ตอนที่ 493 จัดการคดีความ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 493 จัดการคดีความ

“องค์ชายน้อยพยายามสังหารคนของเชื้อพระวงศ์จึงต้องได้รับการสอบสวน ! ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม อันอิงเฉิงคิดเข้าไปขัดขวางแต่ถูกสายตาของอันหลิงเกอปรามไว้

ถึงอย่างไรชางเอ๋อก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้ !

นางคงใจอ่อนมิได้อีกแล้ว ความใจอ่อนมีแต่นำพาความยุ่งยากมาสู่คนรอบข้าง อันหลิงเกอเข้าใจเหตุผลนี้แล้วว่าหากนางมิใจอ่อนจนเกินไป ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ก็คงมิเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา

หน้าที่เดิมของจวนอ๋องมู่คือควบคุมและตรวจตรา ครานี้คงปล่อยให้ชางเอ๋อหนีไปมิได้เด็ดขาด

ที่ปรึกษาข้างกายของชางเอ๋อคาดมิถึงว่าเหตุการณ์พลิกผันเยี่ยงนี้จึงรีบหนีเอาตัวรอดแล้วปล่อยให้ชางเอ๋อโดนจวนอ๋องมู่จับตัว หากจ้าวหลานหยู่รู้ว่าผิดแผนเช่นนี้ก็คงมิตัดสินใจกระทำการทั้งหมดตั้งแต่แรก

เมื่อเห็นชางเอ๋อถูกคนพาตัวไป ในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกมิดีจึงสั่งคนไปส่งข่าวให้มู่จวินฮาน แม้ชางเอ๋อมิใช่บุตรของนางแต่ก็เป็นทายาทของฮ่องเต้ หากตนตัดสินใจโดยพลการก็เกรงว่าจักเกิดปัญหาน่าหนักใจกว่าเดิม

มู่จวินฮานตอบกลับแค่สั้น ๆ อันหลิงเกอก็มองออกว่าเขาผิดหวังมากกว่าตน

หายนะจากเบื้องบนช่างยากหลบหลีก

เป็นเช่นนี้จริงเพราะสิ่งที่ชนชั้นสูงกลัวที่สุดก็คือความใจอ่อน

ความใจอ่อนชั่วขณะทำร้ายแค่ตนเอง แต่ความใจอ่อนตลอดกาลทำร้ายทุกคน

เมื่อคิดได้ดังนั้น อันหลิงเกอจึงสาบานกับตนว่าวันข้างหน้าจักปกป้องทุกคนที่อยู่ข้างกายให้ได้และมิยอมให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บเพราะตนอีก

เวลานี้หลี่ซื่อโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอันอิงเฉิง มินานนางก็หมดสติไปเพราะตกใจจนกล่าวอันใดมิออกและเหนื่อยล้ามาก นางหลับไปเช่นนี้ก็ดีแล้ว

อันอิงเฉิงก็มิได้กล่าวอันใดให้มากความและมิได้อยู่ต่อ เขาอุ้มหลี่ซื่อขึ้นหลังอาชาและควบตรงไปนอกเมืองทันที

อันหลิงเกอยังจมอยู่กับความเสียใจต่อบทลงโทษที่ชางเอ๋อได้รับ แม้นางมิได้ทำให้ชางเอ๋อถึงแก่ชีวิต ทว่าฮ่องเต้มีรับสั่งเด็ดขาดว่าให้คุมขังเขาและหลี่กุ้ยเฟยไว้ด้วยกัน วันข้างหน้าเกรงว่านางจักมิได้พบหน้าเขาอีกแล้ว

คิดได้ดังนั้นภายในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกเป็นทุกข์ ถึงอย่างไรนางก็เห็นชางเอ๋อเป็นเสมือนบุตรในไส้มาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้น นางก็ต้องลงโทษเขา และนี่คือเรื่องน่าลำบากใจที่สุดของนาง

เมื่อเห็นประตูเมืองหลวงตรงเบื้องหน้า ชางเอ๋อก็รู้ทันทีว่าหลังจากพ้นประตูนี้ออกไปแล้วจักหมดโอกาสเข้ามาได้อีก

ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว

“*หวงซง”

ในเวลานี้เขาเห็นจ้าวหลานหยู่ควบอาชาเข้ามา ความตื่นตกใจจึงฉายชัดในแววตาของเขา

“ชางเอ๋อ พี่ชายมาพบเจ้า” จ้าวหลานหยู่รู้สาเหตุที่ชางเอ๋อทำเรื่องเลวร้ายมากมายเช่นนี้ทั้งที่ยังเด็ก เขาจึงมิอาจตัดสัมพันธ์กับอีกฝ่ายได้

อย่างไรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ล้วนแต่เป็นตนคอยให้คำแนะนำชางเอ๋ออย่างลับ ๆ

กระทั่งตอนนี้ชางเอ๋อต้องแยกจากมู่จวินฮานและอันหลิงเกอจึงทำให้หมดประโยชน์ไปโดยปริยาย

“วันนี้พี่ชายมาส่งเจ้า”

“ขอบพระทัยหวงซงพ่ะย่ะค่ะ” ชางเอ๋อมิเข้าใจความหมายของจ้าวหลานหยู่และคิดว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงตนจริง ๆ จึงขอบคุณในเจตนาดีของอีกฝ่าย

เขาต้องออกเดินทางไปพบหลี่กุ้ยเฟย วันข้างหน้าก็คงได้แต่สวดมนต์และถือศีลกินเจอยู่ในอารามกลางป่าอย่างแน่นอน

จ้าวหลานหยู่มองไปยังแผ่นหลังเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายพร้อมขบกรามเล็กน้อย ก่อนหยิบ*ซิ่วเจี้ยนออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ

เหล่าองครักษ์มิได้สังเกตว่าจ้าวหลานหยู่จักทำร้ายชางเอ๋อ เด็กน้อยที่กำลังหันหลังให้นั้น จู่ ๆ ก็มีลูกศรยิงผ่านลำคอไปอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็มีโลหิตสาดกระเซ็น

ยังมิทันที่ชางเอ๋อได้แสดงแววตามิเชื่อออกมา จ้าวหลานหยู่ก็จากไปแล้ว

“เร็ว ไปทูลฝ่าบาทและท่านอ๋องมู่ว่าองค์ชายน้อยปลิดชีวิตตนเองแล้ว ! ” เวลานี้ องครักษ์ทุกนายพากันอลหม่านเพราะมิมีผู้ใดคาดคิดว่าองค์ชายน้อยจักเลือกปลิดชีวิตตนเอง

ทันทีที่มู่จวินฮานได้ทราบข่าวนี้อันหลิงเกอก็อยู่ข้างกายพอดี ทั้งสองคนจึงรีบขึ้นม้าแล้วควบตรงมายังทิศทางของประตูเมืองทันทีและคาดมิถึงว่าชางเอ๋อจากไปด้วยวิธีนี้

ครั้นอันหลิงเกอและมู่จวินฮานมาถึง ชางเอ๋อยังมิได้สิ้นลม ลูกศรแม้สั้นมากและบาดแผลมีขนาดเล็กแต่เขาก็เหลือลมหายใจสุดท้ายเพียงน้อยนิด

“ชางเอ๋อ ! ”

“ลูกรัก ! ”

เสียงของอันหลิงเกอและมู่จวินฮานดังขึ้น พวกเขาคาดมิถึงว่าชางเอ๋อจักทำเรื่องนี้ได้

อันหลิงเกอรีบเข้าไปกอดร่างของชางเอ๋อไว้ ดูหมือนเขาสัมผัสได้ว่าชีวิตของตนกำลังจบลง เขามิมีแม้แต่เรี่ยวแรงและทำได้เพียงมองเลือดสีแดงที่ค่อย ๆ ไหลรินออกมา

อันหลิงเกอมิอาจบรรยายความรู้สึกที่อยู่ในใจได้ นางเห็นแค่ปากของชางเอ๋อที่อ้าและหุบโดยมิได้กล่าวอันใดออกมา น้ำตาของนางพรั่งพรูอย่างผิดหวังและมันก็ไหลรินลงมากระทบใบหน้าของชางเอ๋อทีละหยด

อันหลิงเกอกุมมือของชางเอ๋อไว้แน่น ผู้ใดก็คาดมิถึงว่าเขาต้องมาตายอยู่ในประตูเมืองเช่นนี้ ในใจของอันหลิงเกอทุกข์ระทมจนพูดมิออก

ชางเอ๋อคือเด็กที่นางเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แต่บัดนี้นางต้องมาเห็นจุดจบของเขา นางจึงทุกข์ระทมเป็นอย่างมากแต่ก็รู้ดีว่าที่ตนทำลงไปถูกต้องแล้ว หากมิทำก็เกรงว่าวันข้างหน้าคนที่ต้องพบจุดจบเช่นนี้ก็คงเป็นนางและมู่จวินฮาน

ชางเอ๋อเหมือนกับมารดาและพี่ชายแท้ ๆ มาก ทุกการกระทำ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนเหมือนมารดา ในตอนแรกหลี่กุ้ยเฟยก็ดันทุรังเช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ หลี่กุ้ยเฟยยังกลับใจได้

อันหลิงเกอมิรู้ว่าชางเอ๋อเคยคิดก่อนปลิดชีวิตตนเองหรือไม่ มิรู้ว่าเขาจักหอบเอาความแค้นจากไปด้วยหรือเปล่า นางได้แต่มองร่างที่ไร้วิญญาณของชางเอ๋อ ความรู้สึกที่ก่อเกิดในจิตใจราวกับถูกทิ้งก็มิปาน เหตุใดจึงหายใจมิออกเช่นนี้

เด็กที่ยังเล็กขนาดนี้เพิ่งอยู่กับนางได้มิกี่ปีเท่านั้น

แท้จริงแล้วในตอนที่ชางเอ๋อถูกจับตัวไปนั้นก็เพิ่งคิดได้

เขากระทำผิดจริง ๆ

ยกตัวอย่างเช่นความรักที่อันหลิงเกอมีต่อเขาหรือความเชื่อใจที่มู่จวินฮานมีต่อตน ชางเอ๋อเข้าใจผิดตั้งมากมาย ทุกคนล้วนแต่รักเขาทั้งสิ้น น่าเสียดายที่เพราะได้รับอิทธิพลจากจ้าวหลานหยู่จึงมีความแค้นเคืองต่ออันหลิงเกอ

บัดนี้ทุกอย่างมลายตามเขาจนหมดสิ้นแล้ว มิอาจย้อนคืนมาได้อีก

อันหลิงเกอจึงพาร่างของชางเอ๋อกลับเข้าวังหลวงเพื่อไปทูลรายงานต่อฮ่องเต้

เรื่องนี้ฮ่องเต้มิแปลกพระทัยเลย พระองค์มิได้รู้สึกผูกพันอันใดต่อองค์ชายน้อยที่มิเคยเลี้ยงดูผู้นี้ ทว่ายังฉกฉวยโอกาสนี้ลงโทษโดยการหักเบี้ยหวัดของมู่จวินฮาน

ภายในจวนอ๋อง มู่จวินฮานกลัวว่านางสะเทือนใจจึงถือโอกาสจุดไฟเผาทั้งจวนให้มอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลี

ไฟที่กำลังแผดเผามิเพียงมีความโศกเศร้าที่ยังคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่ ยังเต็มไปด้วยความทรงจำของชางเอ๋อด้วย บัดนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว

ถึงเวลาที่พวกเขาควรเปลี่ยนที่พักพิง

เรื่องนี้ทำให้มู่จวินฮานมิต้องไปราชการเป็นเวลาหลายวัน แต่อันอิงเฉิงต้องเข้าเมืองหลวงมาด้วยเหตุผลนี้และยังมิสามารถออกไปที่ใดได้

เนื่องจากความตกใจในครานั้นได้กลายเป็นความคลุ้มคลั่ง หลี่หรูเสวี่ยจึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาตัวอยู่ในเมืองหลวง

อันหลิงอีก็ได้รับการละเว้นแล้วกลับจวนโหวอันเป็นเวลา 1 เดือนเพื่อดูแลมารดา

*หวงซง คือ คำที่พระอนุชาและพระขนิษฐาใช้เรียกพระเชษฐา

*ซิ่วเจี้ยน หรือ เกาทัณฑ์แขนเสื้อ เป็นอาวุธลับโบราณชนิดหนึ่ง กระบอกยิงและตัวลูกศรขนาดเล็กพอที่จะมัดแล้วซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อได้