บทที่ 539 สถานการณ์การปะทะ
บทที่ 539 สถานการณ์การปะทะ
การต่อสู้ที่บริเวณเก้าเส้นทางข้ามเขตแดนนั้นยังคงมั่นคงดี แต่เพราะเซียวเฟิงได้รับข่าวที่ไม่ค่อยดีนักจากคราวน์ปรินซ์ เขาถึงต้องรีบกลับมา
สถานที่ประชุมถูกจัดขึ้นที่ฐานหลักของกิลด์ไดนัสตี้ภายในเมืองจักรวรรดิ แต่ผู้ที่ถูกเชิญเข้าร่วมการประชุมนั้นกลับไม่ได้มีมากมายนัก เซียวเฟิงน่าจะเป็นคนสุดท้ายแล้วที่เข้าห้องประชุมมา ภายในห้องนั้นมีตัวแทนจากกิลด์ระดับผู้ปกครองทุกกิลด์นั่งรอกันอยู่ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เริ่มกันได้เลย”
ด้วยบรรยากาศภายในห้องประชุมดังกล่าว มันทำให้เซียวเฟิงต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะบอกให้ทุกฝ่ายเริ่มประชุมได้เลย
“สามฝ่าย”
คราวน์ปรินซ์เป็นตัวแทนของกิลด์ตนเอง แววตาของเขาสงบนิ่ง เช่นเดียวกับท่าทีที่นิ่งสงัดไม่ได้เดินไปไหนหรือทำอะไรนอกเสียจากชูสามนิ้วขึ้นมา “มีผู้เล่นจากเขตอื่นที่ใช้จุดบอดของกฎอีเวนต์ในการลักลอบเข้ามาในเขตเรา ผู้เล่นจากนอกเขตแฝงตัวอยู่ในเขตเราตั้งแต่ก่อนเริ่มสงคราม เพราะงั้นเมื่ออีเวนต์เริ่มต้นขึ้น พวกเขาเลยถูกตีเป็นผู้เล่นเขตฮัวเซียไปด้วย”
“กะไว้แล้วเชียว”
เซียวเฟิงพยักหน้าหลังได้ยินเรื่องนี้ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง เขารู้เรื่องนี้มาสักพักแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ลูอิส มีน่าที่เข้ามาในเขตฮัวเซีย เขาตั้งใจที่จะเข้าร่วมสงครามระหว่างเขตแดน ในฐานะผู้เล่นจากเขตอเมริกาเหนือที่แฝงตัวเข้ามา
แรงดึงดูดของสงครามระหว่างเขตแดนนี้มีค่อนข้างมาก และผู้เล่นทุกเขตต่างก็ยอมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับในอีเวนต์ เช่นเดียวกับเขตฮัวเซียที่ส่งคนเข้าไปยังเขตอื่น ดังนั้นเมื่อสงครามเริ่ม มันจึงไม่แปลกใจหากเขตอื่นจะบุกเข้ามาภายในเขตฮัวเซียได้โดยตรง
“ฝ่ายที่สอง ผู้เล่นจากเขตอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในเขตของเราครับ” คราวน์ปรินซ์พูดต่อ
“เจอแล้วเหรอว่าพวกนี้ซ่อนอยู่ที่ไหน?” เซียวเฟิงมองต่ำลง
“ยังไม่เจอครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีแค่หนึ่งหรือสองกลุ่ม พวกเขาน่าจะเข้ามาเป็นจำนวนมาก มากเกินกว่าจะนับได้!” น้ำเสียงของคราวน์ปรินซ์ฟังดูเหนื่อยหน่าย
“แสดงว่ามีผู้เล่นของเราให้ที่พักพวกนี้?” อีกครั้งที่เซียวเฟิงเหมือนจะรู้เรื่องพวกนี้ล่วงหน้า
ผู้เล่นเขตฮัวเซียมีมากมายจนนับไม่ถ้วน อย่างคำที่เขาว่าไว้ นกหลากหลายพันธุ์มักอาศัยในป่าใหญ่ หากคนต่างชาติพันธุ์จะซ่อนอยู่ในเขตใหญ่ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วย เพราะมันจะมีคนบางกลุ่ม ที่มองว่าคนต่างชาติเป็นญาติมิตร แดนต่างชาติเป็นแผ่นดินแม่อยู่
“ใช่แล้วครับ” คราวน์ปรินซ์พยักหน้า ความเศร้าสร้อยมันแสดงออกมาจากแววตาของเขาเล็กน้อย
“สงครามระหว่างเขตแดนครั้งนี้มันจะหวานหอมเกินไปแล้ว อย่างงั้นคนพวกนี้ก็ถือเป็นอาชญากรที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติได้หรือเปล่า?” เซียวเฟิงถามต่อด้วยเสียงที่เบาลง
“โนอาห์ไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงของผู้เล่นแน่ ๆ ครับ ดังนั้นน่าจะยาก” คราวน์ปรินซ์ส่ายหน้าช้า ๆ คำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดเหมือนเซียวเฟิง นั่นคือเริ่มหาจากต้นตอด้วยข้อกฎหมายต่าง ๆ และเล่นงานจากโลกแห่งความจริงเลย แต่เพราะปัญหาเรื่องข้อมูลที่ไม่สามารถนำออกจากระบบได้ ทำให้แนวคิดนี้ถูกปัดตกไป
“แล้วฝ่ายที่สามล่ะ?” เมื่อเห็นว่าความคิดของเขาไปต่อไม่ได้ เซียวเฟิงจึงเงียบไปสักครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นมาใหม่
“เป็นปัญหาที่คาราคาซังมาจากอดีตครับ อันที่จริง ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เกิดปัญหาแต่ละครั้ง มันก็มาจากคนในประเทศกันตลอด” สีหน้าของคราวน์ปรินซ์แสดงความหมดหวังออกมา นี่เป็นสีหน้าที่หาชมได้ยากมาก ๆ สำหรับคราวน์ปรินซ์
“เข้าใจแล้ว” เซียวเฟิงพยักหน้าก่อนจะคิดหาคำถามที่ควรถามต่อ “พวกนี้สร้างความเสียหายได้มากขนาดไหน?”
“เพราะกฎของอีเวนต์สงครามระหว่างชาติ ทำให้ผู้เล่นจากเขตเดียวกันไม่สามารถทำร้ายกันเองได้ ถือเป็นการบังคับใช้โหมดสันติสุข เพราะงั้นพวกเขาเหล่านี้จึงยังไม่สามารถลงไม้ลงมืออะไรได้ แต่ถ้าพวกเราปล่อยคนพวกนี้ไป มันจะต้องกระทบกับความมั่นคงของเขตเราแน่นอน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเจออะไรบ้าง แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ก็คือ พวกนี้กำลังโจมตีเมืองหลักของผู้เล่นอยู่
คราวน์ปรินซ์พูดขณะเหลียวมองเซียวเฟิง “เหมือนกับเมืองแห่งความโศกเศร้า ผู้เล่นไม่สามารถหยุดพวกเขาไว้ได้ มีเพียงการ์ด NPC เท่านั้นที่จะสามารถหยุดยั้งพลังทำลายล้างระดับ NPC ด้วยกันเองได้ โชคดีที่ตอนนี้ เมืองหลักของผู้เล่นต่างก็มีการ์ด NPC คอยคุ้มกันกันหมดแล้ว ดังนั้นความเสียหายที่ได้รับจากฝ่ายนี้จึงค่อนข้างจะยังน้อย”
เสียงของคราวน์ปรินซ์เงียบลงครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดเสริม “นอกจากนี้ มันยังมีพวกที่ชอบปล่อยข่าวลือแย่ ๆ ที่สามารถกระจายข้อความเท็จออกไปได้อยู่ พวกนี้เองก็ถือว่าทำให้เขตฮัวเซียของพวกเราวุ่นวายได้ไม่ต่างอะไรกับสนามรบเลย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้กระทบกับสถานการณ์ปัจจุบันของเส้นทางข้ามเขตแดนทั้งเก้ามาก ๆ”
“ไม่มีใครอยากหาเหาใส่หัวหรอก ฉันเชื่อว่าพวกนี้มีเบื้องหลังคอยบงการแน่ ๆ แล้วก็เชื่อด้วยว่าศักยภาพของนายน่าจะสืบเรื่องนี้ไหว” เซียวเฟิงพูดแล้วเหลือบมองไปยังคราวน์ปรินซ์บ้าง
ขอบเขตอิทธิพลของไดนัสตี้นั้นกว้างใหญ่และลึก เช่นเดียวกันกับตัวตนของคราวน์ปรินซ์ไม่ว่าจะเป็นในโลกใบไหน เขาก็อยู่เหนือการหยั่งถึงของคนทั่วไปเสมอ ดังนั้นคนคนนี้น่ะน่ากลัวนัก
“ในสามวัน” คราวน์ปรินซ์ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาเพียงชูสามนิ้วอีกครั้ง
“ด้วยพลังของเขตฮัวเซียในตอนนี้ มันคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหมหากจะต้องป้องกันเขตแดนไปอีกสามวัน?” เซียวเฟิงถาม
“สมรภูมิที่เส้นทางข้ามเขตแดนทั้งเก้านั้นยังคงมั่นคงอยู่ มีเพียงผู้เล่นเขตอื่นเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้ามาได้ เพราะผู้เล่นของเราที่ข้ามเขตไปก่อนหน้าจัดการไว้ให้เกือบหมดแล้ว”
คำตอบนี้มาจากหูเสี่ยวหู ผู้ที่มาเป็นตัวแทนของกิลด์เดอะวูล์ฟ
“แต่หลังจากสามวันแล้วคงจะพูดยากหน่อย เพราะจำนวนศัตรูที่ข้ามเขตแดนเข้ามาได้นั้นเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุก ๆ นาที ดีไม่ดีก็ทุก ๆ วินาที นอกจากนี้ พวกเราเองก็ยังมีปัญหาภายในที่ค่อนข้างจะหนักหน่วงอยู่ด้วย” คราวนี้เป็นไออ้อนบลัดเซเบอร์ หัวหน้ากิลด์สัมพันธมิตรแจ็กด์ผู้มาด้วยตนเอง
“ใช่แล้ว ปัญหาภายในของพวกเรามันก็ยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าเพราะแต้มเกียรติยศของเขตจะทำให้ผู้เล่นเขตฮัวเซียไม่เสียค่าประสบการณ์ของตน แต่จากแนวหน้าที่บุกทะลวงเข้าไปในเขตอื่น พวกเขาสูญเสียอาวุธและอุปกรณ์กันมากมายเลย ซึ่งสิ่งนี้ไม่มีทดแทนใด ๆ ทั้งนั้น เพราะงั้นแล้ว หากเป็นการต่อสู้ระยะยาวล่ะก็ พวกเรามีแต่จะอ่อนแอลงเท่านั้น” ผู้เล่นที่เซียวเฟิงไม่รู้จัก ตัวแทนจากกิลด์อาณาจักรแห่งทวยเทพพูดเสริม
“ฉันคิดมาพักหนึ่งแล้ว ว่าเรื่องนี้ถือเป็นผลประโยชน์ต่อส่วนร่วมของเขตฮัวเซีย ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือจากหอการค้า พวกนายควรจะเสียสละทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือคนอื่น อย่างเช่น ร้านค้ามหาสมบัติควรจะนำอุปกรณ์ที่เก็บไว้มาให้ผู้เล่นเขตฮัวเซียใช้ได้ฟรี ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้”
รองหัวหน้ากิลด์พิชิตโลกพูดขึ้น และประโยคสุดท้ายของเขาก็ทำให้ทุกคนภายในห้องประชุมต่างพากันขมวดคิ้ว
จริง ๆ เรื่องนี้เคยปรากฏขึ้นมาในฟอรั่มเขตฮัวเซียก่อนแล้วครั้งหนึ่ง นั่นคือ ‘เพื่อผลประโยชน์ของเขตฮัวเซีย ร้านค้ามหาสมบัติควรจะเสียสละอุปกรณ์ในคลังมาแจกจ่ายให้ผู้เล่นฟรี ๆ หรือเปล่า?’ เพราะงั้นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
“ฉันคิดว่ารองหัวหน้ากิลด์พิชิตโลกก็พูดมีเหตุผลนะ” แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงขึ้นมาจริง ๆ กลับมาอยู่ที่คำพูดของเซียวเฟิงที่ดูจะเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ด้วยแทน
เพราะทุกคนในที่นี้ต่างรู้อยู่แล้วว่าร้านค้ามหาสมบัตินั้นได้รับการสนับสนุนจากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ด้วยตัวคนเดียว ด้วยความคลุมเครือในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของร้านค้ามหาสมบัติและเจ้าแห่งฮีลเลอร์ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ทุกคนมั่นใจว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์คือผู้อยู่เบื้องหลังร้านค้ามหาสมบัติอย่างแน่นอน
และเจ้าแห่งฮีลเลอร์คนนั้นก็กำลังสนใจแนวคิดนี้!
การที่ทุกคนในที่นี้จะมีสถานะสูงกว่าคนธรรมดานั้นไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด พวกเขารู้จักกันดีในระดับหนึ่ง ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็รู้จักเจ้าแห่งฮีลเลอร์ดีในระดับหนึ่งด้วย เพราะแบบนี้ พวกเขาจึงค่อนข้างจะมั่นใจว่า คนคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยอมเสียสละง่าย ๆ แน่
และใช่แล้ว…พวกเขาคิดถูก เพราะประโยคถัดมาที่ออกจากปากเซียวเฟิง ก็ทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ออกกันหมด
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าตัวเองควรจะเสียสละผลประโยชน์เพื่อเขตฮัวเซียบ้าง เพราะงั้นก่อนจะเสียสละอะไร ฉันคงต้องต่อรองอะไรไว้หน่อย เอางี้มั้ย หากฉันยอมแจกจ่ายอาวุธและอุปกรณ์ที่อยู่ในคลังของร้านค้ามหาสมบัติให้แก่เหล่าทัพที่อยู่ ณ เส้นทางข้ามผ่านเขตแดนทั้งเก้าไปแบบฟรี ๆ พวกนายต้องยอมรับข้อเสนอของฉัน ฉันจะถือว่าอุปกรณ์ที่แจกจ่ายไปนั้นไม่ถือเป็นของร้านค้ามหาสมบัติอีกต่อไป ฉันยกให้เป็นสิ่งของ ของผู้เล่นคนนั้น ๆ และเพราะแบบนั้น ฉันจะขอให้ฉันมีสิทธิ์ในการซื้ออุปกรณ์เหล่านั้นคือในราคาที่ต่ำที่สุดก็ได้ โอ๊ะ ๆ แต่ผู้เล่นเค้าเสียสละชีวิตตัวเองมามากพอแล้ว เพราะงั้นฉันจะมาเก็บกับพวกนาย ถือเป็นการเสียสละร่วมกันเป็นไง? ยังไงซะกิลด์ของพวกนายก็ร่ำรวยกันอยู่แล้วนี่ ไม่ว่าจะด้วยตัวพวกนายเอง หรือเบื้องหลังของพวกนายก็ตาม แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก จริงไหม?” เซียวเฟิงยิ้ม
คำพูดของเขาทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แต่ขำแห้ง ๆ และมันทำให้สีหน้าของรองหัวหน้ากิลด์พิชิตโลกเจื่อนลงไปทันที
ไร้สาระ…คิดเหรอว่าเซียวเฟิงคนนี้จะยอมเสียผลประโยชน์คนเดียว?
เรื่องผลประโยชน์ของประเทศน่ะ เขาไม่อยากจะพูดถึงหรอก แต่คิดจริง ๆ เหรอว่าเซียวเฟิงจะยอมกระโดดลงไปในหลุมโดยไม่ได้หวังอะไรกลับมา?
ไปเช็กประสาทกันบ้างก็ดี!
ข้อแลกเปลี่ยนที่เซียวเฟิงเสนอเพื่อแลกกับการส่งอาวุธและอุปกรณ์ไปให้ยังผู้เล่นที่อยู่ทั้งเก้าเส้นทางข้ามเขตแดนนั้น ต่อให้ทุกกิลด์ในเขตฮัวเซียระดมทุนกันมาจ่าย ก็ไม่มีทางจ่ายหมดในชีวิตนี้แน่ ๆ!
เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงเลือกที่จะสู้เพื่อฮัวเซียด้วยวิธีของตนเอง และหากไม่มีใครมาขัดผลประโยชน์เขา ชายหนุ่มก็ไม่เลือกเอาวิธีหน้าเลือดนี้มาใช้หรอก
“โอเค กลับเข้ามาคุยเรื่องสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกันต่อ ตอนนี้สถานการณ์ทั้งเก้าเส้นทางข้ามเขตแดนเป็นยังไง พวกนายเองก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้วนะครับ ผ่านมา 12 ชั่วโมงแล้ว ถ้ายังไงก็ช่วยรายงานสถานการณ์หรือปัญหาที่พบเจอให้ทุกคนได้รับรู้ด้วยก็แล้วกัน ฉันจะเริ่มก่อน อืม…สถานการณ์ในส่วนของสองเส้นทางข้ามเขตแดนที่กิลด์ไดนัสตี้รับผิดชอบ ส่วนกลางและเส้นทางจากทิศเหนือยังคงมั่นคงมาก ๆ ไม่มีปัญหาอะไรและทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของเราครับ” คราวน์ปรินซ์หยุดเรื่องเดิมเอาไว้และเป็นฝ่ายเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“สัมพันธมิตรแจ็กด์เจอปัญหาอยู่นิดหน่อย พวกเราขาดประสิทธิภาพในการโจมตีเพราะเป็นเอลฟ์ แล้วก็เส้นทางข้ามเขตแดนของพวกเรามีทางตันดักอยู่ด้วย ความเร็วในการกำจัดศัตรูค่อนข้างต่ำมาก ๆ เลย”
“เดอะวูล์ฟไม่มีปัญหา จะมีก็แต่พวกมันมาไม่พอให้พวกเราฆ่า!”
“ดินแดนแห่งพระเจ้าไม่เจอปัญหาอะไร”
“มิดซัมเมอร์ไม่รู้สึกกดดันอะไรค่ะ” ลิลลี่ผู้มาในนามของกิลด์มิดซัมเมอร์พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ ไม่รู้ว่าหลิวเฉียงเหว่ยไปอยู่ไหน แต่ลิลลี่ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีในฐานะตัวแทน
“สถานการณ์ทางฝั่งของพิชิตโลกอยู่ในการควบคุม”
“ทางแอนติควิตี้ไม่ต้องกังวล”
“เอ่อ…มีบางอย่างไม่ค่อยดีจากกางเขนเหล็กของฉัน…” ชายคนสุดท้ายที่พูดขึ้นคือหานเฟิง เขาหายหน้าหายตาไปพักใหญ่ ๆ แล้ว และดูเหมือนว่าเขาจะผอมลง ในขณะที่มีวุฒิภาวะมากขึ้นด้วย
“บางอย่างที่ไม่ค่อยดีงั้นเหรอ?” คราวน์ปรินซ์ไม่รอช้าที่จะซักถามทันที
“แนวป้องกันของเส้นทางข้ามผ่านเขตแดนที่กางเขนเหล็กดูแลอยู่นั้น ค่อนข้างจะเปราะบางมาก ๆ แล้วก็เริ่มมีศัตรูฝ่าเข้ามาได้บ้างแล้ว ตอนนี้ผู้เล่นบริเวณนั้นทั้งหมดก็พยายามกันอย่างสุดความสามารถแล้ว” หานเฟิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
ตั้งแต่ที่กิลด์กางเขนเหล็กก่อตั้งขึ้นใหม่ พวกเขาก็เหลือสมาชิกกิลด์เพียงหนึ่งในสามของสมาชิกช่วงยุครุ่งเรืองเท่านั้น นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งหลัก ๆ ของกางเขนเหล็กนั้นก็มาจากผู้เล่นคลาสอัศวินด้วย ซึ่งเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการต่อสู้ระดับสมรภูมิสงคราม มันเลยไม่ได้ผลดีสักเท่าไหร่
ผู้เข้าร่วมประชุมบางคนแสยะยิ้มหลังจากได้ยินเช่นนั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากเมื่อตอนที่กางเขนเหล็กเสนอตัวจะรับหน้าที่ดูแลเส้นทางข้ามเขตแดนนั้น กิลด์เหล่านี้เลือกที่จะไม่อนุมัติ หากแต่พวกเขาก็โดนมิดซัมเมอร์ปัดตกการปฏิเสธเหล่านั้นด้วยเช่นกัน ตอนนี้ภาวะความแข็งแกร่งไม่เพียงพอมันได้ปรากฏขึ้นแล้ว และมันไม่ได้เกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เลย หากจะบอกว่าพวกเขาหวังให้มันเป็นแบบนี้ก็ไม่ถือว่าใส่ร้ายกันนัก
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมิดซัมเมอร์ถึงเลือกสนับสนุนกิลด์นี้จนได้รับหน้าที่นี้มา แต่ตอนนี้ตัวแทนกิลด์ที่ปฏิเสธในครั้งนั้น อย่างเช่น รองหัวหน้ากิลด์พิชิตโลก ก็กำลังหัวเราะอยู่ภายในใจ
“ฉันพอเข้าใจสถานการณ์โดยรวมแล้ว แบบนี้แสดงว่ามีเส้นทางข้ามเขตแดนแค่สองจุดที่มีปัญหา ก็คือ จุดของสัมพันธมิตรแจ็กด์ แล้วก็กิลด์กางเขนเหล็กสินะครับ” สีหน้าของคราวน์ปรินซ์ยังคงไม่เปลี่ยนไปเหมือนเดิม เขาหันหน้าไปหาหูเสี่ยวหูและพูด “กิดล์เดอะวูล์ฟกับสัมพันธมิตรแจ็กด์อยู่ไม่ห่างกันมาก ในเมื่อตอนนี้ทางฝั่งของเดอะวูล์ฟเองไม่มีปัญหาอะไร พาจะช่วยส่งคงไปสนับสนุนสัมพันธมิตรแจ็กด์ได้ไหมครับ?”
“ไม่มีปัญหา!” หูเสี่ยวหูรีบตอบด้วยความมั่นใจ กิลด์เดอะวูล์ฟนั้นถือว่ามีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ พวกเขาไม่เคยกลัวการต่อสู้ใด ๆ หากแต่กลัวไม่มีอะไรให้ต่อสู้ต่างหาก
“ในส่วนของกางเขนเหล็ก…” คราวน์ปรินซ์หันกลับไปทางหานเฟิงก่อนจะลังเล
“มิดซัมเมอร์จะให้การสนับสนุนเรื่องนี้เองค่ะ” ลิลลี่ชิงพูดขึ้นมาอย่างไม่ลังเล เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ได้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว