บทที่ 538 เรื่องที่ยังไม่รู้
บทที่ 538 เรื่องที่ยังไม่รู้
เซียวเฟิงได้พบกับบิชอปโจลีฟภายในวิหารแห่งแสงที่อยู่ในเมืองโซล วิหารแห่งนี้เทียบไม่ได้เลยกับวิหารที่เคยอยู่ในหุบเขาอาทิตย์ตก ไม่ว่าจะด้วยขนาดหรือบรรยากาศ มันแตกต่างกันโดยสมบูรณ์ ที่นี่กลายเป็นที่ยอมรับได้ไปแล้ว และมันสามารถเทียบเคียงได้กับวิหารแห่งแสงภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าได้เลย!
เมื่อครั้งที่พยายามจะชนะใจของ NPC ระดับสูงอย่างบิชอปเรนัลด์ หลิวเฉียงเหว่ยจำเป็นต้องใช้ทุนทรัพย์จำนวนมาก ๆ ในการล่อลวงเขา เพราะงั้นแล้ววิหารแห่งแสงภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าจึงมีระดับ 2 ซึ่งสูงกว่าวิหารแห่งแสงในเมืองหลักเมืองอื่นของระบบ ที่เป็นเพียงระดับ 1 เท่านั้น
และการที่วิหารแห่งแสงในเมืองโซลสามารถพัฒนามาได้ระดับนี้ แสดงว่าการขยายอิทธิพลจะต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่ ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เซียวเฟิงยังรู้สึกได้จากตัวของบิชอปโจลีฟที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาก ไม่เพียงแต่เขาดูหนุ่มและกระฉับกระเฉงขึ้น แต่ด้วยเซียวเฟิงเลเวล 66 ที่มีทักษะการตรวจสอบในระดับปรมาจารย์นั้น กลับไม่สามารถตรวจดูค่าสถานะของบิชอปโจลีฟได้!
นั่นหมายถึงตอนนี้ บิชอปโจลีฟมีเลเวลสูงกว่าเซียวเฟิงเกินกว่า 20 เลเวลแล้ว! จะน่ากลัวเกินไปหรือเปล่าน่ะ!?
อย่างไรก็ตาม บิชอปโจลีฟก็ยังคงเคารพเซียวเฟิงเหนือหัวเช่นเดิม หลังจากที่เขาเห็นเซียวเฟิง เขาก็รีบปรี่เข้ามาด้วยความตื่นเต้นมากกว่าแม่ชีรุธเสียอีก ไม่เพียงแต่บิชอปโจลีฟเท่านั้น เหล่าสมาชิกของวิหารแห่งแสงก่อนหน้านี้ เมื่อรู้ว่าเซียวเฟิงกลับมา พวกเขาต่างก็ตื่นตาตื่นใจกันแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่ พวกเขาทั้งหมดเข้ามารุมล้อมเซียวเฟิงไว้จนแทบจะไม่เหลือช่องว่างให้หายใจเลย
“บิชอปโจลีฟ ท่านสามารถออกจากจักรวรรดิและกลับไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ได้หรือยังตอนนี้?”
ในที่สุด เซียวเฟิงก็ได้จังหวะถามบิชอปโจลีฟเสียทีหลังจากที่พยายามเกลี้ยกล่อมเหล่าผู้มารุมล้อมอยู่พักใหญ่ ๆ
“ท่านอาร์คบิชอป อันที่จริงพวกข้าก็รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของนครศักดิ์สิทธิ์แล้วเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางไปที่นั่นได้เหมือนเดิม ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านอาร์คบิชอป?” บิชอปโจลีฟตอบ
“ตอนนี้เขตป้องกันที่พระเจ้าผู้สร้างถูกปลดลงแล้วในบางส่วน ทำให้นักผจญภัยบางคนสามารถข้ามผ่านมาหากันได้ การที่พวกท่านสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของนครศักดิ์สิทธิ์ได้ก็น่าจะเป็นเพราะแบบนี้ แต่อย่างที่บอก เขตป้องกันยังไม่ได้ถูกปลดทั้งหมด หากพวกท่านต้องการที่จะเดินทาง คงต้องรอกันอีกสักพัก” เซียวเฟิงอธิบายให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
“ในเมื่อเขตป้องกันกำลังค่อย ๆ ถูกปลดลง นั่นหมายถึงพวกเรากำลังจะได้กลับไปในที่ที่จากมาอีกครั้งแล้ว เช่นนั้นรออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ” บิชอปโจลีฟถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็พูดเยินยอเซียวเฟิงไปด้วย “มันเป็นเพราะความแข็งแกร่งของท่านอาร์คบิชอปแท้ ๆ เลย ความอุตสาหะในการช่วยตรวจสอบเขตป้องกันของเทพผู้สร้างว่าเป็นอย่างไรบ้าง ความศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านได้แสดงให้พวกเราเห็นก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่พวกข้ามิอาจลืม พวกข้าช่างหวาดหวั่นเหลือเกินว่าพวกข้าอาจจะตามท่านไม่ทัน ท่านอาร์คบิชอป ต่อให้พวกเราจะได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับแสงสว่างก็ตาม”
“…ไว้กลับมาครั้งหน้า ฉันคงต้องขอให้พวกท่านช่วยอะไรหน่อย” ฟังคำเยินยอเช่นนั้น เซียวเฟิงก็พูดอะไรไม่ออก
“ท่านอาร์คบิชอป ได้โปรดไว้ใจข้าได้เลยครับ! วิหารแห่งแสงแห่งอาณาจักรนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของข้าแล้ว! ข้าจะไม่ทำให้ท่านเสียความเชื่อใจจากนครศักดิ์สิทธิ์เป็นอันขาด! ข้าจะเชื่อฟังคำพูดของท่านเป็นอย่างดี ท่านอาร์คบิชอป!”
“ไม่ได้จะถามเรื่องนี้ วันนี้แค่ได้เห็นความพยายามของพวกท่าน ฉันก็พอใจมากแล้ว พวกท่านพัฒนาวิหารแห่งแสงได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ” เซียวเฟิงส่ายหน้า
“ถ้างั้น…ท่านอยากจะขออะไรงั้นหรือ ท่านอาร์คบิชอป?” บิชอปโจลีฟเกาหัวก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มชื่นชมและถามกลับไปอีกครั้ง
“สิ่งที่จะขอ…ฉันอยากให้ท่านเล่าเรื่องให้ฟังหน่อย เรื่องของพระสันตะปาปา และขุมกำลังที่กระจายอยู่ในศูนย์ใหญ่เขตยุโรปทั้งหมด” นักบวชหนุ่มไม่รอช้าที่จะถามจุดประสงค์ของตนกับบิชอปโจลีฟทันที
“พระสันตะปาปางั้นเหรอครับ?…คือเรื่องนั้น…”
หลังจากได้ยินคำถามของเซียวเฟิงแล้ว สีหน้าของบิชอปโจลีฟก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เขารีบหันมองซ้ายขวาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีคน
โชคดีที่พวกพ้องของเขาต่างเดินจากกันไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงเซียวเฟิงและบิชอปโจลีฟเท่านั้นที่ยังอยู่ในโถงหลักของวิหาร สิ่งนี้ทำให้เขาโล่งใจก่อนจะเปิดวงเวทสำหรับเคลื่อนย้ายขึ้นมาภายใต้ฝ่าเท้าของตนเหมือนหัวขโมยที่ต้องทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ บิชอปโจลีฟเดินเข้าไปก่อนแล้วค่อยหันมาเชิญเซียวเฟิงให้ตามเข้าไป
“ท่านอาร์คบิชอปครับ ได้โปรดตามข้ามา…”
“ที่นี่…ห้องเก็บอุปกรณ์งั้นเหรอ?”
แม้จะไม่ได้เข้าใจท่าทีที่ดูกระวนกระวายของบิชอปโจลีฟมากนัก แต่เซียวเฟิงก็ยอมเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในวงเวทนั้นแต่โดยดี ซึ่งปลายทางนั้น ก็คือที่ที่เขาค่อนข้างจะคุ้นเคยอยู่ไม่น้อยเลย
มันคือคลังแสงของวิหาร ครั้งหนึ่งเซียวเฟิงเคยเข้าไปในคลังแสงภายในวิหารแห่งแสงที่ตั้งอยู่ในหุบเขาอาทิตย์ตก ชุดทวยเทพอวยพรนั้นก็ได้มาจากคลังแสงนั้น เขาจำได้ว่าสภาพคลังตอนนั้นค่อนข้างจะเก่ามาก ของแต่ละอย่างบอกอายุได้เลยว่าอยู่กันมาตั้งแต่สมัยไหน
ต่างกับตอนนี้ที่ดูใหม่เอี่ยม รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถูกเก็บไว้ภายในก็ยังดูใหม่ขึ้นอีกด้วย ของหลายชิ้นภายในนี้ล้วนแต่เปล่งแสงสีม่วงออกมา
ใช่แล้ว…พวกมันคืออาร์ติแฟกต์!
“ท่านอาร์คบิชอปครับ…ท่านมาจากนครศักดิ์สิทธิ์แท้ ๆ ทำไมท่านถึงอยากรู้เรื่องของพระสันตะปาปาล่ะครับ?”
ชัดเจนเลยว่า การที่บิชอปโจลีฟพาเซียวเฟิงมาที่นี่ก็เพื่อไม่ให้เรื่องที่จะคุยกันนั้นหลุดลอดออกไปข้างนอกได้
“ตอบแค่ที่ถามก็พอ” เซียวเฟิงพูดออกไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการที่จะบอกบิชอปโจลีฟถึงสิ่งที่เขาจะทำ
“…ท่านอาร์คบิชอป ข้าน่ะเคารพท่านอย่างหาใครเปรียบมิได้ ดังนั้นข้าหวังจากใจจริงว่าท่านจะไม่เข้าไปยุ่งกับความบาดหมางกันของวิหารศักดิ์สิทธิ์และพระสันตะปาปานะครับ” บิชอปโจลีฟที่ไม่รู้ว่าเซียวเฟิงจะทำอะไรแต่ก็เลือกที่จะพูดกับเซียวเฟิงด้วยสีหน้าจริงจัง
“ความบาดหมางแบบไหนกัน? ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันถามเพราะแค่อยากรู้น่ะ” เซียวเฟิงเริ่มเกิดความสงสัยมากขึ้นแล้ว กระนั้นเขาก็เลือกที่จะเพิ่มบางประโยคลงไปเพื่อทำให้บิชอปโจลีฟมั่นใจว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ด้วย
“ในเมื่อท่านอาร์คบิชอปอยากรู้ ข้าเองก็จะไม่ปิดท่าน” บิชอปโจลีฟกัดฟันก่อนจะเริ่มพูดต่อเมื่อตัดสินใจได้แล้ว
“จริง ๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้พระสันตะปาปาและนครศักดิ์สิทธิ์แตกหักกันนั้น มันเริ่มมาตั้งแต่ราว ๆ หนึ่งพันปีก่อนน่ะครับ มีเพียงผู้อาวุโสในวิหารเท่านั้นที่ยังจำได้”
“มันมาจากการยึดอำนาจมาจากพระสันตะปาปาแล้วชิงเอาวิหารแห่งแสงไปครับ เพราะงั้นพระสันตะปาปาจึงแยกตัวออกมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ในยุโรปแล้วสร้างศูนย์ใหญ่แห่งที่สองขึ้นมาแทน”
“พระสันตะปาปาได้บอกไว้ว่า เทพธิดาแห่งแสงเป็นพวกนอกรีต ในฐานะที่เป็นเพียงผู้ส่งสารของพระเจ้าแห่งแสง นางไม่มีสิทธิ์ครอบครองวิหารแห่งแสงด้วยซ้ำ”
นี่เป็นครั้งที่สามที่เซียวเฟิงได้ยินเรื่องพวกนอกรีต และเรื่องนี้ก็ค่อนข้างเกินคาดของเซียวเฟิงอยู่เหมือนกัน กลายเป็นว่าพระสันตะปาปานั้นคือผู้หันหลังให้นครศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ?
“ท่านหมายถึง พระสันตะปาปาหมดศรัทธาในพระเจ้าแห่งแสงด้วยหรือเปล่า?”
“ศรัทธาของพระสันตะปาปานั้นกล้าแกร่งเสียยิ่งกว่าสิ่งใดเลยครับ ต่อให้เขาจะถูกช่วงชิงอำนาจไป เขาก็ยังคงศรัทธาในแสงสว่างเช่นเดิม ก่อนหน้านี้เขาก็ยังไปเยี่ยมเยืยนนครศักดิ์สิทธิ์อยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่เลือกที่จะไม่พบกับผู้ดูแลด้านบน ว่ากันว่าบิชอปดั้งเดิมของนครศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด หายไปพร้อม ๆ กับพระสันตะปาปา และตอนนี้บิชอปที่ทำงานอยู่เบื้องบนนั้น คือผู้ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ครับ” บิชอปโจลีฟอธิบาย
“งั้นแสดงว่า พลังรบของศูนย์บัญชาการที่ยุโรป มีกำลังสูงกว่าของนครศักดิ์สิทธิ์เหรอ?” ดูท่าเรื่องนี้จะเป็นข่าวร้ายสำหรับเซียวเฟิงเสียแล้ว
“ใช่แล้วครับ นครศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การดูแลของเทพธิดาแห่งแสงนั้น แม้ตัวผู้ดูแลจะแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัยก็จริง แต่ทางด้านกำลังรบ พวกเขาเสมือนว่ายังขาดหัวหอกที่สำคัญ ๆ ผิดกับทางศูนย์บัญชาการในเขตยุโรป ขุมพลังหลักของนครศักดิ์สิทธิ์เดิมนั้นกระจายไปทั่วทุกแห่งหนที่นั่น”
ให้ตายเถอะ!
เซียวเฟิงสบถภายในใจก่อนจะถามต่ออีก “ถ้างั้น ท่านโจลีฟ หากท่านเลือกได้ ท่านจะยืนอยู่ข้างใคร ระหว่างพระสันตะปาปากับเทพธิดาแห่งแสง?”
“อย่าถามอะไรที่ทำให้ข้าลำบากใจสิครับ ข้าเป็นเพียงบิชอปที่ต่ำต้อยที่ได้รับหน้าที่ในการดูแลสาขาของวิหารเท่านั้น ข้าไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับความบาดหมางของทั้งสองผู้ยิ่งใหญ่หรอก หากข้าไม่ระมัดระวังความคิดและการปฏิบัติตนให้ดี มีหวังข้าและพวกพ้องได้ตายลงด้วยเงื้อมมือของเทพเจ้าแห่งแสงกันพอดี” บิชอปโจลีฟยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะย้ำเตือนอีกครั้ง “ท่านอาร์คบิชอปเองก็ด้วย ถือเสียว่าข้าขอร้อง อย่ายุ่งกับเรื่องนี้เลยนะครับ การที่ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อน แสดงว่าท่านเองก็เป็นอาร์คบิชอปคนใหม่ ท่านยังหนุ่มยังแน่น แต่สามารถมาอยู่ในจุดที่สูงขนาดนี้ได้ นั่นหมายถึงท่านเป็นผู้ที่มีความสามารถที่พวกเราต่างก็พยายามเฟ้นหากันมานาน ไม่ว่าจะเป็นพระสันตะปาปาหรือเทพธิดาแห่งแสง พวกเขาจะแข่งกันเพื่อให้ได้ตัวท่านไป แต่ถ้าหากท่านได้ตัดสินใจเลือกฝ่ายไปแล้ว ท่านจะไม่ได้รับความสงบสุขอีกเลย”
“เข้าใจแล้ว ว่าแต่…ท่านรู้หรือเปล่าว่าศูนย์บัญชาการฝั่งยุโรปตั้งอยู่ที่ไหน?” เซียวเฟิงพยักหน้าพอเป็นพิธีแล้วถามคำถามอื่นต่อ
คำถามนี้เป็นคำถามที่เซียวเฟิงไม่รู้อะไรมาก่อนเลยจริง ๆ เขาเคยถามมันแล้วครั้งหนึ่งกับเทพธิดาแห่งแสง แต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอเพียงแค่รู้ว่าภายในเขตยุโรปมีศูนย์บัญชาการของวิหารแห่งแสงอยู่อีกแห่งหนึ่ง แต่นอกเหนือจากนั้นไม่รู้เลย แม้เพียงแค่เมืองหลักที่ตั้งมั่นก็ไม่รู้
ดังนั้นหากเขาคิดจะใช้วิธีการเทเลพอร์ต เขาก็ไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร เพราะศูนย์บัญชาการเขตยุโรปนั้น เป็นเพียงชื่อที่เรียกให้เข้าใจโดยทั่วกันเฉย ๆ ในขณะที่ชื่อของสถานที่จริง ๆ ก็มีเพียง วิหารแห่งแสง แล้วในเขตยุโรปมีวิหารแห่งแสงมากมาย เขาไม่มีทางไล่เช็กทีละแห่ง ๆ ได้แน่นอน
“อ๊ะ วิหารแห่งแสงเขตยุโรปตั้งอยู่ในบริเวณของโรมครับ เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เมืองทั้งเมืองนั้นเป็นของวิหารศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงไม่น่าจะได้ฟังที่เขาพูด บิชอปโจลีฟก็ได้แต่ถอนหายใจ
“อืมม แล้วท่านรู้หรือเปล่าว่าพวกนอกรีตหมายความว่ายังไง?” เซียวเฟิงพยักหน้าและถามคำถามอื่นต่ออีกครั้ง
“เรื่องนี้…ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดเช่นกันครับ ถึงแม้ว่าพระสันตะปาปาจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายความหมายอะไรไว้เลย” บิชอปโจลีฟส่ายหน้า
“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นท่านก็พัฒนาและขยับขยายศรัทธาแห่งแสงในเขตนี้ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นต่อไป เดี๋ยวฉันจะไปแล้ว”
เซียวเฟิงไม่ได้ถูกอาร์ติแฟกต์ภายในคลังแสงแห่งนี้ดึงดูดเลย แม้ว่าระดับของพวกมันจะเป็นสิ่งที่น่าตราตรึงใจ แต่ยังไงเสียเขาก็ไม่สามารถใช้มันได้อยู่แล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ร้อนเงินด้วย ดังนั้นหลังจากพูดไปเช่นนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็ใช้แหวนอวกาศเพื่อเทเลพอร์ตไปที่อื่นต่อทันที
นั่นเพราะตัวเองได้รับข่าวว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นที่เขตฮัวเซีย เขาเลยจำเป็นต้องกลับไปเพื่อตรวจสอบ
“เดี๋ยวก่อนครับ ท่านอาร์คบิชอป! ถึงแม้ว่าพวกเราจะสามารถขับไล่อารามแห่งชีวิตออกไปได้แล้วก็จริง แต่การจะทำลายพวกเขานั้น มันมีบางสิ่งบางอย่าง…”
บิชอปโจลีฟรีบหมายจะหยุดเซียวเฟิงไว้ แต่เขาช้าไป เพราะวงเวทเทเลพอร์ตของเซียวเฟิงนั้นปิดอัดหน้าเขาอย่างพอดิบพอดี เซียวเฟิงหายไปในแสงสีขาว มันทำให้บิชอปโจลีฟไม่แม้แต่จะสามารถพูดจนจบประโยคเสียด้วยซ้ำ
ไม่มีสถานการณ์อะไรถูกรายงานไว้ในหมวดหมู่สงครามระหว่างเขตแดน เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงร้อนใจและรีบกลับมายังเขตฮัวเซียก่อน เขาหยิบเอาคัมภีร์เมืองขึ้นมา เพื่อกลับไปยังเมืองหลักที่อยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นค่อยเทเลพอร์ตตนเองไปที่เมืองจักรวรรดิ
ขณะที่กำลังวิ่งไปตามถนน เซียวเฟิงก็เปิดฟอรั่มเขตฮัวเซียเพื่อตามสถานการณ์การต่อสู้ภายในเขตฮัวเซียไปด้วย
ในตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะ 12 ชั่วโมงแล้วหลังจากสงครามระหว่างเขตแดนได้เริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ของเส้นทางข้ามเขตแดนทั้งเก้านั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก มีเพียงแต่มันจะเร่าร้อนมากขึ้น การต่อสู้ในแต่ละจุดยังไม่ลดลง
และภายในแรงพลังของผู้เล่นเขตฮัวเซีย ยังไม่มีเส้นทางไหนที่ถูกฝ่าทะลวงเข้ามาได้