ตอนที่ 487 อนุญาตเรื่องแต่งงาน
“พระชายาเจ้าคะ” ซางกวนถงกระวนกระวายใจมากจึงเกือบชนอันหลิงเกอเข้าเต็มแรง ครั้นได้สตินางก็รีบก้มหน้าลง อันหลิงเกอจึงมองอีกฝ่ายที่ใบหน้าแดงระเรื่อจึงรู้ว่านางอยากสนทนาเรื่องซูโจวแน่นอน อันหลิงเกอจึงมิได้เดินต่อไปข้างหน้าแล้วรออีกฝ่ายพูดจนจบ
“พระชายา เมื่อครู่ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ” ซางกวนถงแสดงสีหน้าเขินอาย แม้แต่สบตากับอันหลิงเกอก็ยังมิกล้าจึงได้แค่เอ่ยถามออกมา
“อืม” อันหลิงเกอพยักหน้า จากนั้นก็มองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน ซางกวนถงซื่อสัตย์มาโดยตลอดและอยู่ข้างกายนางโดยที่มิเคยทะเยอทะยานอันใด เวลานี้การหยอกล้ออีกฝ่ายจึงเป็นเรื่องน่าสนุก
“พระชายา พวกเรา พวกเราตั้งใจว่ารอพระชายาให้กำเนิดบุตรเสียก่อนแล้วค่อยเรียนเรื่องนี้กับพระชายา แต่ก็มิสบโอกาสเลย…พระชายาให้โอกาสด้วยเถิด ได้โปรดอย่ารายงานเรื่องนี้ต่อเหล่าหวางเฟยได้หรือไม่เจ้าคะ ? ”
ดูเหมือนซางกวนถงกล่าวด้วยความร้อนใจไปหน่อย นางจึงมิทันระวังแล้วเผลอกัดริมฝีปากของตน อันหลิงเกอเห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วจึงอดยกยิ้มมิได้
“พระชายา เสี่ยวถงหวังแค่ให้พระชายาช่วยส่งเสริมเราสองคน เรา…อยากหาที่ดินสักแห่งแล้วใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยาทั่วไปเจ้าค่ะ”
ครานี้ซางกวนถงยืนหยัดโดยมิได้ลังเลแต่อย่างใด นางเอ่ยความในใจออกมาด้วยความหนักแน่น อันหลิงเกอจึงอดมองซางกวนถงที่อยู่ตรงหน้ามิได้ สาวน้อยผู้นี้ดูเหมือนว่ามิเหมือนเดิมเสียแล้ว
“ข้าอนุญาต ! ” อันหลิงเกอมิพูดมากความแต่ยกยิ้มและยื่นมือไปดีดหน้าผากของซางกวนถงอีกครั้ง จากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องโถงด้านหน้า
“ขอบพระคุณพระชายาเจ้าค่ะ ! ” ซางกวนถงซาบซึ้งอยู่นานมาก กระทั่งอันหลิงเกอเดินไปไกลแล้วนางถึงได้สติจนรีบตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
ด้วยความช่วยเหลือจากอันหลิงเกอแล้ว เหล่าหวางเฟยต้องเห็นด้วยแน่นอน!
อันหลิงเกอหันหลังให้ซางกวนถงตลอดโดยมิได้กล่าวอันใด แต่ใบหน้าของนางแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ด้านซางกวนถงวิ่งกลับมายังลานด้านหลังแล้วบอกข่าวดีแก่ซูโจว
“พระชายาเห็นด้วยแล้วหรือ ? ” ซูโจวตื่นเต้นอย่างมากแต่ชิงเฟิงที่นั่งอยู่บนหลังคารู้สึกผิดหวังเพราะหากทั้งสองออกไปสร้างครอบครัว ที่นี่ก็คงเหลือเขาเพียงคนเดียว
แต่เขาก็ดีใจด้วยอย่างสุดซึ้ง กว่าที่ทั้งสองคนจะมีวันนี้ได้ก็มิใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ อย่างไรทั้งสองก็อยู่ปรนนิบัติรับใช้อันหลิงเกอมานานถึงเพียงนี้ซึ่งก็มากพอที่จะให้เป็นอิสระเสียที
ทว่าคนที่เขานึกถึงเป็นคนแรกก็คือหมิงซิน มู่จวินฮานและอันหลิงเกอเป็นคนที่เข้าใจและมีเหตุผล มิรู้ว่าวันข้างหน้าเรื่องของเขาและหมิงซิน…
มีแค่ซางกวนถงคนเดียวที่อยู่ดูแลเด็กน้อย ใบหน้าของนางยังจมอยู่ในห้วงความสุข
งานฉลองจบลงอย่างรวดเร็ว อันหลิงเกอกลับเข้ามาในห้อง ส่วนซางกวนถงก็ไปยกน้ำชามาให้อันหลิงเกอ
“ซางกวนถงกู่เหนียง ให้ข้าช่วยเจ้าเถิด” ซางกวนถงมองแม่นมที่เดินเข้ามาช่วย นางจึงยกน้ำชาจากในครัวให้อีกฝ่ายจัดการ แม่นมมาจากในวังจึงทำให้นางมิกล้าล่วงเกิน
ซางกวนถงออกไปตักน้ำแต่นึกขึ้นได้ว่ายังมิได้หยิบถังน้ำมาด้วย นางจึงเดินกลับไปซึ่งประจวบเหมาะกับที่แม่นมกำลังใส่อันใดบางอย่างลงในน้ำชา นางจึงรีบเข้าไปดึงแม่นมไว้
“สารหนูอย่างนั้นหรือ ? ” ซางกวนถงแสดงสีหน้ามิอยากเชื่อออกมา คาดมิถึงว่าแม่นมผู้นี้จักใส่สารหนูลงในน้ำชา นางจึงรีบคว่ำน้ำชาและดึงตัวหญิงแก่ใจดำไว้
แม่นมคาดมิถึงว่าซางกวนถงจะย้อนกลับมาอย่างฉับพลันจึงเกิดความกลัวขึ้นในใจ จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันที
“เจ้ามีจุดประสงค์อันใด ! ”
“กู่เหนียง เจ้ากำลังทำให้ข้าตกใจและนี่เป็นเพียงน้ำตาลเท่านั้น” แม่นมนึกได้ว่าซางกวนถงอยู่ในวังมานาน บางทีอาจแยกน้ำตาลกับสารหนูมิออก
“แม้ข้ามิเคยเห็นแต่ก็เคยได้ยินลักษณะมาก่อน เห็นชัดว่ามันคือสารหนู ! ”
“ข้าน้อย ข้าน้อยถูกใส่ความ ! ”
แม่นมคุกเข่าลงพร้อมก้มหัวคำนับกับพื้น “กู่เหนียงก็รู้ว่าหากใส่ความข้าน้อยแล้วความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับจวนอ๋องมู่มีจุดจบเยี่ยงไร ? ท่านก็รู้ ท่านเพียงผู้เดียวแบกรับภาระทั้งหมดนี้มิได้หรอก ! ”
“เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร ? ” ซางกวนถงสับสนอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วก็ถูกแม่นมเดินอ้อมมาด้านหลังและรัดคออย่างโหดเหี้ยม
“เจ้า ! ”
เมื่อเห็นซางกวนถงยังส่งเสียงร้อง แม่นมจึงดึงปิ่นออกมาแล้วแทงบนหน้าอกของอีกฝ่าย
หลังจัดการเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว นางก็อุ้มคุณชายใหญ่ออกมาวางทิ้งไว้ด้านข้างและพยายามสร้างสถานการณ์ที่น่าสงสัยให้คนรอบข้างเห็น
ในตอนที่อันหลิงเกอและคนอื่นมาถึงก็พบว่าซางกวนถงและชางเอ๋อนอนอยู่บนพื้นโดยที่ซางกวนถงสิ้นลมหายใจ ส่วนชางเอ๋อยังคงหลับใหล
เมื่อซูโจวเห็นซางกวนถงนอนจมกองเลือดจึงรีบไปอุ้มนางขึ้นมา จากนั้นก็กระโดดออกไปและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อันหลิงเกอมองไปยังทิศทางที่ซูโจวจากไป ในใจของนางก็เจ็บปวดมิแพ้กันเพราะนางกับซางกวนถงเปรียบเสมือนพี่น้อง แต่อีกฝ่ายต้องมาตายทั้งที่ยังเยาว์วัย
ส่วนชิงเฟิงก็รีบวิ่งไปอุ้มชางเอ๋อกลับเรือนโดยมิลังเล บัดนี้ซางกวนถงมิอยู่แล้วจักให้คุณชายใหญ่เป็นอันใดมิได้เด็ดขาด
“ท่านแม่ ท่าน…” ชางเอ๋อตื่นขึ้นมาได้มินาน ซูโจวก็กลับมาจากนอกจวน อันหลิงเกอรู้ว่าเขาอยากถามเรื่องอันใด นางจึงมิได้ขวางเขาเพราะถึงอย่างไรทุกคนก็อยากรู้ความจริงว่าผู้ใดสังหารซางกวนถง
“ชางเอ๋อทราบหรือไม่ว่าผู้ใดทำเรื่องทั้งหมดนี้ขอรับ ? ” ซูโจวลดน้ำเสียงให้เนิบลงเพราะมิอยากทำให้เด็กน้อยตกใจกลัว
เนื่องจากเด็กยังเล็กจึงกล่าวอ้ำอึ้งมิได้ใจความอันใด
ซูโจวจึงหวังแค่ให้เขาระบุตัวตนได้ก็พอ
“ฮึก แง”
เด็กน้อยก็จำเรื่องอันใดมิได้เพราะแม่นมอุ้มชางเอ๋อออกมาในตอนที่เขากำลังหลับ
“ชางเอ๋อมิเป็นไร ยังมีแม่นมอยู่เจ้าค่ะ”
แม่นมแกล้งอุ้มเอาใจเด็กน้อยแต่มุมปากกระตุกยิ้มซ่อนเร้น
ซูโจวจึงถามอันใดมิออกอีก เขาได้แต่กำหมัดแน่นจากนั้นก็วิ่งออกไปข้างนอก อันหลิงเกออยากตามออกไปแต่ถูกชิงเฟิงขวางไว้ พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอยู่คนเดียว
เวลานี้ซูโจวฝังร่างของซางกวนถงไว้บริเวณเรือนที่เตรียมพร้อมแล้ว นี่เป็นเรือนที่เขาเตรียมไว้หากออกจากจวน พวกเขาคิดว่าจักมาอาศัยอยู่ที่นี่แต่คาดมิถึงว่านางด่วนจากไปเร็วเยี่ยงนี้
อันหลิงเกอมองชางเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียง เรื่องนี้มิสามารถตรวจสอบได้แต่วันข้างหน้านางต้องปกป้องคนข้างกายให้ดีที่สุดและมิให้เกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้นอีก !
มู่จวินฮานยังอยู่ในห้องโถงด้านหน้าและมิมีผู้ใดกล้าเข้าไปรบกวน ทว่าข่าวนี้ก็แพร่มาเข้าหูเขาอย่างรวดเร็ว แม้แต่เหล่าหวางเฟยก็รีบกลับมา
สถานะของซางกวนถงมิได้สูงนัก กอปรกับเรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายน้อย ด้วยเหตุนี้การฝังศพโดยพลการของซูโจวจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
เพราะหากข่าวกระจายออกไปก็คงทำให้จวนอ๋องเกิดเรื่องโกลาหลขึ้นแน่
มินานมานี้นางกำนัลข้างกายขององค์ชายก็เพิ่งตายไป หากตายเพิ่มอีกคนก็เกรงว่าจะสร้างความสงสัยมากขึ้น
เรื่องนี้พวกเขาจึงทำเพียงเก็บไว้เป็นความลับเพราะเป็นการปกป้องทุกคนได้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ชายน้อย ถึงอย่างไรอันหลิงเกอก็เห็นเขาเป็นเหมือนบุตรของตน