กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 644
กู้ชูหน่วนและฝูกวงทั้งสองคนตามติดอย่างลับๆอยู่ตลอดทาง

เนื่องจากวิชาตัวเบาของลั่วอิ่งร้ายกาจนักและก็ระมัดระวังตัวยิ่งนักพวกเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้เกินไปจึงตามไม่ทันอยู่หลายครั้ง แต่โชคดีที่กู้ชูหน่วนได้วางกลิ่นหอมอย่างหนึ่งบนตัวเขานั่นคือกลิ่นหอมชวนพิศวาส

กลิ่นหอมชนิดนี้ไม่มีสีไม่มีกลิ่น นอกจากนางแล้วไม่มีผู้ใดสามารถได้กลิ่นได้ จึงได้อาศัยกลิ่นหอมฝืนทนตามหาลั่วอิ่งจนพบ

ในยามค่ำคืนในป่าอันหนาวเย็นและเงียบสงบลั่วอิ่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าชายชุดดำสวมหน้ากากผู้หนึ่งด้วยท่าทางที่เคารพนอบน้อม ที่มุมปากบังเกิดคราบเลือดออกมาพร้อมกับลมหายใจอันยุ่งเหยิงในร่างกายราวกับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากชายชุดดำ

กู้ชูหน่วนซ่อนตัวอยู่ในเงาของต้นไม้ใหญ่พร้อมกลั้นหายใจมองดูชายชุดดำด้วยความระมัดระวัง

เนื่องจากหันหลังให้กับนางนางจึงมองเห็นหน้าตาของเขาไม่ชัดเจน แต่ว่าดูจากผมอันหงอกนั้นชายผู้นี้อย่างน้อยก็มีอายุมากกว่าห้าสิบปี

ท่ามกลางความลับๆล่อๆนางได้ยินการสนทนาของพวกเขา

“ข้าน้อยไร้ความสามารถขอนายท่านโปรดลงโทษด้วย”

“พรวด……”

ชายชราชุดดำพลิกฝ่ามือซัดเข้าไปอีกหนึ่งฝ่ามือ ร่างของลั่วอิ่งราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในสายลมซึ่งหล่นลงมาอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

ฝ่ามือนี้มีพลังยิ่งนักทำให้อากาศโดยรอบบังเกิดกลิ่นไอแห่งการสังหารขึ้น

กู้ชูหน่วนอยู่ห่างไกลยังสัมผัสถึงภัยคุกคามแห่งความตายได้

นางกล้ารับประกันว่าพละกำลังของชายชราผู้นี้อย่างน้อยก็ถึงระดับหก

ยอดฝีมือระดับหกทั่วทั้งใต้หล้าพบเห็นได้น้อยนัก

เมื่อมองไปยังลั่วอิ่งอีกก็กระอักเลือดออกมาจากปากอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าซีดเซียวลงในทันที เขาพยายามฝืนคุกเข่าอีกครั้งและพยายามไม่ให้ร่างกายที่เสียหายของเขาล้มลงไป

ลั่วอิ่งก้มศีรษะลงและคุกเข่าราวกับว่ายอมรับในโชคชะตาเสมือนว่าคนตรงหน้าเป็นพระเจ้า โดยที่เขาทำได้เพียงรอการลงโทษจากพระเจ้าอย่างนอบน้อม

ฝูกวงดึงแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนเพื่อส่งสัญญาณว่าจะต้องจากไปหรือเปล่า

ยอดฝีมือดังกล่าวนี้ พวกเขารวมกันทั่งหมดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ และ……

และง่ายที่จะสังเกตเห็นตัวตนได้

กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะ ไม่ง่ายเลยที่จะตามมาได้แล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร ตัวตนของลั่งอิ่งนั้นนางจะต้องค้นหาให้ประจักษ์ชัดให้ได้

“เจ้าล้มเหลวมาหลายครั้งแล้ว”

คำพูดประโยคหนึ่งของชายชราชุดดำนั้นเทียบเท่ากับลงโทษประหารชีวิตลั่วอิ่ง

ลั่วอิ่งก้มศีรษะลงโดยไร้เรี่ยวแรงโต้เถียง

“จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ทำภารกิจล้มเหลวเจ้าน่าจะรู้นะ”

“ทราบขอรับ พิษทั้งห้ากัดกร่อนเป็นเวลาสามร้อยหกสิบห้าวัน ร่างกายจะเปื่อยเน่าจากภายในสู่ภายนอกจนตาย”

“ในเมื่อรู้งั้นก็ไปรับโทษเองซะ”

“ตุ๊บ……”

ชายชราชุดดำขว้างขวดยาขวดหนึ่งลงบนพื้น ร่องรอยความเจ็บปวดแว๊บผ่านในดวงตาอันเยือกเย็นของลั่วอิ่ง เขาหยิบขวดขึ้นมาอย่างสั่นเทาและเทยาเม็ดหนึ่งในนั้นออกมาพร้อมกับยิ้มขมขื่นขึ้นตรงมุมปาก

และมองไปยังชายชราชุดดำใบหน้าเฉยเมยอีกครั้ง สุดท้ายก็ยกคอขึ้นกลืนมันลงไป

หลังจากกลืนยาเข้าไปได้ไม่นานลั่วอิ่งก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวแม้กระทั่งชักกระตุกขึ้น ใบหน้าแสดงถึงความทุกข์ทรมานและร่างกายก็คดงอขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

ลั่วอิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเช่นนั้นในขั้วโลกเหนือก็ไม่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้กินยาเม็ดเล็กๆเม็ดหนึ่งเข้าไปก็ทนทุกข์ทรมานจนใบหน้าบิดเบี้ยวเช่นนี้ มือทั้งคู่กำดินบนพื้นเอาไว้แน่นจนนิ้วมือทั้งสิบนิ้วเกิดเลือดไหลออกมา และก็ไม่รู้ว่าเขาต้องทนทุกข์ทรมานต่อความเจ็บปวดอันใด

เหงื่อ……ไหลลงมาตามหน้าผากของลั่วอิ่งไม่หยุด เขากัดริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้เสียงของความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมา ขณะที่ถึงกับทนไม่ไหวคนทั้งคนก็กลิ้งอยู่บนพื้นเลยโดยตรงกระทั่งถึงกับคว้าเศษดินเป็นกำๆยัดเข้าไปในปากเพื่อพยายามควบคุมไม่ให้ตนเองส่งเสียงเล็ดลอดออกมาแม้เพียงเล็กน้อย

แล้วก็มองดูความเจ็บปวดและความสิ้นหวังในดวงตาของเขาราวกับจะคุ้นเคยกับความทุกข์ทรมานเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว

กู้ชูหน่วนรู้สึกเห็นใจอยู่บ้าง

นี่เป็นการลงโทษที่เขามักจะได้รับหรือ?

เมื่อลืมตาขึ้นและมองดูชายชราในชุดดำกลับเห็นว่าชายชราชุดดำนั้นเฉยเมยโดยไร้ซึ่งความสงสารอันแต่สักเล็กน้อย

ฝูกวงปรากฏใบหน้าอันเหลือทน

การทนต่อความทุกข์ทรมานเช่นนี้หนักหนายิ่งกว่าคำสาปโลหิตของเผ่าหยกของพวกเขาเสียอีก

“ทั้งสองคนดูเพียงพอหรือยัง?”

จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นไม่เพียงแต่ทำให้ฝูกวงตกใจและก็ยังทำให้กู้ชูหน่วนสะดุ้งเล็กน้อย

พวกเขาแทบจะกลั้นหายใจเอาไว้ทั้งหมดและอยู่ไกลมากเช่นนั้น เขากลับ……ยังรู้สึกถึงการอยู่ของนางได้”

“พระชายาหา เจ้าคิดว่าจะสนุกไปจนถึงเวลาใดกัน”

ชื่อก็ถูกเรียกออกมาแล้วกู้ชูหน่วนจึงได้เดินออกไปอย่างเปิดเผย

นางตบๆมือแสร้งทำเป็นผ่อนคลายแล้วกล่าวว่า “ซ่อนตัวอยู่ไกลเช่นนั้นยังถูกเจ้าสังเกตเห็นได้ดูเหมือนว่าข้าต้องฝึกฝนวรยุทธ์การซ่อนลมหายใจให้มากกว่านี้เสียแล้ว”

สี่ตาประสานกัน ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็เห็นดวงตาของชายชราชุดดำได้ชัดเจน

ดวงตาคู่นั้นเป็นเช่นไร ดุดันมากกว่างูพิษนับร้อยนับพันส่วน ดวงตาของเขาไร้ซึ่งความยินดีหรือโศกเศร้าจึงดูอารมณ์ไม่ออก แต่ลมหายใจอันเยือกเย็นนั้นกลับทำให้ผู้คนอดขนลุกขนพองขึ้นไม่ได้

คนผู้นี้เป็นเสมือนงูพิษจำศีลที่สามารถคร่าชีวิตเจ้าได้ตลอดเวลา

“สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไม่มีประตูเจ้ากลับบุกรุก”

“ระหว่างเรามีความแค้นต่อกันหรือ?”

กู้ชูหน่วนพยายามนึกถึงผู้ที่นางทำให้ขุ่นเคือง แต่ดูเหมือนว่าไม่มีความนึกคิดใดต่อตัวละครหมายเลขหนึ่งผู้นี้เป็นพิเศษเลย

เดิมทีนางสงสัยว่าเป็นรองหัวหน้าเผ่าซือคงแต่ลมหายใจนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากรองหัวหน้าเผ่าซือคง

แต่ว่าแตกต่างอันใดกันนางก็ไม่เข้าใจ แต่ลมหายใจนั้นแตกต่างกันจริงๆ

“บอกไม่ได้ว่าโกรธเกลียดมากมายแต่ก็เพียงแค่รู้สึกไม่สบอารมณ์เจ้า”

“เห้อ ไร้หนทาง นิสัยอันสมควรตายของข้านี้ก็ช่างชอบสร้างปัญหาให้กับข้านัก มีคนมากมายเพียงใดเนื่องจากอิจฉาข้าก็ไม่สบอารมณ์ในตัวข้าซึ่งข้าก็เศร้าสร้อยยิ่งนัก”

“……”

“ท่านผู้เฒ่าเจ้าฝึกฝนมือสังหารด้วยความยากลำบากก็ไม่ง่ายดายแล้วก็ทำให้เขาทุกข์ทรมานจนตายทั้งที่มีชีวิตซึ่งผู้ที่เสียเปรียบก็เป็นเจ้า ให้ข้ากล่าวนะเจ้าควรสบายๆหน่อย เช่นไรภายหน้าเขาก็ยังสามารถเป็นเครื่องจักรสังหารของเจ้าต่อไปนะ”

กู้ชูหน่วนเบะปากไปทางลั่วอิ่งที่ยังคงกลิ้งทุรนทุรายด้วยความทรมานและกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ข้าก็ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว มีความแค้นเคืองใดๆพวกเราก็แก้ปัญหากันแบบเผชิญหน้ากันก็ได้แล้ว”

“ก็แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น ตายไปก็ตายไปและข้าได้ใจกว้างต่อเขามากแล้ว”

“เอาเถอะ เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะกล่าวแล้ว ชายผู้นี้ข้าจะพาตัวไป” กู้ชูหน่วนชี้ไปยังลั่วอิ่งด้วยท่าทางอันแน่วแน่

“เพียงแค่พวกเจ้าสองคน?”

“เจ้าคิดว่าอย่างไรหล่ะ?”กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้ย

อย่างไรก็ตามชายชราชุดดำก็ยิ้มกับป่าด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น เมื่อเขาโบกมือร่างสิบแปดร่างก็โผล่ออกมาจากส่วนลึกของป่าอันมืดสนิทซึ่งมองหน้าตาไม่ออก แต่ว่ามองดูจากสายตาที่ไร้ซึ่งความวิตกกังวลอันพร้อมเพรียงกันสามารถมองออกว่าผู้คนเหล่านี้คือมือสังหารทั้งสิ้น

มือสังหารที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก

ความเร็วของคนเหล่านี้ราวกับภูตผีซึ่งไม่ได้แตกต่างจากลั่วอิ่งมากนัก คนจำนวนไม่น้อยที่อาวุธในมือยังมีรอยคราบเลือดอยู่

เมื่อเห็นคราบเลือดเหล่านั้น ในใจของกู้ชูหน่วนก็เกิดรู้สึกไม่เป็นสุขแว๊บผ่านไป