เวิ่นหยันตอนนี้ได้ยืนประจันหน้าอยู่กับฟางฉี เขาปล่อยรัศมีพลังในระดับนักรบบรรพบุรุษเป็นวงกว้าง
เขายกกำปั้นขั้นพร้อมด้วยเปลวไฟสีแดงที่ปรากฏขึ้น “เจ้าเป็นนักรบใช่มั้ย? ข้าจะใช้วิธีต่อตู้ในระยะใกล้ละกัน”
อุณหภูมิของเปลวไฟที่เปล่งออกมาจากมือของเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าพลังงานความร้อนแผ่กระจายไปทั่วหลังจากที่เขาทำมือโบกสบัดไปมาดูเหมือนว่ามันร้อนแทบจะเผาทุกอย่างให้กลายเป็นเถ้าถ่าน!
ผู้คนรอบตัวเขาดูประหลาดใจเมื่อเห็นเวิ่นหยันเผยพลังออกมา “ผู้คนในดินแดนทะเลทรายร้างแห่งนี้ช่างไร้ความรู้เกี่ยวกับหมัดไฟของข้า”
ส่วนฟางฉีเองเขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาพร้อมเปลวไฟสีแดงสด เปลวไฟนี้ไม่ได้ดูร้อนอย่างหมัดก่อนหน้านี้
“ชิกิโอโรชินากิ!?” หลายคนอุทาน
“ทำไมข้าถึงไม่รู้สึกถึงพลังใดๆ ในโอริชินากิของเขา!” ซงฉิงเฟิงกล่าวอย่างประหลาดใจ
ริมฝีปากของเวิ่นหยันโค้งขึ้น “มาแล้วสินะ”
เขาตะโกนด้วยความโกรธ “เปลวไฟกลืนกิน!”
เปลวไฟพุ่งเข้าหาฟางฉีคล้ายว่ามันคือระเบิดลูกยักษ์ที่ถูกพ่นออกมาจากปากมังกร แต่แล้วมันกลับต้องหยุดลงเพียงแต่มือที่โบกสบัดของฟางฉี
“บ้าชิบ!” เจียงซวนส่ายหน้าพลางคิดถึงเทคนิคนี้ช่างมีชื่อแปลก “ชิกิโอโรชินากิ” นั่นไร้สาระสิ้นดี
คลื่นเปลวไฟที่ยิงตามออกมาจากมือของฟางฉี ความร้อนแผ่กระจายตัวเล็กน้อย แต่นั่นทำให้การแสดงออกของเจียงซวนเปลี่ยนไปอย่างมาก!
แตกต่างจากวิธีการฝึกฝนของคนอื่นๆ ฟางฉีได้รับความแข็งแกร่งส่วนใหญ่จากการฝึกฝนในห้องแถมยังได้รับพลังงานบริสุทธิ์ของกำลังภายในซึ่งผสานเข้ากับเขาผ่านตัวละคน
ด้วยความสามารถของเขา เขาจึงได้รับผลประโยชน์โดยตรงมากกว่าการเล่นเกมเหมือนคนอื่นๆ
ความแข็งแกร่งที่เขาได้รับจากระบบนั้นบริสุทธิ์มากแถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ที่เขารับมือด้วยตัวเองแม้ว่าจะใช้ร่างของตัวละคน เขาสามารถปลดปล่อยพลังงานได้ระดับเดียวกับเกม
ตั้งแต่ฟางฉีวางแผนที่จะเดินตามเส้นทางของนักรบเขาเองได้ฝึกฝนและเรียนรู้อยากหนักเกี่ยวกับเทคนิคการต่อรู้ทั้งระยะไกลและเน้นระยะใกล้ของชิกิโอโรชินากิอย่างมาก
ผู้คนที่อยู่รอบตัวไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนของเปลวไฟเพราะว่าพลังงานความร้อนทั้งหมดถูกรวบรวมอยู่ภายในฝ่ามือของเขา!
“ปล่อยพลังของเจ้าออกมาให้หมด!” เจียงซวนตะโกนท้าทาย
“หืม!?” ใบหน้าของเวิ่นหยันดูเปลี่ยนไปในพริบตา
เปลวไฟของฟางฉีลุกโชนเผยถึงพลังงานความร้อนที่สูงมาก มันค่อยๆ ละลายพื้นดินที่เขากำลังยืนอยู่ เวิ่นหยันรู้สึกถึงความร้อนที่ท่วมท้นผมและคิ้วของเขาตอนนี้แทบไหม้
หลังจากเจาะเปลวไฟความร้อนของเวิ่นหยันแล้ว ชิกิโอโรชินากิยังบังคับให้เวิ่นหยันจำต้องล่าถอยออกไป ถ้าไม่ล่าถอยตอนนี้เขาต้องได้รับบาดเจ็บแน่!
“ไป! ไป! เจ้านาย!” เจียงเสี่ยวหยูปรบมือและส่งเสียง “ใช้ชิกิโอโรชินากิก่อนแล้วค่อยแสดงให้เขาเห็นถึงความสิ้นหวังของมูชิกิ!”
“…” ฟางฉี
“ยังเหลือทักษะขั้นสูงอยู่อีกหรอ?” เวิ่นหยันดูแคลน “ข้าก็ไม่รู้มาก่อนว่าจะมาพบกับเด็กหนุ่มอย่างเจ้าในทะเลทรายร้างที่นี่”
เขาส่ายหัวแล้วพูดต่อ “แต่ถึงอย่างไรข้าก็ไม่สามารถเรียกคำพูดของตัวเองคืนมาได้ ถ้าข้าแพ้เด็กหนุ่มอย่างเจ้ามันคงอัปยศสิ้นดี!”
“ดู!” เขาตะโกน “ข้าจะแสดงเทคนิคอันยอดเยี่ยมให้เจ้าได้เห็นว่าช่องว่างและความต่างของเรามันใหญ่เกินกว่าที่เจ้าจะมองข้าม!”
ฟางฉีตอบกลับ “อืม .. ข้าเข้าใจ”
“ไม่! เจ้าไม่เข้าใจ” เวิ่นหยันส่ายหัว “ไม่เช่นนั้นเจ้าจะดำเนินการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ต่อไป”
เขาเอามือของเขามาประสานกันตรงหน้าอกก่อนจะร่ายเวทย์มนตร์ผนึกกัน
ท้องฟ้าที่อยู่ข้างหลังเขามัวลงอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกันผู้คนดูเหมือนจะได้ยินเสียงคลื่นทะเลที่อยู่ในระยะไกล
เสียงนั้นเข้ามาใกล้มากทุกที มันเหมือนเสียงของคลื่นมหาสมุทนขนาดมหึมาและเชี่ยวกรากพุ่งพล่านอยู่ข้างหลังเขา
จากนั้นเงามังกรดำก็พุ่งขึ้นมาจากคลื่นอันปั่นป่วนข้างหลังเขาและทะยานขึ้นสู่ก้อนเมฆ+
มันคือมังกร!
“ยอมรับความพ่ายแพ้ซะ!” ลมกระโชกแรงพัดผ่านไปทั่วทั้งแผ่นดิน เสียงหัวเราะของเวิ่นหยันดังขึ้นแข็งกับเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้อง เม็ดฝนยักษ์ตกลงมาดูเหมือนว่ามังกรดำกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆ
การปราบปรามที่น่าสลดสยองส่งความหนาวสั่นลงที่ยังผู้คน มันหนาวจับใจจนไปถึงกระดูกสันหลัง
“เทคนิคนี้มาจากพลังที่แท้จริงที่ได้จากส่วนลึกของสายเลือดโบราณในตระกูลข้า แม้ว่าข้าจะเข้าใจแค่เพียงร่องรอยต่อเสี้ยงเดียว แต่ผู้ฝึกฝนสามัญในดินแดนขนาดใหญ่ยังไม่สามารถปิดกั้นและป้องกันมันได้!” เขาจ้องมองฟางฉีด้วยสายตาเย็นชา “ทีนี่เจ้าเข้าใจความแตกต่างของเราหรือยัง!?
“นี่ ..”
ดาบจิตวิญญาณพุ่งเข้าหาร่างของฟางฉี ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปฟางฉีผสานดาบจิตวิญญาณร่วมกับเทคนิคเพื่อแปรเปลี่ยนมันเป็นดาบสวรรค์ขั้นสูง
“ข้าได้เรียนรู้เทคนิคดาบนี้จากผู้อาวุโสเอ้อหู แม้ว่าข้าเองจะเข้าใจเพียงร่องรอยต่อเช่นกัน” ฟางฉีกล่าว “แต่ผู้ฝึกฝนทั่วไปอาจพบว่ามันเป็นการยากที่จะเคลื่อนไหวหลีกหนีเมื่อเผชิญหน้ากับข้า!”
เวิ่นหยัน “!!??”
ผู้อาวุโสเอ้อหูอะไรนั่นที่เขาพูดถึงคืออะไร? ไร้สาระ
เจียงเสี่ยวหยูก็ยังคงยืนงง “ใครคือผู้อาวุโสเอ้อหู ทำไมข้าไม่เคยเห็นเขาเลย ..”
นาหลันหมิงสือกล่าวว่า “มันเป็นชื่อที่เขากล่าวอ้างหรือเปล่า?” เธอทำหน้าฉงนใจ
“ดาบสวรรค์ .. ไม่มีชื่อ” ซูเทียนจิกล่าวพร้อมพยักหน้า “ดาบจิตวิญญาณนี้ควรจะเป็น ..”
ทันทีที่เธอพูดคลื่นเงาดาบก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
มันก่อตัวเป็นม่านดาบครอบคลุมท้องฟ้า! แม้จะอยู่ในที่แสนไกลยังสามารถรับรู้ได้ถึงพลังงานดาบที่ถูกครอบงำอยู่ในแต่ละเล่ม
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือวิญญาณดาบที่เปล่งออกมาจากชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาทำให้เวิ่นหยันรู้สึกว่าเขาสามารถตัดท้องฟ้าได้เป็นสองส่วน
หากการโจมตีครั้งนี้ตกอยู่กับเขา เวิ่นหยันเองอาจจะไม่สามารถปิดกั้นได้ด้วยความแข็งแกร่งที่เขามีตามลำพัง
“เป็นไปไม่ได้!” เวิ่นหยันไม่เชื่อว่านักรบแห่งทะเลทรายร้างนี้จะมีพลังมาก
“เจ้ากำลังขู่เรา!” เขาพูดเสียงดัง “ข้าจะดูว่าเจ้าจะทนทานได้นานแค่ไหน!”
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เมื่อคำพูดเหล่านั้นหลุดว่า ดาบจำนวนมากพุ่งลงมาราวกับเม็ดฝน
ดาบบินจำนวนมากเปล่งเสียงผ่านหูของเขาเสียดสีกันอย่างน่าทึ่งไม่เพียงแค่เวิ่นหยันเท่านั้นที่กำลังทึ่งแต่เจียงซวนก็เช่นกัน
เขาเป็นนักรบจากดินแดนทะเลทรายร้างจริงหรอ!?
ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกตัวว่า .. พวกเขามาผิดที่!