20 สำนักถัง

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 20 สำนักถัง
“หยุด!”
“หยุด!”
ซิงเหมิงตะโกน เช่นเดียวกับที่เขากำลังโจมตี เย่หยูก็หยุด
ซิงเหมิงประสานมือด้านหลัง ซิงเหมิงมองไปยังเย่หยูอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“พอแค่นี้ ฉันรู้สถานการของนายแล้ว!”
เย่หยูมองไปยังซิงเหมิงด้วยสายตาที่คับข้องใจ ฉันยังสู้ไม่พอ งั้นทำไมถึงบอกให้หยุดหละ?
ซิงเหมิงเมินต่อสายตาของเย่หยู ค่อยๆถูมือที่ปวดนิ่งๆและไอแห้งๆออกมา
“มันพูดได้ว่าประสิทธิภาพร่างกายของนายดีมาก”
ซิงเหมิงบ่นในใจ นี่มันไม่ใช่ไอเดียที่ดีเลย นี้มันต้องผิดปกติแน่ๆ
ซิงเหมิงไม่เคยเห็นคนปกติที่มีร่างกายทรงพลังอย่างเย่หยู!
เย่หยูถูมือและพูดด้วยความเสียใจ
“มันจะจบแบบนี้หรอ? ผมยังมีท่าอื่นที่ผมยังไม่ได้ใช้งานเลย”
“เฮ่อ เฮ่อ ยังมีอีกหรอ? “
ซิงเหมิงหัวเราะในขณะที่มองไปยังเย่หยูที่ยังคงไม่ยินดีนัก
“ถ้าเธอยังมีท่าอื่นอีก ก็ใช้มันสิ!”
แววตาเย่หยูสดใสขึ้นเมื่อเห็นซิงเหมิงดูรื่นเริง
“จริงหรอ?”
นักเรียนมัธยมธรรมดาๆอย่างเย่หยูอาจจะมีร่างกายที่แข็งแรง แต่จะมีท่าไหนที่เป็นไปได้บ้าง?
เขาจะพึ่งการออกกำลังกายของท่าออกกำลังกายงั้นหรอ?
“เข้ามา ขอดูท่าเธอหน่อยสิ!”
ซิงเหมิงมองเย่หยูเรื่อยๆโดยไม่สนใจในสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป
เย่หยูสอดมือขวาลงไปในกระเป๋าเพื่อหยิบเอาไพ่โป๊กเกอร์ออกมาและหนีบไว้ระหว่างนิ้ว
เขามองไปยังซิงเหมิงด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ระวังหลังจากนี้ด้วย อาจารย์ซิง! ผมยังไม่เคยใช้พลังทั้งหมดมาก่อน”
ซิงเหมิงพบว่ามันค่อนข้างน่าขำ
“ฮ่า ฮ่า แค่เอาออกมาให้หมด ฉันก็อยากจะเห็นว่าเธอมีพลังแค่ไหน หากเธอถอยหลัง เธอก็เตรียมเห็นความพ่ายแพ้ได้เลย!”
อีกด้านหนึ่ง หยานเฟิงวูก็หัวเราะ
“เด็กนักเรียนอย่างเย่หยูที่กำลังถือไพ่โป๊กเกอร์และอยากจะชนะอาจารย์เนี่ยนะ? นายจะดูถูกนักสู้ระดับ 2 กลั่นโลหิต มากเกินไปแล้ว!”
เย่หยูไม่ได้ตอบอะไร แต่จดจ่อไปยังไพ่โป๊กเกอร์ที่อยู่ที่นิ้ว ครู่ต่อมา ออร่าที่เปราะบางและคมชัดถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของเย่หยู ในความมึนงงนี้ ไพ่โป๊กเกอร์ที่อยู่ระหว่างซอกนิ้วของเย่หยูสว่างขึ้นเล็กน้อย
“หวือ!”
หยานเฟิงวูที่ยืนอยู่ด้านข้าง รู้สึกตะลึง ก่อนที่เธอจะแสดงอาการ ไพ่โป๊กเกอร์ที่ถือในนิ้วของเย่หยูนั้นหายไปแล้ว
เครส! *
มันเหมือนเป็นเสียงแม่น้ำที่กระทบฝั่งแล้วหายไป
หยานเฟิงวูมองไปยังซิงเหมิงอย่างประหลาด การโจมตีของเย่หยูนั้นรุนแรงจริงๆซึ่งมันทำให้ซิงเหมิงเคลื่อนพลังโลหิตของเขา!
“เอาหละ!”
ซิงเหมิงตะโกนออกมาเสียงดัง คิ้วของเขาเลิกขึ้นขณะที่มองเย่หยูด้วยสายตาที่เข้าใจยากเหมือนกับว่าเขาเพิ่งเห็นเย่หยูเป็นครั้งแรก
“พลังนี่มัน!”
ซิงเหมิงประสานมือของเขาไว้ข้างหน้า ไพ่โป๊กเกอร์ก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเย่หยู
ซิงเหมิงปล่อยมือแล้วปัดไพ่ไปข้างหลัง ปล่อยให้มันตกลงบนพื้นหญ้า เขามองไปยังเย่หยูแล้ว
ถอนหายใจอย่างชมเชย
“ฉันไม่คาดว่าเธอจะทำให้ฉันประหลาดใจอย่างน่าพอใจ เทคนิคไพ่บินที่ดีอะไรอย่างนี้! ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“อาจารย์ซิงเหมิงน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่า คุณสามารถต้านทานการโจมตีนี้อย่างง่ายดายได้อย่างไร”
เย่หยูยิ้มอย่างขัดเขิน ไพ่บินของเขาไม่สามารถทำอะไรซิงเหมิงได้
ติ๋ง!ติ๋ง!
เย่หยูหยานเฟิงวูไม่ได้ทันสังเกตมันที่ด้านหลังมือของซิงเหมิงมีรอยหยดเลือดสีแดงจากนิ้วมือลงพื้น
เย่หยูและหยานเฟิงวูไม่รู้ตัว แต่ซิงหมิงรู้อยู่ในใจว่าเขาเกือบจะต้านทานการโจมตีของเย่หยูไม่ได้ และแม้ว่าเขาจะปัดการโจมตีจากเย่หยู มือของเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ดี
แม้จะมองไม่เห็น แต่ซิงเหมิงก็รู้ว่ามีบาดแผลไขว้สลับกันไม่ 7 ก็ 8 แผล ปรากฏอยู่บนกลางฝ่ามือ ราวกับว่าเขาไม่ได้ถือไพ่โป๊กเกอร์ แต่เหมือนดาบที่คมกริบมากกว่า
เมื่อพูดอย่างเคร่งเครียดแล้วซิงเหมิงรู้สึกใจหาย! เขารู้สึกได้ถึงบาดแผลที่ฝ่ามือ ซิงเหมิงเก็บคืนเลือดเข้าไปเพื่อห้ามไม่ให้เลือดไหลออกมา
โชคดี ที่ทั้งสองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้น ไม่รู้พวกเขาจะทำหน้าอย่างไร? ซิงเหมิงมองไปยังเย่หยูและหยานเฟิงวูอย่างโล่งอก
“เย่หยูฉันอยากรู้วิธิการเรียนรู้เทคนิคไพ่บิน”
ซิงเหมิงมองไปยังเย่หยู ไพ่บินที่ทรงพลังอย่างน่าประหลาดนี้ไม่ง่ายเลยนะ!
“นั้นคือสิ่งที่คุณพูดถึงงั้นหรอ”
เย่หยูคิดสักพัก จากนั้นก็พูดว่า
“ผมชอบเล่นไพ่โป๊กเกอร์ตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นพบจึงฝึกมันบ่อยมาก”
เย่หยูเพียงแค่อธิบายวิธีการกับซิงเหมิง เขาพูดไม่ได้ว่าที่เขามวันนี้ก็เพราะจับรางวัล?
“เอ่อ!”
ซิงเหมิงพยักหน้าและไม่ได้ถามเรื่องอะไร เขามองไปยังเย่หยูแล้วพูดอย่างขำๆ
“ดังนั้น ในกรณีนี้ ฉันเกือบคิดว่าเธอมาจากสำนักถังสะอีก”
“สำนักถัง?”
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ยินชื่อสำนักถัง
ซิงเหมิงเงยขึ้นไปมองพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าและพูดถึงความหลัง
“สำนักถังเป็นชื่อของตระกูลศิลปะกะการต่อสู้ พวกเขาทรงพลังมาก!”
“สำนักถังมีชื่อเสียงมากในโลกแห่งการต่อสู้ สาวกเขามีทักษะกระบี่และดาบ และมีอาวุธลับพิเศษ อาวุธหนึ่งชิ้นสามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนและสามารถทำให้เหล่าเทพร่ำไห้ได้!”
หยานเฟิงวูยกยิ้มในขณะที่ได้ยินสิ่งที่ซิงเหมิงพูด
“มันทรงพลังอย่างที่คุณพูดจริงๆหรอ?”
สายตาของซิงเหมิงเบิกตากว้างขึ้นขณะที่มองหยานเฟิงวู เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เฟิงวู อย่าประเมิณพวกสำนักถังต่ำเกินไป พวกเขาจะนำความลำบากมาให้และลำบากมากด้วย
จากนั้น ซิงเหมิงก็ชำเลืองไปยังเย่หยูแล้วชื่นชม
“เย่หยู ด้วยเทคนิคไพ่บินนี้ ถ้าเธอฝึกต่อไป ฉันมั่นใจได้เลยว่าเธอจะไม่อ่อนแอไปกว่าอาวุธลับของสำนักถังเลย!”
เย่หยูไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เพราะสำนักถังยังคงไกลจากเย่หยู ตอนนี้เย่หยูคิดแค่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้
“อาจารย์ซิง ถ้าผมอยากจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ ผมจะต้องฝึกหมัดปาเจี้ยกับคุณไหมเหมือนกับที่คุณทำกับหยานเฟิงวู”
เมื่อได้ยินคำถามจากเย่หยู ซิงเหมิงพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ถูกต้อง ฉันรับหยานเฟิงวูมาเป็นศิษย์ 3 ปีแล้ว ตอนนี้เฟิงวูไม่ได้ไกลจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้นัก”
หยานเฟิงวูยืนขึ้นข้างๆแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างพอใจ มองไปยังเย่หยูเหมือนกับจะพูดอะไร
“เมื่อฉันได้เป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้แล้ว ฉันจะฟาดนายลงพื้น “
“งั้นผมก็ต้องเป็นเหมือนหยานเฟิงวูและกลายไปเป็นลูกศิษย์คุณ?”
เย่หยูมองไปยังซิงเหมิงแล้วพูด

สายตาของหยานเฟิงวูสดใสขึ้นเมื่อมองไปยังเย่หยูอย่างตื่นเต้น หากเย่หยูรับซิงเหมิงเป็น
อาจารย์ งั้นเราจะไม่กลายเป็นศิษย์พี่หรอ?
หยานเฟิงวูมงไปยังเย่หยูแล้วหัวเราะ
“ฮ่าฮ่า นั้นมันไม่ดีแน่ น้องชาย!”
หลังจากเงียบสักพัก ซิงเหมิงก็มองไปยังเย่หยูแล้วพยักหน้า
“ไม่ เธอไม่ต้องยอมรับฉันในฐานะอาจารย์ของเธอ”
หยานเฟิงวูยิ้มค้างขณะที่เธอมองไปยังซิงเหมิงด้วยความไม่พอใจ
“อาจารย์ ทำไมกัน?!”
ซิงเหมิงมองไปที่เย่หยูแล้วพูด
“ถึงแม้ว่าฉันจะอยากได้เธอเป็นศิษย์ ฉันไม่สามารถทำลายหยกที่ยังไม่เจียระไนได้!”
“เธอแตกต่างจากเฟิงวู หมัดปาเจี้ยเป็นเพียงพื้นฐานเริ่มต้น เมื่อเธอกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ฉันจะแนะนำลุงของฉันที่เป็นนักสู้ให้”
“อาจารย์ลุง?”
เฟิงวูถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอาจารย์ลุง
ซิงเหมิงมองไปยังเฟิงวู
“ใช่ อาจารย์ลุงของเธอเป็นถึงปรมาจารย์แห่งดาบ!”
เขาไม่ปล่อยให้เย่หยูพูด ซิงเหมิงพูดต่อ
“ตอนนี้ สิ่งที่จะสอนต่อคือ 8 ท่ามวยขั้นสูง นี้เป็นเทคนิกแรกที่ฉันเคยฝึก”
มีไทจิที่ทำให้โลกสงบสุขในขณะที่อีก 8 ท่าทำให้เอกภพถูกชำระล้าง!
หมัดทั้ง 8 นี้มาจากหมัดระดับ 8 การเคลื่อนไหวของหมัดระดับ 8 นั้นง่ายและตรงไปตรงมา
พลังในการโจมตีนั้นรุนแรงและคล้ายกับหมัดไทจิ
ซิงเหมิงสร้างพื้นฐานของเขาด้วยหมัดทั้ง 8 ดังนั้น มันอาจจะพูดได้ว่า เขาหมกมุ่นเป็นศิลปะ
การต่อสู้นี้มานาน เขาจึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งและสามารถทดสอบเย่หยูได้อย่างดี
หลังจากนั้น ในสนาม ซิงเหมิงให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวและเทคนิกการหายใจของเย่หยูของการฝึกหมัดขั้นสูง เขาเริ่มฝึกตามแบบ
เวลาผ่านไป ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ ซิงเหมิงเรียกเย่หยูและหยานเฟิงวูที่ยืนคุยกันในขณะนี้
“เอาหละ นี่มันก็สายแล้ว เรียกพวกเขาเลยดีกว่า!”
ซิงเหมิงเรียกพวกเขาทั้งสอง จากนั้นก็พูดกับเย่หยู
“บริเวณโรงเรียนที่ล้อมรอบด้วยอาคารเรียน มันยากถ้าจะไปฝึกข้างนอกให้คนอื่นเห็น ในอนาคตพวกเธอต้องฝึกการต่อสู้กับฉันที่นี่”