เพราะการตัดใจของกู่ฉิงซาน หญิงสาวร่างสูงจึงกินก๋วยเตี๋ยวชามที่สามอย่างช้าๆ

“ขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อ ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมากเลยล่ะ”

นางรีบล้างชามก๋วยเตี๋ยวในลำธาร ก่อนเอามาคืนให้ชายชรานำทาง

จากนั้นนางก็ต้องฝึกวิชาอีกครั้ง

ด้วยคำถามที่ได้หารือกับกู่ฉิงซานล่วงหน้า ชายชรานำทางถามว่า “ตอนนี้วิญญาณกรีดร้องและมังกรหุบเหวทำอะไรอยู่?”

หญิงสาวร่างสูงเผยสีหน้าระลึกความทรงจำออกมาแล้วกล่าวช้าๆ ว่า “วิญญาณกรีดร้องมีปัญหากับร่างกายดังนั้นแม้กระทั่งร่างแยกก็ตกสู่ความบ้าคลั่ง ส่วนมังกรมารมันพยายามปกครองพื้นที่จ้าวโลกเพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดค้นหาสามเหรียญพร้อมกับรวบรวมสมบัติทั้งหมดไปในตัว”

หลังจากผ่านไปสักพัก

หญิงสาวร่างสูงกลับมาเป็นปกติ

“เจ้าเต็มใจจะช่วยข้าจริงๆ หรือ?” นางถามกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานพยักหน้า

หญิงสาวร่างสูงครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เจ้าคือผู้ฝึกยุทธ สิ่งที่เจ้าหวาดกลัวที่สุดคือคำสาบานจากสวรรค์ หากเจ้าเต็มใจจะช่วยข้าจริงๆ เช่นนั้นก็จงกล่าวคำสาบานจากสวรรค์ซะ”

กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่คำสาบานจากสวรรค์คือสิ่งที่ข้องเกี่ยวกับหัวใจเต๋า ข้าไม่สามารถกล่าวคำสาบานเช่นนั้นได้อย่างสมบูรณ์ เพราะงั้นเกรงว่าคงจะทำให้ไม่ได้”

“ดูเหมือนเจ้ากำลังพูดโกหกนะ” หญิงสาวร่างสูงกล่าว

กู่ฉิงซานตอบกลับว่า “เพราะเจ้าช่วยข้าไปเอาดาบศักดิ์สิทธิ์มาจริงๆ ดังนั้นข้าจึงสามารถสาบานได้ตราบที่อยู่ภายในขอบเขตความสามารถของข้า ข้าเต็มใจจะช่วยเจ้าด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีและจะไม่มีวันละเมิดคำสาบานนี้ หาไม่แล้วพละกำลังจะไม่ก้าวหน้าอีกต่อไป”

‘เปรี้ยง!’

ท้องนภาแจ่มใสเกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น

กฎเกณฑ์แห่งสวรรค์ตอบรับคำสาบานของกู่ฉิงซาน

หญิงสาวร่างสูงมองเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ

นางครุ่นคิดอย่างเงียบงันสักพัก จากนั้นก็พลันเริ่มบิดร่างกาย

ร่างสูงอวบอิ่มเผยให้เห็นเสน่ห์ที่ต่างออกไป

แต่สีหน้าของกู่ฉิงซานจริงจังขึ้นมา

เพราะหลังจากการบิดร่างกายของอีกฝ่าย บรรยากาศก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะนาง

“จงเปิด!” หญิงสาวร่างสูงตะโกน

‘ตูม!’

‘ฟิ่ว…’

หลังเกิดเสียงสั่นไหว สายลมแรงกล้าพัดออกจากนางขณะกวาดไปทั่วทุกหนแห่ง

หญิงสาวร่างสูงชกออกไปเบาๆ

‘ตูม!’

ไกลออกไปหลายร้อยเมตร ต้นไม้ใหญ่ถูกกระแทกใส่ก่อนลอยขึ้นสูงแล้วกลิ้งลงมาขวางลำธารทั้งสาย

กระแสน้ำค่อยๆ แรงขึ้น

กู่ฉิงซานจ้องฉากนี้ด้วยความสับสน ผ่านไปเนิ่นนานจึงกล่าวว่า “ช่างน่าทึ่งจริงๆ ”

อีกฝ่ายไม่ได้พึ่งพลังวิเศษ มีเพียงหมัดเปล่าเท่านั้นก็ทำได้ถึงระดับนี้

นี่คือพลังกายภาพบริสุทธิ์ที่สั่งสมมาเนิ่นนาน!

“เจ้ารู้หรือเปล่า กู่ฉิงซาน ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าทำอะไร แต่ข้าถึงกับสามารถรับรู้ได้ว่าเจ้ามีแผนบางอย่างเตรียมไว้ให้ข้า… เพราะถึงแม้ข้าจะเสียความสามารถทั้งหมดไป แต่สิ่งที่ข้าถนัดที่สุดคือการถักทอชะตากรรม ดังนั้นหัวใจของข้ายังรับรู้ได้ตามสัญชาตญาณ”

หญิงสาวร่างสูงกล่าวช้าๆ

ชายชรานำทางหุบปากแน่นขณะชำเลืองมองกู่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานส่ายหน้าไปทางพวกเขาทั้งสองคน เขาไม่เพียงส่งสัญญาณบอกชายชรานำทางว่าอย่าลงมือบุ่มบ่ามเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณบอกว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาวร่างสูงอีกด้วย

เขากล่าวเสียงอ่อนว่า “ข้ากล่าวคำสาบานแห่งสวรรค์แล้ว เจ้ายังไม่เชื่ออีกหรือ”

หญิงสาวร่างสูงพลันยิ้มออกมาแล้วตอบว่า “ก็จริง เพราะข้าสังเกตเห็นความจริงใจของเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่สนเรื่องเตรียมการกับวิธีต่างๆ ของเจ้า เลยขอแค่ให้เจ้า… กล้ากล่าวคำสาบานแห่งสวรรค์เท่านั้น”

“ถ้าเจ้าไม่กล่าวคำสาบานเมื่อครู่ ข้าจะฆ่าเจ้าทันที”

“กู่ฉิงซาน ความจริงใจของเจ้าได้ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้”

คำพูดของนางเสียงดังฟังชัด มันกระจายไกลออกไปตามเสียงน้ำไหลเชี่ยว มันเปี่ยมด้วยพละกำลังและความมั่นใจอันมากล้น

กู่ฉิงซานยิ้มขมขื่นแล้วกล่าวว่า “สมกับเป็นวิถีผู้เชี่ยวชาญวรยุทธ ตอนแรกที่ข้าสู้กับเจ้าเมื่อวานนั้น ข้าควรจะเข้าใจว่าเจ้าเป็นคนแบบนี้”

“โห แบบนี้ที่ว่ามันแบบไหนล่ะ” หญิงสาวร่างสูงถามด้วยความสนใจ

“ผู้คนที่ฝึกฝนวรยุทธก็เป็นแบบนี้ ให้คนอื่นทำทุกสิ่งที่เป็นไปได้เพื่อให้ตัวเองได้เป็นอันดับหนึ่งในบรรดากองทัพนับหมื่น” กู่ฉิงซานกล่าว “ในที่สุดตอนนี้ข้าก็เข้าใจเจ้าขึ้นมานิดหน่อยแล้ว”

ใช่แล้ว เพราะมนุษย์ระดับสูงที่พวกเขาเชื่อใจและพึ่งพาถูกทอดทิ้ง พวกพ้องรอบตัวทั้งหมดตายเพราะเหตุนี้ ดังนั้นต่อให้กลายเป็นสัตว์ประหลาด ต่อให้คนเหล่านั้นจะตัดสินใจเข้าไปภายในประตูโลก พวกเขาก็ต้องไล่ตามให้ทันเพื่อแก้แค้นให้สำเร็จ

นี่แหละคือนักรบที่แท้จริง!

กู่ฉิงซานรู้สึกถึงตัวตนนั้นอยู่ในใจก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ข้าต้องทำบางสิ่งก่อน จากนั้นข้าถึงสามารถพยายามช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถได้”

“โห เจ้านี่เงื่อนไขเยอะจังนะ แต่ข้าไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก” หญิงสาวร่างสูงเอื้อมมือสีขาวเรียวออกไปก่อนบิดมันเล็กน้อย

กระดูกมือของนางส่งเสียงดังก้องราวกับเหล็กกล้ากระทบกัน

“เจ้าต้องช่วยข้าให้สำเร็จก่อน ทำแบบนั้นความคับแค้นใจของข้าถึงจะหายไป ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยทำเรื่องของตัวเองได้”

“กู่ฉิงซาน เจ้าต้องเข้าใจก่อนนะว่าตอนนี้ชายชรานำทางจะไม่ช่วยเจ้าแล้ว ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ทุกเมื่อ ถ้าเจ้าไม่บอกว่าจะช่วย ข้าคงไม่พูดจาไร้สาระมากขนาดนี้หรอก”

“ดังนั้นเจ้าไม่มีทางเลือก!”

หญิงสาวร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

นางครุ่นคิดสักพัก จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้าว่า “ข้าอาจจะกลับมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหลังจากแก้แค้นสำเร็จแล้ว จากนั้น เรื่องของเจ้าก็จะง่ายสำหรับข้าไปด้วย”

กู่ฉิงซานถอนหายใจเพื่อจะอธิบายต่อ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

ความเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่าง

พลังที่ควบคุมไม่ได้ค่อยๆ กัดกร่อนแขนขาของเขา

กู่ฉิงซานนึกออกทันที!

ตอนเขากลับมาที่โลกนี้จากโลกวิญญาณธาตุ มีหลายสิ่งในใจที่เขานึกยังไงก็นึกไม่ออก

ตอนนี้ ในที่สุดกู่ฉิงซานก็เข้าใจถึงความหมายของความคิดนั้น

…วันนี้คือวันแห่งการร่ายรำ!

เขาต้องร่ายรำเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นพลังของมังกรมารจะกระจายไปทั่วร่าง

แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว

“โปรดใช้ระบำสังเวยชีพ (ขั้นที่หนึ่ง) ไม่อย่างนั้น พลังของมังกรมารจะกระจายไปทั่วร่างก่อนถูกกัดกร่อนจนเกินกว่าจะแก้ไขได้”

หญิงสาวร่างสูงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าก่อนถามอย่างเย็นชาว่า “ทำไม เจ้าเกิดเสียใจขึ้นมาหรือ”

กู่ฉิงซานรีบตอบว่า “ไม่ใช่แบบนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องทำตอนนี้… ฟังนะ ทุกเดือนข้าจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่เรื่องหนึ่ง”

ถึงจุดนี้ เขาก็อดที่จะปิดปากไม่ได้

มันจะดูแปลกไปหน่อยถ้าพูดแบบนั้นออกไป

ดังคาด เกิดความเงียบสงัดขึ้นมา

ไม่ว่าจะชายชรานำทางหรือหญิงสาวร่างสูง สีหน้าของพวกเขาดูแปลกประหลาดมาก

ชายชรานำทางดูย่ำแย่เล็กน้อย เขาลังเลนิดหน่อยที่จะพูดออกมา

หญิงสาวร่างสูงคล้ายกับตกตะลึงขณะมองตรงหน้าอกโดยไม่รู้ตัว

กู่ฉิงซานเข้าใจก่อนรีบโบกมือ “ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ข้าแค่ต้องทำการร่ายรำน่ะ”

“เมื่อข้าร่ายรำ เจ้าต้องห้ามส่งเสียง ทางที่ดีที่สุดคือให้หนีไปเลย ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะเจ็บตัวได้”

หลังจากกู่ฉิงซานรีบกล่าวจนจบ เขาทำการร่ายรำขั้นที่หนึ่งของระบำสังเวยชีพทันที

…เขาไม่มีเวลามาหลบเลี่ยงอีกฝ่ายจริงๆ เขาไม่สนด้วยว่ามันจะอับอายขายขี้หน้าแค่ไหน… ตอนนี้ การยับยั้งพลังมังกรมารคือสิ่งสำคัญที่สุด!

เขายืนอยู่ในลำธาร ทำการยักไหล่ กระทืบเท้า บ้างก็ออกท่วงท่าหน้าไม่อายอย่างการขยับสะโพกให้ได้เห็น

หญิงสาวร่างสูงตั้งท่าป้องกันขึ้นมาในตอนแรกอย่างระแวดระวัง

แต่ยิ่งเวลาผ่านไปจนถึงจุดหนึ่ง นางยืนอยู่เงียบๆ

“…สมองของเจ้ามีปัญหาหรือ”

นางมองดูสักพักจนอดที่จะถามไม่ได้

อาศัยโอกาสที่หันหลัง กู่ฉิงซานเตือนนางด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อย่าพูดอะไร สิ่งเหลือเชื่อมากมายจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าใจผิดคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้า”

การร่ายรำนี้เป็นสิ่งน่าอายที่ยากจะบอกได้ แม้กระทั่งในยุคโบราณ กู่ฉิงซานเองก็ทำการหลีกเลี่ยงโดยไม่รู้ตัวเสมอ

ดังนั้นผู้ถักทอชีวิตหุบเหวจึงไม่รู้เรื่องนี้

ตอนนี้ กู่ฉิงซานใช้น้ำเสียงอบอุ่นเพื่อเตือนหญิงสาวร่างสูง นั่นมากพอจะทำให้หญิงสาวร่างสูงเก็บมาคิดจริงจัง แต่ว่า…

ทันทีที่กู่ฉิงซานพูดจบ เขาทำการร่ายรำอันน่าอายที่เต็มไปด้วยการยั่วยุออกมา

การกระทำนี้มันช่าง…

หญิงสาวร่างสูงยักคิ้วขึ้น

ชายชรานำทางจับตาดูจากไกลๆ ตอนนี้ไม่อาจหักห้ามศีรษะที่เบือนหนีได้… แต่จิตของนางยังจับจ้องกู่ฉิงซานอยู่

หญิงสาวร่างสูงกอดอกมองกู่ฉิงซานที่ทำท่าเช่นนั้นซ้ำไปมา ในใจของนางลุกเป็นไฟก่อนกล่าวว่า “การกระทำของเจ้าแตกต่างจากที่พูดเลยนะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่”

กู่ฉิงซานไม่มีเวลาจะพูดแม้แต่นิดเดียว

เขาทำได้เพียงจดจ่อกับการกระโดด!

มีแค่การทำแบบนี้ที่สามารถยับยั้งพลังมังกรมารได้!

ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพอับจนเช่นกัน ในเมื่อทำการร่ายรำอยู่ เขาจะไปทำอะไรได้

หญิงสาวร่างสูงมองเขากระโดดอยู่สักพัก นางอดที่จะหงุดหงิดเล็กน้อยไม่ได้

นี่มันบ้าอะไรเนี่ย

ชายคนนี้กำลังเล่นตลกหรือ

หญิงสาวร่างสูงอดที่จะกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “นี่ เจ้าหยุดเต้นปัญญาอ่อนแบบนี้สักที”

เสียงเพิ่งจางไปไม่นาน

ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าท้องนภากำลังหมุน การมองเห็นของนางเต็มไปด้วยลำธารกับหิน

‘แฉ่ๆ …’

เส้นบางๆ ขนาดเล็กปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนหายไปอย่างรวดเร็ว

เสียงแหบแห้งแปลกประหลาดดังขึ้น “การร่ายรำยิ่งใหญ่เช่นนี้จะมาโดนดูถูกไม่ได้ ในฐานะแมงมุมก็ต้องตายด้วยเส้นใยของตัวเอง นั่นคือโชคชะตาของเจ้า”

ร่างของหญิงสาวร่างสูงถูกแบ่งออกหลายสิบส่วน กระจายไปตามลำธาร ถูกกระแสน้ำชะล้าง

……………………………………………