ตอนที่ 398 : สอนบทเรียน

Black Tech Internet Cafe System

ฟางฉีที่กำลังต่อสู้กับหัวหน้าปีศาจจบเกมด้วยความเร่งรีบเพื่อที่จะรีบตอบกลับ [เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวหยู? ท่านหมายถึงกำลังมีบางคนจะพาเสี่ยวหยูของข้าไปไหน? หรือหยอกล้อเล่นกันเนี่ย]

 

[มีใครสักคนในครอบครัวของเสี่ยวหยูมาที่นี่เพื่อมาพาตัวเธอกลับไปเรียน] ซูเทียนจิส่งอิโมจิใบหน้าโกรธ [ทำไมเจ้าถึงไม่รู้เรื่องนี้!?]

 

“???” ฟางฉีรู้สึกงุนงง [ก็เจ้าโลลิน้อยอายุยังน้อยดังนั้นจึงไม่เห็นจะปิดปกติอะไรที่คนในครอบครัวของเธอจะพาเธอกลับไปเรียน ทำไมทุกคนดูกังวล]

 

“…” ซูเทียนจิอ่านแล้วคิดว่าที่เขาพูดก็มีประเด็น

 

“ไม่!” ใบหน้าของเธอเกือบมืดและหลงลงไปในคำพูดของฟางฉี [เธอจะถูกนำตัวส่งไปยังสำนักสวรรค์ซึ่งเป็นชื่อที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน เสี่ยวหยูไม่ต้องการไปแต่ครอบครัวของเธอยืนยันจะพาเธอกลับไปอยู่ดี]

 

“อืม ..” ในที่สุดฟางฉีก็ออกจากเกม หลังจากพิจารณาแล้วเขาตอบว่า [ดูเหมือนว่าข้าไม่ทำอะไรเลยใช่มั้ย? ท่านต้องการให้ข้าเอาชนะพวกเขา? ท่านว่ามันเป็นความคิดที่ดีแล้วสินะ]

 

จากนั้นเขาจับผ้าห่มขนาดใหญ่ที่ลอยเหนือหัวเขา

 

“เฮ้! จับข้าทำไม!” เสียงตะโกนดังขึ้น

 

“เราจะไปจิวหัว!”

 

“ในที่สุดเราก็จะไปจิวหัว!” ปีศาจเฒ่าตัวนี้ร่าเริงและตื่นเต้น “ไปไปไป! อยู่ที่นี่ข้าหนาวมาก!”

 

ณ ร้านค้าในจิวหัว

 

บรรยากาศรอบตัวตึงเครียด

 

“เกิดอะไรขึ้น!?” ฟางฉีเดินลงบันไดตามมาด้วยเมฆดำไร้ผ้าห่ม

 

เห็นได้ชัดว่าจิวหัวตอนนี้อบอุ่นกว่าที่เมืองครึ่งมาก

 

“เจ้านาย!” เจียงเสี่ยวหยูเมื่อเห็นฟางฉี เธอมีท่าทางสว่างราวกับว่าพบผู้ช่วยเหลือให้เธอรอดพ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ เธอรีบซ่อนตัวหลังเขาทันที

 

“มีอะไรผิดปกติ” ฟางฉีเอ่ย “พวกเขามาที่นี่เพื่อพาเจ้าไปเรียนใช่มั้ย? ไม่ต้องกลัวข้าเองก็ไปเรียนเหมือนกันตอนอายุเท่าเจ้า”

 

“ข้าไม่ไปเรียนใกล้ๆ ได้มั้ย?” เจียงเสี่ยวหยูตะโกนว่า “มีอะไรดีเกี่ยวกับสำนักสวรรค์? ถ้ามันมีมากทำไมพ่อไม่ไปเรียนด้วยตัวเอง”

 

“เจ้า ..” เจียงซวนจ้องหน้าเขาอย่างระมัดระวัง เขาไม่ได้กังวลว่าน้องสาวของเขาจะถูกรังแกในดินแดนทะเลทรายร้างแห่งนี้ แต่เขากลัวว่าเธอจะถูกหลอกโดยผู้ฝึกฝนที่อ่อนแอและเขลา

 

“โอ้! เขาเป็นเจ้านายของข้า!” เจียงเสี่ยวหยูตะโกนแล้วร้องขออย่างสุภาพ “เจ้านายถ้าข้าไปแล้วใครจะคอยดูแลร้านให้ละ? ข้าไม่อยากไปเรียนที่นั่นมันไกลจากที่นี่มาก!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอใบหน้าของเจียงซวนก็มืดมนทันที เขาค้นพบว่ามันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยใส่ใจมาก่อน

 

“เจ้าพูดอะไร? เจ้ากำลังเฝ้าร้านนี้อยู่หรอ!?”

 

“เจ้า .. เจ้าจงใจว่าน้องข้าหรอ!?” เจียงซวนตะโกน “ข้าคิดว่าเจ้าแอบเล่น แต่จริงๆ แล้วเจ้าเป็นลูกจ้างหรอ?”

 

“ข้า .. วางแผนที่จะได้รับความคุ้มครองพร้อมค่าธรรมเนียม ..” เจียงเสี่ยวหยูพึมพำ

 

อย่างไรก็ตามฟางฉีไม่ได้ต้องการให้เธอดูแลที่นี่ตั้งแต่เริ่มอยู่แล้ว .. แต่ถึงอย่างนั้นส่วนหนึ่งเธอเองก็ไม่ได้อยากไปเช่นกัน

 

“…” ใบหน้าของเซียนมืดมนเมื่อพบว่าองค์หญิงของเขามาที่นี่เพื่อเฝ้าร้าน

 

มันเป็นอะไรที่เสื่อมเสียต่อตระกูลเจียง!

 

“หากพระบิดาของเราทรงทราบเรื่องนี้ละก็” เขาพูดเสียงดัง “ท่านอาจจะส่งกองทัพเพื่อมาทำลายประเทศของเหล่ามนุษย์ขนาดเล็กแห่งนี้ลงสู่พื้นดินเลยก็เป็นได้ กลับบ้านกับข้าตอนนี้ ข้าอาจจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”

 

จีวูที่กำลังสั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรู้สึกสะอึกเมื่อเขาได้ยินว่ามีผู้ขู่จะทำลายเมืองตาจินของเขา

 

เวิ่นหยันกระซิบข้างเขา “ถึงอย่างนั้นเราควรตามดูเจ้าของร้าน เขาแลดูเป็นคนที่น่ารังเกลียดเราควรจะสั่งสอนเขา มิฉะนั้นองค์หญิงจะ ..”

 

“ตกลง!” เจียงซวนพยักหน้า

 

เจ้าของร้านที่น่ารังเกียจคนนี้สั่งให้องค์หญิงทำงานต่ำเช่นดูแลที่นี่ให้เขา ยกโทษให้ไม่ได้!

 

แน่นอนถ้าพวกเขารู้ว่าฟางฉีไม่ได้จ่ายเงินให้เสี่ยวหยูเป็นเวลาสามเดือนพวกเขาอาจฆ่าเขาในทันที

 

“เวิ่นหยัน” เจียงซวนพูดด้วยเสียงเย็นชา “ดูถูกความสามารถของเขาได้ยังไง เขาเป็นเจ้านายของน้องข้านะ!”

 

“เด็กน้อย” ฟางฉีหันไปจ้องหน้าเขียงเสี่ยวหยูจากนั้นเขาก้มลงและบีบแก้มเธอ “เธอแค่สร้างปัญหาให้ร้าน”

 

เจียงเสี่ยวหยูมองดูหน้าฟางฉีด้วยความไม่เต็มใจ “ไม่ ข้าไม่ต้องการไปเรียนที่สำนักสวรรค์ โปรดช่วยข้าด้วย!”

 

ฟางฉีสูญเสียคำพูด

 

เจียงเสี่ยวหยูพูดเสริม “ข้าเป็นพนักงานที่นี่ ถ้าข้าไปใครจะจับตาดูที่นี่ละ ท่านต้องทำอะไรสักอย่างสิ!”

 

องครักษ์เวิ่นหยันยิ้มเยาะ “ข้าแนะนำให้เจ้าคำนึงถึงธุรกิจที่ไม่รบกวนผู้อื่น”

 

ฟางฉียักไหล่และตอบว่า “ข้าไม่ชอบธุรกิจเท่าไร แต่สาวน้อยคนนี้เรียกข้าว่าเจ้านาย มันไม่เหมาะสมเท่าไรหากข้าไม่ทำอะไรเพื่อลูกจ้างของข้า”

 

เมื่อได้ยินคำว่าลูกจ้างใบหน้าขององครักษ์เวิ่นหยานเริ่มเดือด .. มีคนบอกว่าลูกน้องอาจต้องตายหากเจ้านายถูกดูถูก

 

บางทีมันอาจไม่ได้มีความหมายอะไรไปมากกว่านี้นัก แต่ในฐานะคนรับใช้ของราชวงศ์มันจึงกลายเป็นเหมือนคำดูถูกเหยียดหยาม “อาณาจักรนักรบบรรพบุรุษ ข้าจะไม่รังแกพวกเจ้า แต่ข้าจะต่อสู้ในระดับเดียวกับพวกเจ้า พวกเจ้าว่าไง?”

 

“หึ ..” ฟางฉีพยักหน้าทันที “ดี เราจะดึงหมัดเพื่อทำลายจุดหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่รุนแรง ออกไปข้างนอกกันเถอะ!”

 

“ตกลง!” ดูเหมือนว่าจะมีความเห็นที่สูงขึ้นจากเดิม พวกเขาพยักหน้า “อืม .. มันเป็นการดีอย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไปละ”

 

ใบหน้าของเจียงซวนนั้นเย็นชา ใบหน้าของเขาช่างอ่านยากเสมอ

 

เมื่อได้ยินการสนทนาใบหน้าของกลุ่มผู้ชมกนะตุก

 

“ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่รู้ ไม่เห็นจะมีอะไรที่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ..” หลันยันกระซิบ

 

ซงฉิงเฟิง “เขาไม่รู้จริงหรอ”

 

ซูฉีซินกล่าว “ไว้อาลัยสามวิ”

 

พวกเขาเดินออกจากร้าน

 

เวิ่นหยันยิ้มเยาะ “นักรบ? ตามที่ข้าเคยได้ยินนักรบไม่สามารถบินได้ใช่มั้ย?”

 

เขายืดตัวและพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าจะต่อสู้กับเจ้าบนพื้น”

 

เขากวักมือเรียกหาฟางฉีและพูดเย้ย “มาเลย! ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้หากเจ้าทำร้ายข้าได้”

 

ใบหน้าของฟางฉีกระตุก “คำขอนี้ .. เจ้าประเมินต่ำไปหรือเปล่า?”

 

“ต่ำไป?” เวิ่นหยันมองด้วยสายตาดูถูก “งั้นแค่แตะต้องเสื้อผ้าข้าได้ข้าจะยอมแพ้ให้แล้วกัน พอใจหรือยัง?”

 

เจียงซวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่านายฟางฉีคนนี้น่าจะไร้ความสามารถ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด

 

ฟางฉีส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ ข้ากลัวว่าเจ้าจะแพ้ภายในพริบตา มันไม่เป็นการต่อสู้ที่เหมาะสมสักเท่าไร”

 

“อะไรนะ!?”

 

“ยโส!”

 

“วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้แก่เจ้า เจ้าของร้านใจดำ!” เวิ่นหยันตะโกนด้วยความโกรธในขณะที่รัศมีของเขาแพร่ขยายออกไป