บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 230 เค้าลาง
พรึบ! หลังจากการสู้รบจบลง วัลเดนก็จุดไฟเผาร่างผู้ที่ตายทั้งหมดโดยก่อนหน้านั้นมันเอาเครื่องแต่งกายและอาวุธของพวกโจรเลื่อนออกมาหมดแล้ว
“ขอบใจนะเจ้าหนู วันนี้ง่ายขึ้นเพราะเจ้าเลย”วัลเดนว่าพลางโยนรองเท้าและเสื้อให้กับไปจูเหวินเพราะมันแทบไม่เหลืออะไรใส่เลยคนพวกนี้เองก็เป็นมันที่จัดการส่วนแบ่งเลยเป็นของมัน
“แต่ถึงไม่มีข้าท่านก็จัดการได้ไม่ใช่เหรอ”ไปจูเหวินถามแม้จะสู้อย่างสูสีกับคนที่ใช้ขวานคู่แต่โจรคนอื่นๆก็ทําอะไรวัลเดนไม่ได้เลยเห็นได้ชัดเลยว่าพอวัลเดนเอาชนะคนที่ใช้ขวานคู่ได้พวกที่เหลือก็ได้แต่รอความตายเท่านั้น
“ข้าถึงได้บอกไงว่าเจ้าทําให้มันง่าย ขึ้น”วัลเดนว่าพลางมองไปที่ไปจูเหวินเมื่อเห็นมันกําลังเหม่อมองทะเลอยู่มันก็ส่ายหน้าเบาๆ
“ตอนมองทะเลเจ้าคิดอะไรอยู่”วัลเดนถามด้วยความสงสัย
“ข้ารู้สึกโหยหา”ไปจูเหวินตอบ ไม่ทราบว่าทําไมพอมองไปที่ทะเลแล้วมันกลับรู้สึกอยากลงไปในทะเลอย่างประหลาด
“เจ้าเป็นบุตรชายของเทพแห่งท้องทะเลหรือไงถึงได้รู้สึกแบบนั้น”วัลเดนหัวเราะพลางลุกขึ้นยืน มันเดินไปที่เรือของพวกคนเถื่อนพลางเอาเรือเก็บเข้ามาในมิติอย่างรวดเร็ว
“เทพแห่งท้องทะเล?ท่านหมายถึงอะไรงั้นเหรอ”ไปจูเหวินถามด้วยความสนใจ
“เอาไว้กลับมาข้าจะเล่าให้ฟัง” วัลเดนว่าพลางเดินกลับขึ้นไปบนชายฝั่งพร้อมเรือและของใช้ที่พวกโจรเอามา
“กลับมา? ท่านจะไปไหนเหรอ”ไปจูเหวินถามอย่างประหลาดใจพึ่งสู้เสร็จแท้ๆวัลเดนจะไปไหนเสียแล้ว
“ข้าจะไปในเมือง ไปรายงานทหารว่าข้าจัดการพวกโจรแล้วก็เอาของๆพวกมันไปขายด้วย”วัลเดนตอบพลางเดินขึ้น เนินไปด้วยท่าที่เนิบนาบแม้จะห่างกันไม่มากแต่เพราะเป็นทางขึ้นเนินการเดินทางจึงใช้เวลาไม่น้อยเลย
“ข้าไปด้วย”ไปจูเหวินว่าพลางเดินตามวัลเดนไปอย่างรวดเร็วแน่นอนว่าวัลเดนไม่ได้ห้ามอะไรไปจูเหวินอยู่แล้วเพราะถึงอย่างไรเมืองที่พวกมันไปก็เป็นแค่เมืองเล็กๆไม่ได้มีการตรวจตราอะไรแน่นหนานักพอเห็นไปจูเหวินเดินมากับวัลเดนคนเฝ้าประตูก็มองครู่หนึ่งพลางถามวัลเดนเล็กน้อยพอทราบว่าเป็นผู้ช่วยของวัลเดนมันก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
“วันนี้พวกมันก็โจมตีอีกแล้วหรือขอรับคุณวัลเดน” ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามพลางยิ้มกว้างให้กับวัลเดนดูภายนอกแล้วมันเป็นชายผมสีน้ําตาลแต่งกายเรียบร้อยและมีก ระเป๋าใบใหญ่อยู่ด้านหลังท่าทางจะเป็นนักเดินทางหรืออะไรสักอย่าง
“ใช่”วัลเดนวันว่าเอาของที่ได้จากพวกโจรออกมาจากมิติของมันแม้แต่เรือก็เอาออกมาด้วยแต่ชาวบ้านรอบๆไม่ได้ตกใจอะไรเลย
“วันนี้ก็เหมือนเดิมสินะขอรับ”ชายผมน้ําตาลยิ้มพลางวางกระเป๋าด้านหลังมันลงในกระเป๋าของมันนั้นมีอาหารและเสื้อผ้าจํานวนหนึ่งน่าจะพอกินได้สัก 2 อาทิตย์
“วันนี้ขอสัก 2 เท่าได้ไหม พอดีข้ามีผู้ช่วยใหม่มาด้วย”วัลเดนถามพลางใช้นิ้วหัวแม่มือชี้มาทางไปจูเหวิน
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาขอรับ แต่ช่วยรอสักครู่นะขอรับพอดีข้าเตรียมมาให้เท่าเดิมพอดี” ชายผมน้ําตาลยิ้มกว้างพลาง ทําท่าจะยกกระเป๋าขึ้นหลังไม่ทราบทําไมมันถึงดีใจที่จะ จ่ายเพิ่มแทนที่จะเสียใจกันนะ
“ไม่ต้องหรอก ข้าจะไปในเมืองหน่อยเอาไว้จะมาเอาขากลับก็แล้วกัน”วัลเดนว่าพลางเอากระเป๋าของชายผมน้ําตาลเข้ามาในมิติของมันราวกับจะบอกว่าไม่ต้องแบกกลับไปให้เมื่อยแล้วไปเตรียมของที่บอกมาเสีย
“ขอรับ ข้าจะรีบจัดการให้”ชายผมน้ําตาลว่าพลางยิ้มกว้างแม้การโดนขอของตอบแทนเพิ่มเป็นสองเท่าจะเป็นเรื่องที่พ่อค้าอย่างมันไม่ค่อยชอบแต่สําหรับวัลเดนแล้วมันยินดีจะเพิ่มให้อย่างเต็มใจเพราะราคาข้าวของที่วัลเดนเอามาให้หลังจากปราบโจรได้นั้นมีราคา มากกว่าอาหารที่มันเอามาให้มากมายนัก แถมเหนืออื่นใดวัลเดนยังคอยไล่พวกโจรไปโดยไม่ได้ร้องขอสิ่งตอบแทนอะไรไปมากกว่านี้เลยต่อให้มันยัดเยียดให้มันก็โดนวัลเดนตอบกลับมาว่าคนแก่ใกล้ลงโรงจะเอาของมีค่ามากมายไป ทําอะไรแค่อาหารประทั้งชีวิตก็พอแล้ว
“เจ้าหนูเพิร์ล มานี่” วัลเดนว่าพลางกวักมือเรียกไปจูเหวินที่อยู่ด้านหลังมันพาไปจูเหวินเข้าไปในเมืองระหว่างรอแม้เมืองจะไม่มีอะไรมากนอกจากบ้านไม่กี่หลังและโบสถ์เล็กๆเท่านั้น
“ทางนี้”วัลเดนว่าพลางพาไปจูเหวินเข้าไปในช่องว่างระหว่างบ้านสองหลังก่อนจะทะลุมาด้านหลังบ้านที่มีผ้าสีแดงผืนหนึ่งจึงเอาไว้ระหว่างบ้านกับต้นไม้ราวกับเป็นเต็นท์ขนาดเล็กไม่มีผิด
“เฮ้ ตื่น”วัลเดนว่าพลางเขย่าผ้าสีแดงเบาๆ ทําให้คนที่อยู่ใต้ผ้าออกมาแต่โดยดี
“อะไรกัน มารบกวนอะไรแต่เช้า”เสียงที่ตอบมานั้นเป็นเสียงของผู้หญิงยิ่งร่างบางในชุดไม่ค่อยเรียบร้อยของนางดูแล้วมีเสน่ห์ไม่น้อย
“นี่มันจะหัวค่ําอยู่แล้วนะ” วัลเดนว่าพลางปล่อยมือออกจากเต็นท์ของนาง
“ก็นั่นละเช้าของข้า” หญิงสาวตอบพลางหาวออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
“ว่าแต่ มีธุระอะไรถึงแวะมาหาข้าได้” หญิงสาวถามพลางมองไปทางไปจูเหวินเด็กหนุ่มคนนี้ดูไม่คุ้นหน้าเลยแถมสีผมสีดําก็ไม่เหมือนคนแถบนี้อีกต่างหาก ดูแล้วเหมือนคนต่างแดนไม่มีผิด
“เจ้าเดินทางมาหลายดินแดนข้าเลยอยากจะให้เจ้าช่วยเจ้าหนุ่มนี่หน่อย”วัลเดนตอบเสียงเรียบพลางเดินกลับมาหาไปจูเหวินอีกครั้ง
“มีอะไรให้ข้าช่วยงั้นเหรอ หรือว่าจะให้ข้าช่วยทําให้เขากลายเป็นหนุ่มกัน” หญิงสาวยิ้มพลางมองไปจูเหวินอยู่ครู่หนึ่งแม้จะเหมือนคนต่างถิ่นแต่ก็เป็นคนต่างถิ่นที่รูปงามไม่น้อย
“เฮ้อ ข้าอยากถามาว่าเจ้าคุ้นหน้าเจ้าหนุ่มนี้หรือเปล่า เมื่อตอนสายมันโผล่ขึ้นมาจากชายฝั่งบอกว่าจําอะไรไม่ ได้เลย”วัลเดนว่าพลางส่ายหน้าเบาๆกับความคิดของหญิง สาว
“คิกคิก ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเองไหนดูสิ” หญิงสาวว่าพลางเดินเข้ามาใกล้ตัวไปจูเหวินมากกว่าเดิมอาจจะเพราะเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ค่อยเรียบร้อยของนางทําให้นางดูยั่วยวนไม่น้อยแต่ไปจูเหวินกลับรู้สึกคุ้นๆกับท่าทีของนางอยู่มาก
หมับ! มือเรียบยาวของหญิงสาวจับเข้าที่แก้มของไปจูเหวินพลางลูบคลําเบาๆ นางลากฝ่ามือลงมาที่คอของไปจูเหวินพลางลูบตามไหล่ของมันช้าๆ
“อืม…แข็งแกร่งจริงๆ” หญิงสาวพูดด้วยน้ําเสียงหวานหยดย้อยพลางมองผ่านเสื้อผ้าเก่าๆของพวกโจรอย่างสนอกสนใจนางสัมผัสพลังของไปจูเหวินช้าๆด้วยความตกใจ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มขนาดนี้จะมีพลังมากมายเช่ นนี้ได้ต่อให้เป็นพวกที่อยู่ในเมืองหลวงก็คงหาคนในวัยนี้ที่มีพลังเทียบเท่ากับมันได้ยากเต็มที่
“ข้าว่าข้าไม่เคยเจอเขาหรอกนะ” หญิง สาวว่าพลางยิ้มออกมาหากได้เห็นชายที่โดดเด่นเช่นนี้นาง คงไม่มีวันลืมแน่ๆเพราะฉะนั้นนางจึงมั่นใจว่านางไม่เคยเจอไปจเหวินอย่างแน่นอน
ฟุบ! อยู่ๆมือของหญิงสาวก็เลื่อนมาที่ดวงตาของไปจูเหวิน ด้วยความตกใจดวงตาของมันจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงตามสัญ ชาตญาณแต่พอมองดีๆมันถึงทราบว่านางเพียงจะเปิดดวงตาของไปจูเหวินดูเท่านั้น
“อืม…. ผมสีดําตาสีแดง” หญิงสาวพูดราวกับใช้ความคิด ผมสีดําเป็นสีที่แปลกในอาณาจักรแห่งนี้ตัวนางเองยังมีผมสีน้ําตาลแดงส่วนสัลเดนแม้ตอนนี้ผมจะเริ่มขาวแล้วแต่ มันก็เคยมีผมสีทองมาก่อนนั่นทําให้คนที่มีผมสีดําอยู่ในกลุ่มที่จําแนกออกมาได้ง่ายนั่นเอง
“คุ้นๆงั้นเหรอ”วัลเดนถามพลางมองหญิงสาวด้วยความสงสัย
“อืม..ถึงข้าจะไม่เคยเจอพ่อหนุ่มคนนี้แต่ข้าว่าข้าเคยเจอคนที่คล้ายๆกัน”หญิงสาวรําพึงพลางปล่อยมือออกจากดวงตาของไปจูเหวิน
“ขอข้าคิดสักหน่อยนะ” หญิงสาวว่าพลางใช้นิ้วสัมผัสริม ฝีปากตนเองแต่มืออีกข้างกลับยื่นมาทางวัลเดนราวกับจะเรียกเก็บเงินไม่มีผิด
“เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าไม่มีเงิน”วัลเดนว่าพลางนําของอย่างหนึ่งออกมาจากมิติมันเป็นก้อนหินสีแดงรูปร่างแปลกๆดูมีค่าแต่ก็ไม่เท่าพวกแร่หายาก
“ช่วยงานท่านนี้มีแต่ขาดทุนจริงๆ” หญิงสาวบ่นพลางมองมาทางไปจูเหวิน
“ที่ปราสาททางเหนือสุดชายแดนอาณาจักร ไชน์ ที่นั่นมีครอบครัวขุนนางครอบครัวหนึ่งที่มีเส้นผมสีดําและดวงตา สีแดงสดราวกับโลหิต” หญิงเล่าออกมาช้าๆพลางเหล่มอง มาทางไปจูเหวิน
“ทางเหนือ…ไกลเอาเรื่องเลยนี่นาแล้วทําไมเจ้าหนูนี่ถึงมาโผล่ที่นี่ได้”วัลเดนถามด้วยความสงสัย
“ข้าก็ไม่ทราบ แต่หากจะกล่าวถึงเส้นผมสีดําและดวงตาสีแดงที่มาพร้อมพลังมหาศาลคนของตระกูลโรซารี่คงเป็นคําตอบที่ตรงตัวที่สุดกระมัง” หญิงสาวตอบออกไปตามตรง เพราะพลังที่นางสัมผัสได้จากตัวไปจูเหวินนั้นมากจริงๆ
“โรซารี่ตระกูลบ้าเลือดนั่นงั้นเหรอ”วัลเดนมีท่าที่คิดหนังมันไม่เคยไปทางเหนือมาก่อนแต่ก็เคยเจอคนของตระกูลโรซารี่อยู่บ้าง คนในครอบครัวนี้บ้าสงครามและฝึกสอนลูกด้วยดาบแต่ความแข็งแกร่งที่เจ้าหนุ่ม นี่จัดการพวกโจรเถื่อนอย่างง่ายดาย หากบอกว่าเจ้าหนุ่มนี่เป็นคนของโรซารี่ก็คงน่าเชื่อถืออยู่บ้าง
“เจ้าหนู เจ้าอยากลองไปที่ทางเหนือหรือเปล่า”วัลเดนถามพลางมองมาทางไปจูเหวิน
“ข้าไปจูเหวินพูดด้วยท่าที่ลังเล ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่มันจะเป็นแบบนั้นไม่แน่ว่ามันเองอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลนี้เลยก็ได้แถมการเดินทางไปยังแดนเหนือยัง เต็มไปด้วยอันตรายไหนจะพวกโจรไหนจะปีศาจที่ออกมา ตามทางอีก
“ข้าไม่ทราบว่าจะไปเมืองทางเหนือได้อย่างไร ท่านลืมแล้วหรือข้าจะอะไรไม่ได้เลย”ไปจูเหวินว่าพลางมองมาทางวัลเดนอย่าพึ่งพูดเรื่องอย่างการเดินทางไปเมืองทางเห นือเลยไปจูเหวินไม่ทราบเสียด้วยซ้ําว่าหากมันออกจากเมืองนี้ไปสักวันแล้วเดินกลับมามันจะกลับมาถูกหรือไม่