ตอนที่ 490 เผย
“เพราะเหตุใดขอรับ” กระบี่ของชิงเฟิงจี้มาบนลำคอของชางเอ๋อ
“เพราะเหตุใดหรือ ก็หมู่เฟยของข้าถูกขังเพราะพวกเขา เพราะข้ามิเคยได้รับความสำคัญในจวนอ๋องมู่ และเพราะฟู่หวงมิเคยดูดำดูดีข้า ! ” ชางเอ๋อตะโกนเสียงแหบเสียงแห้งจนชิงเฟิงอดขมวดคิ้วมิได้
“พระชายาและท่านอ๋องเห็นท่านเป็นเหมือนบุตรในไส้มาโดยตลอด ท่านมีความคิดเยี่ยงนี้เลยหรือ ? ”
“ลูกในไส้เยี่ยงนั้นหรือ? ความแตกต่างก็คือมิว่าข้าพยายามเยี่ยงไรก็มิสามารถเป็นซื่อจื่อจวนอ๋องมู่ได้ แต่เด็กเหลือขอผู้นี้ตั้งแต่เกิดมาก็มีพร้อมทุกอย่าง แม้ข้าอาศัยอยู่ในจวนอ๋องมู่ไปตลอดชีวิตนี้ก็คงเป็นได้แค่คุณชายที่มิรู้เรื่องอันใดเท่านั้น”
ชางเอ๋อตะโกน ส่วนชิงเฟิงก็ได้แค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางฟังเขากล่าวจนจบ
“พอได้แล้ว ! ” อันหลิงเกอที่ยืนจากที่ไกลก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเคือง จากนั้นนางก็จ้องชางเอ๋อแล้วเดินเข้ามาหาเขาพร้อมเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าครานั้นท่านแม่เจ้าทำเรื่องอันใดและปฏิบัติกับเราเยี่ยงไรบ้าง แต่ข้าและท่านอ๋องก็มิได้ถือโทษเอาความเรื่องในอดีต ทั้งยังช่วยเลี้ยงดูเจ้า รู้จักคำว่ามโนธรรมหรือไม่ ! ”
ทุกคำกล่าวของนางยังก้องอยู่ในหูของเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ เขายังเด็กจึงทำเรื่องที่ผิดพลาดมากมายภายใต้ความมิรู้
“จากจวนโหวอันมาถึงจวนอ๋องมู่ ท่านแม่ของเจ้ามิเคยปล่อยข้าไปเลย ! ”
เวลานี้ชิงเฟิงนึกถึงเรื่องในครานั้นขึ้นได้จึงรู้สึกว่าอันหลิงเกอใจอ่อนเกินไป แม้ทั้งหมดนี้มิใช่การชักจูงของหลี่กุ้ยเฟยแต่เป็นก็มีนางเป็นสาเหตุ
ทว่าอันหลิงเกอยังดูแลบุตรชายของหลี่กุ้ยเฟยกระทั่งเติบโตมาเป็นคนขี้ขลาดเยี่ยงนี้
“หมู่เฟยมิได้เป็นเยี่ยงนั้น ! ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้นางมีชีวิตเยี่ยงไร ! ” ชางเอ๋อมิอาจรับความจริงได้ เขามิกล้าคิดว่ามารดาทำเรื่องเหล่านั้นเพราะนางมีความคิดปล่อยวางอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านแม่ของเจ้ามิมีทางทำได้หรือ ? ก็แน่นอนเพราะทั่วจวนอ๋อง ทั่วพระราชวังมิมีผู้ใดรู้ มิเคยมีผู้ใดล่วงรู้เลยสักคน ! ” ชิงเฟิงยังจ้องเขม็งไปทางชางเอ๋อจนพลั้งปากเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
มีเพียงผู้ติดตามอันหลิงเกอในช่วงแรกและลูกน้องเก่าบางส่วนในจวนเท่านั้นที่รู้ความลับนี้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งเลวร้ายดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับอันหลิงเกอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจวนโหวอัน มือของหลี่กุ้ยเฟยที่สาวได้สาวเอา คิดแต่ควบคุมอยู่ตลอดเวลาก็ปรากฏชัดเจน
“ท่านแม่ของคุณชายมีชีวิตเยี่ยงไรหรือ ? ท่านรู้หรือไม่ว่าพระชายาเคยมีชีวิตเยี่ยงไร ! หากมิใช่เพราะท่านแม่ของคุณชายไร้ความสามารถ หากมิใช่เพราะพระชายาของเราขึ้นเหนือไปหาสมุนไพรมาช่วยท่าน คุณชายใหญ่จะยังมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้หรือไม่ขอรับ ? ”
ชิงเฟิงกล่าวจบ ชางเอ๋อก็ตกตะลึงในทันที เขามิเคยรู้ว่าในอดีตมีเรื่องมากมายเยี่ยงนี้
“เจ้าโป้ปด เจ้าปดข้า ! ” สีหน้าของชางเอ๋อเปลี่ยนเป็นสับสน สุดท้ายเขาก็ทนมิไหวแล้วโยนมีดที่อยู่ในมือออกไป จากนั้นก็วิ่งไปยังทิศทางตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
“ชางเอ๋อ” อันหลิงเกอคิดตามไปแต่ถูกชิงเฟิงรั้งเอาไว้
พระชายาเป็นคนดี ฉลาดปราดเปรื่องแต่เสียอย่างเดียวคือใจอ่อนเกินไป
“พระชายากลับเรือนเถิดขอรับ” ชิงเฟิงดึงอันหลิงเกอไว้ เรื่องทั้งหมดนี้ควรมีคำอธิบายแม้ว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็กแต่ก็กระทำผิดและต้องยอมรับด้วยตนเอง
“อย่าบอกท่านอ๋องเด็ดขาด” อันหลิงเกอเงียบอยู่นานแล้วจึงกล่าวประโยคนี้ออกมา นางรอจนชิงเฟิงตอบรับจึงเดินตามเขากลับเข้าเรือน
ส่วนชางเอ๋อในเวลานี้ก็วิ่งมาถึงด้านหลังภูเขาแล้ว เขาอยากถามมารดาว่าเรื่องในตอนนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ เขาอยากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่ชิงเฟิงและอันหลิงเกอบอกหรือไม่
ชางเอ๋อวิ่งมาตลอดทาง ครั้นถึงประตูใหญ่ก็หยุดลังเลชั่วครู่ เขามิกล้าเข้าไปเพราะกลัวว่าเรื่องเหล่านี้เป็นความจริง เขากลัวว่ามารดาจักบอกความจริงในแบบที่มิอยากได้ยิน
“ท่านแม่” สุดท้ายเขาก็ผลักประตูเข้าไปแล้วมองหลี่กุ้ยเฟยที่แสดงท่าทีตื่นตระหนกอยู่ตรงหน้า เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพจากใจจริง หลังจากมิได้เรียกนางมาเนิ่นนานหลายปี
“ลูกรัก เจ้าคือชางเอ๋อของแม่” หลี่กุ้ยเฟยเดินเข้ามาโอบกอดชางเอ๋อทันที
“ลูกรัก เจ้ามาได้เยี่ยงไร” หลี่กุ้ยเฟยมิรอให้ชางเอ๋อได้กล่าวก็ชิงถามออกมาเสียก่อน ถึงอย่างไรนางก็ยังประหลาดใจมิน้อย เพราะชางเอ๋อไร้ความสุขใช่หรือไม่ เขาถึงได้มาหาถึงนี่ ?
“ท่านแม่ ในตอนนั้นเหตุใดท่านจึงออกจากวังพ่ะย่ะค่ะ ? ” ชางเอ๋อมองหลี่กุ้ยเฟย จากนั้นก็ถามอย่างจริงจัง หลี่กุ้ยเฟยจึงคิดได้ถึงสาเหตุที่ชางเอ๋อมาในครานี้ นางถอนหายใจแล้วเล่าเรื่องในอดีตให้เขาฟัง
แม้บุตรชายยังเด็กแต่ก็ควรรับรู้ไว้
หลังได้ฟังสิ่งที่หลี่กุ้ยเฟยเล่า ชางเอ๋อก็ตกตะลึงในทันที เขามิรู้ว่าตนทำเรื่องอันใดลงไป ทว่ามารดาปรารถนาให้เขาตอบแทนจวนอ๋องมู่หรือ ?
แต่เขาก่อหนี้กรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นท่าทางที่ตกตะลึงของชางเอ๋อแล้ว ในใจของหลี่กุ้ยเฟยจึงรู้สึกมิดี
“ลูกรัก เจ้าทำเรื่องอันใดมาหรือ ? ” หลี่กุ้ยเฟยถามประโยคนี้ออกมา เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชางเอ๋อก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดปัญหาขึ้นแล้วแน่นอน
หากเขาล่วงเกินจวนอ๋องมู่ไปแล้ววันข้างหน้าจักมีชีวิตเยี่ยงไร
เมื่อได้ยินหลี่กุ้ยเฟยถามเช่นนั้น ชางเอ๋อก็รู้สึกว่ากำแพงที่ก่อขึ้นในใจพังทลายจนสิ้น ต่อหน้ามารดาเขาไร้ซึ่งการป้องกันใด ๆ
เช่นนั้นเขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงมิกี่ปีที่ผ่านมาให้หลี่กุ้ยเฟย เรื่องตั้งแต่ยังเด็กกระทั่งการตายของซางกวนถงไปจนถึงความแตกหักกับมู่หนิง เขายอมเล่าให้หลี่กุ้ยเฟยฟังทั้งหมด
หลี่กุ้ยเฟยทรุดลงกับพื้นในชั่วพริบตา ชางเอ๋อจึงรีบเข้ามาประคองนางทันที แต่โดนหลี่กุ้ยเฟยสะบัดทิ้ง นางจักรับเรื่องเหล่านี้ได้เยี่ยงไร นางติดหนี้อันหลิงเกอและคาดมิถึงว่าบุตรชายก็ยังสร้างหนี้กับมู่หนิงอีก
เมื่อคิดได้ดังนั้นหลี่กุ้ยเฟยจึงรู้สึกว่าโลกกำลังพังทลายลงมา นางมิอาจรับเรื่องทั้งหมดนี้ได้ นางจึงผลักชางเอ๋อออกไปและปิดประตูใส่เขาทันที
“เจ้ากลับไปเถิด” หลี่กุ้ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นมิว่าชางเอ๋อเคาะประตูเยี่ยงไร นางก็มิยอมเปิดให้เพราะมิอยากเห็นเขา นางกลัวว่าเด็กคนนี้จักเดินตามรอยของตนและคาดมิถึงว่าสุดท้ายก็เป็นจริง
เหตุใดเขาถึงได้เหมือนนางเยี่ยงนี้ หลังได้ฟังชางเอ๋อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายปีที่ผ่านมาหลี่กุ้ยเฟยจึงรู้สึกเหมือนฟังเรื่องของตนในอดีต เขาช่างเหมือนนางมากจริง ๆ
ความผิดพลาดก่อเกิดความเกลียดชังชั่วนิจนิรันดร์!
“ท่านแม่” ชางเอ๋อคาดมิถึงว่าหลี่กุ้ยเฟยจะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านเยี่ยงนี้ มิว่าเขาเคาะประตูเพียงใดหลี่กุ้ยเฟยก็มิยอมเปิดให้อีกเลย
“ไปจัดการเรื่องของเจ้าแล้วค่อยกลับมาหาแม่” หลี่กุ้ยเฟยทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้และเดินเข้าไปในเรือนโดยมิหันไปมองชางเอ๋ออีก
“อย่าไป ท่านแม่” ชางเอ๋ออยากพาหลี่กุ้ยเฟยกลับวังเพื่อไปวิงวอนต่อฝ่าบาท
แต่คาดมิถึงว่ามารดาจักคิดเยี่ยงนี้
เขาได้ทำเรื่องผิดพลาดมากมายลงไปแล้ว ต่อให้เขากลับจวนอ๋องมู่ก็คงมิได้รับความสำคัญอีก
แต่หลี่กุ้ยเฟยก็มีแผนของตนเช่นกัน นางมิอยากให้องค์ชายล่วงเกินอันหลิงเกอและมู่จวินฮาน มิเช่นนั้นเขาจักสูญเสียผู้สนับสนุนไปโดยสิ้นเชิงแล้วทำได้เพียงเดินไปตามทิศทางของจ้าวหลานหยู่เท่านั้น
นางจักยอมได้หรือ ในเมื่อชางเอ๋อของนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้!