียคิดอันใด
ในใจของอันหลิงเกอรู้สึกมิเป็นธรรมเล็กน้อย นางมิเคยทำร้ายหลี่กุ้ยเฟยมาก่อน ทั้งหมดนี้เป็นความเต็มใจและเป็นทางเลือกของหลี่กุ้ยเฟยเอง แต่เสี่ยวเสวียมาป้ายความผิดทั้งหมดนี้ให้ตน จึงทำให้นางรู้สึกทุกข์ใจ
นางและหลี่กุ้ยเฟยเคยเป็นศัตรูต่อกัน แต่นางก็ยังตกลงที่จะช่วยดูแลบุตรให้หลี่กุ้ยเฟย เดิมทีมิง่ายและบัดนี้ได้รับการปฏิบัติอย่างมิเป็นธรรมอีกด้วย
เวลานี้มู่จวินฮานและอันหลิงเกอยังคาดมิถึงในจุดประสงค์แท้จริงของเสี่ยวเสวียเพราะอีกฝ่ายมิได้มีความสามารถมากมายเพียงนั้น นางแค่อยากยั่วยุอันหลิงเกอและองค์ชายน้อยให้บาดหมางในความสัมพันธ์กันเท่านั้น
หลังจากฮ่องเต้ทราบเรื่องนี้ก็ส่งแม่นมคนใหม่มา
แม้มิได้ตรัสอันใดแต่ก็มองออกว่าฮ่องเต้มีความสงสัยต่อจวนอ๋องมู่แล้ว
ส่วนคนที่วังหลวงส่งมาดูแลองค์ชายน้อย หากบอกให้ตายก็ต้องตายเช่นนั้นหรือ ?
จ้าวหลานชางเติบโตมาในจวนอ๋องมู่และในช่วงเวลานี้องค์ชายเจ็ดย่อมรู้แก่ใจดีว่าตนเป็นลูกไก่ในกำมือของมู่จวินฮานจึงมิกล้าลงมือทำอันใด
ผ่านไปอีกครึ่งปีอันหลิงเกอก็ให้กำหนดบุตร
เช่อเฟยและสนมทุกคนในจวนถูกมู่จวินฮานส่งไปอยู่ข้างนอกและก่อนที่อันหลิงเกอจะให้กำเนิดบุตร เขาก็ดูแลและปกป้องนางเป็นอย่างดี
อันหลิงเกอให้กำเนิดบุตรชาย 1 คนและบุตรีอีก 1 คนซึ่งทำให้มู่จวินฮานดีใจเป็นอย่างมาก
มิว่าเป็นบุตรชายหรือบุตรีเขาก็ชอบทั้งสิ้น ต่อไปนี้จวนอ๋องมู่ก็จักมีซื่อจื่อตัวน้อยแล้ว
“จวินฮาน…” เมื่ออันหลิงเกอเห็นมู่จวินฮานและเด็กที่อยู่ในอ้อมอกของเขา รอยยิ้มแห่งความสุขก็แสดงออกทางใบหน้าอย่างอดมิได้ ส่วนชางเอ๋อที่อยู่ข้างนอกก็ห่างจากอกผู้เป็นมารดา ทว่าเขายังเด็กมาก ครั้นเห็นสีหน้ามิยินดีของแม่นมจึงมิเข้าใจ
บัดนี้อันหลิงเกอให้กำเนิดบุตรชายแล้ว นี่คือหายนะของวังหลวงในภายภาคหน้า
หากได้รับการสืบทอดตำแหน่งในจวนอ๋องมู่ ฮ่องเต้ต้องเริ่มระแคะระคายในความซื่อสัตย์ของอ๋องมู่เป็นแน่
หากเป็นเช่นนี้การที่อ๋องมู่มีทายาทก็อาจมีแผนการอื่นก็ได้
หากแค่เด็กทารกเพศหญิงวันข้างหน้าก็คงมิพ้นตำแหน่งจวิ้นจู่ แต่ในเมื่อเป็นคุณชายน้อย ต่อไปมู่จวินฮานและอันหลิงเกอก็คงยกจวนอ๋องมู่ให้เขา บางทีอาจมากกว่าก็ได้
มินานแม่นมก็ส่งสารเข้าไปในวัง แต่ฮ่องเต้มิได้ตรัสอันใดเพราะยังต้องพึ่งพามู่จวินฮานเพื่อความสมดุลในอำนาจจึงทำอันใดมิได้ชั่วคราว
มิกี่วันหลังจากให้กำเนิดบุตร มู่จวินฮานมิยอมให้อันหลิงเกอลงจากเตียงและมิให้ผู้ใดเข้าเยี่ยม
มู่จวินฮานคิดว่าการพบคนมากมายย่อมมิดีต่อตัวนาง อันหลิงเกอเมื่อเห็นท่าทางของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นห่วงนางมากจึงเกิดความอบอุ่นใจขึ้นมา
ผ่านไปสามเดือนก็ถึงงานฉลองครบหนึ่งร้อยวันของเด็กน้อย องค์ชายและเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่มากมายล้วนมาแสดงความยินดีถึงในจวนอ๋อง
อันหลิงเกอและมู่จวินฮานต้อนรับแขกอยู่ห้องโถงด้านหน้า ส่วนเด็กทั้งสองยังนอนหลับอยู่ในเปล
แม่นมค่อย ๆ เดินเข้าไป
“อย่าถือโทษโกรธข้าน้อยเลย ผู้ใดใช้ให้พวกท่านสร้างความขุ่นเคืองพระทัยต่อฝ่าบาทเล่า ! ”
ใบหน้าอิ่มเอมของเด็กผู้หญิงทำให้นางลงมือมิได้ นางจึงหันไปมองเด็กผู้ชายอีกด้านแล้วจ้องเขาด้วยแววตาพราวระยับแต่มือยื่นไปบีบคอของเขา
แม่นมลงมือฆ่าเด็กผู้หญิงมิได้ ทว่าจากนี้ไปจวนอ๋องมู่จักไร้ทายาทสืบสกุล !
“ชางเอ๋อ ? ชางเอ๋ออยู่ที่ใดเจ้าคะ ? ” ในเวลานี้แม่นมก็ได้ยินเสียงเรียกของซางกวนถง
ตั้งแต่อันหลิงเกอตั้งครรภ์ มู่เหล่าหวางเฟยก็ให้ซางกวนถงอยู่ดูแลที่นี่มาโดยตลอด
“กู่เหนียง คุณชายใหญ่อยู่กับข้าเอง” เสียงไร้เดียงสาของชางเอ๋อดังออกมาจากในห้อง ซางกวนถงจึงยกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เดินมาทางนี้พอเห็นชางเอ๋อกำลังดูน้องชายและน้องสาวอย่างจริงจัง ซางกวนถงจึงเกิดความอบอุ่นขึ้นในใจ
แม่นมกัดฟันกรอดแต่ใบหน้ายังแต้มยิ้ม นางมิได้อยู่ที่นี่ต่อทว่าตามซางกวนถงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณชายใหญ่และเด็กทั้งสองเพราะในห้องโถงด้านหน้าก็มีคนมากมายกำลังรอพวกเขาอยู่
ชางเอ๋อเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็มายังห้องโถง งานฉลองครบรอบหนึ่งร้อยวันของเด็กทารกเดิมทีมิได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเขา แต่อันหลิงเกอหาอาจารย์สอนวิชากระบี่ให้เขาท่านหนึ่งและนี่จึงเป็นโอกาสดีในการพบกัน
มู่จวินฮานมิมีเวลาสอนเขาทุกวัน อันหลิงเกอก็ทำได้แค่หาคนอื่นมาทดแทน
เนื่องจากอยู่ในวังมาเนิ่นนาน ซางกวนถงเป็นกังวลว่าในใจของชางเอ๋อจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่อันหลิงเกอมิได้ตระหนักถึงข้อนี้
ซางกวนถงทอดถอนใจ ยังมิทันได้สติกลับมาก็ถูกคนสวมกอดจากด้านหลัง นางยกยิ้มบางเพราะคนที่ยังอยู่ที่นี่เวลานี้คิดแล้วก็มีแค่ซูโจวเท่านั้น
“เสี่ยวถง” ซูโจวหันกายนางกลับมา จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน ความคึกคักในวันนี้เหมาะเป็นโอกาสที่ดีให้ทั้งสองคน ในขณะที่ภายในจวนกำลังมีเสียงอึกทึก ทั้งสองคนก็อยู่อย่างเงียบ ๆ ด้านนี้
ซางกวนถงยกยิ้มเล็กน้อย นางมิอาจทิ้งอันหลิงเกอไปได้ ทว่านางเคยสัญญากับซูโจวไว้แล้วว่าหลังจากอันหลิงเกอให้กำเนิดบุตรก็จะสารภาพเรื่องของพวกตนออกไป
“มิต้องกล่าวหรอก ข้าเข้าใจ” แท้จริงแล้วเขามิเคยคิดไปจากจวนอ๋อง เพียงแต่ถ้ามิไปจากที่นี่ เขาก็ไม่สามารถมอบสถานะใดให้ซางกวนถงได้เลยเพราะทั้งสองคนอยากใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยาทั่วไป
“รออีกหน่อยเถิด” ซางกวนถงทอดถอนใจ ในเวลาเดียวกันก็กอดซูโจวไว้แน่น เวลานี้อันหลิงเกอกลับมาหยิบผ้าคลุมไหล่และเห็นภาพนี้พอดี
ความจริงนางรู้นานแล้วว่าระหว่างซางกวนถงและซูโจวต้องมีความสัมพันธ์ที่มิธรรมดาอย่างแน่นอน ยังเคยคิดให้พวกเขาออกไปใช้ชีวิตของตนด้วย เพียงแต่ที่ผ่านมาซางกวนถงและซูโจวก็มิเคยเอ่ยปากบอกอันใดกับนางสักคำ
บัดนี้พอเห็นทั้งสองคนกอดกัน ในใจนางก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
ซูโจวอยู่ข้างกายนางมานานหลายปี ส่วนซางกวนถงก็เพิ่งรู้จักหลังจากมู่เหล่าหวางเฟยคืนอิสรภาพให้ แต่โชคชะตาของทั้งสองคนนี้ว่าไปแล้วก็ช่างยอดเยี่ยมมิน้อย
เห็นทั้งสองคนมีความสุข นี่เป็นความปรารถนาในใจของอันหลิงเกอ
“นี่ พวกเจ้ามิกลัวฟ้าผ่ากันบ้างหรือ ? ” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังมอบจุมพิตกันนั้น ชิงเฟิงก็ปาเศษหินก้อนหนึ่งลงมาจากหลังคาแล้วตกใส่ศีรษะของซูโจวพอดี
ทั้งสองคนเงยหน้ามองชิงเฟิง ทันใดนั้นแก้มของซางกวนถงก็แดงระเรื่อ นางคาดมิถึงว่ามีคนมาเห็นเข้า คิดได้ดังนั้นทั้งสองจึงรู้สึกลำบากใจมิน้อย
“โน้น พระชายาก็เห็นแล้ว” ชิงเฟิงเชิดปลายคางแล้วส่งสัญญาณให้พวกเขาหันไปมองยังทิศทางที่อันหลิงเกอจากไป ซางกวนถงและซูโจวเงยหน้ามองออกไปก็เห็นแผ่นหลังของอันหลิงเกอพอดี
พวกนางมิรู้ว่าอันหลิงเกอคิดอันใดจึงเกิดความกระวนกระวายใจขึ้นมา ชิงเฟิงทำได้แค่ส่ายหน้าเพราะเขาติดตามอันหลิงเกอมานานจะมิเข้าใจได้เยี่ยงไร นางต้องส่งเสริมทั้งสองคนอยู่แล้ว
ซางกวนถงจึงรีบตามไปอย่างเขินอาย ทักษะการฟังของอันหลิงเกอไวต่อมาก นางยังมิทันได้หันกลับไปมองก็รู้ว่ามีคนไล่ตามมาด้านหลัง นางจึงขวางซางกวนถงไว้ตรงหัวมุมทางเดิน จากนั้นก็ดีดหน้าผากของอีกฝ่าย