ตอนที่ 494 ต้องการตัวนาง
ชางเอ๋อได้รับโทษแล้ว จ้าวหลานหยู่ก็มิได้อยู่อย่างสงบสุขเพราะฮ่องเต้ทำการยึดอำนาจของเขากลับไป ทว่ายังให้โอกาสเขาเลือกนางสนมติดตัวไปด้วย
ดูท่าแล้วเป็นวิธีที่ดีและความหมายที่แฝงอยู่นั้นก็ชัดเจนมาก ปล่อยให้เขาได้หมกมุ่นอยู่กับสตรีงามเพื่อมิคิดออกมายุ่งเกี่ยวเรื่องบ้านเมืองอีก
“ทูลฟู่หวง ในเมื่อลูกโดนยึดอำนาจแล้ว สตรีที่ลูกปรารถนาจักได้รับจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“แน่นอน” ฮ่องเต้มิได้ปรารถนาในตัวของโอรสผู้นี้จึงตรัสแบบขอไปที
“เช่นนั้นลูกก็ยินดีพ่ะย่ะค่ะ” ดูเหมือนจ้าวหลานหยู่มิสนใจในอำนาจ แม้แท้จริงแล้วในใจได้วางแผนทุกอย่างไว้แล้ว
หลังออกจากวังหลวง เขาก็นำพระราชโองการไปยังจวนอ๋องมู่ทันที
“ข้าอยากได้คนข้างกายของอ๋องมู่” จ้าวหลานหยู่แสยะยิ้มจากนั้นก็เดินบุ่มบ่ามเข้าในจวนอ๋องมู่เพราะตั้งใจยั่วโทสะอย่างชัดเจน
“จวนอ๋องมู่มีสตรีเพียงผู้เดียวที่ยังมิได้ออกเรือน หากเจียงอ๋องชมชอบก็พาไปเถิด”
ผู้ใดต่างก็รู้ว่าสตรีมิเคยออกเรือนที่อ๋องมู่กล่าวถึงคืออวี๋หมิงหลัน
อวี๋หมิงหลันตามจ้าวหลานหยู่ออกจวนไป ดูเหมือนเรื่องมิได้จบเพียงเท่านี้เพราะทั้งสี่คนเข้าใจว่านี่คือการดูหมิ่นที่จ้าวหลานหยู่มีให้อวี๋หมิงหลันและมู่จวินฮาน ในเวลาเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นการแย่งชิงทุกอย่างที่เป็นของมู่จวินฮาน
“หากพระชายามู่ยอมตามข้าไปด้วย เรื่องทุกอย่างในอดีตจักถือเป็นโมฆะ” ในขณะที่กำลังออกเดินทาง จ้าวหลานหยู่ก็เดินผ่านอันหลิงเกอไปและทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้
หึ เป็นโมฆะ อันหลิงเกอมองจุดประสงค์ของเขาออกและเชื่อได้ว่ามู่จวินฮานก็เข้าใจเช่นกัน
เขามิพอใจที่ครอบครองได้แค่แจกันดอกไม้เยี่ยงอวี๋หมิงหลัน เพราะคนที่เขาต้องการคือสตรีเฉกเช่นอันหลิงเกอต่างหาก
แม้นางกลายเป็นพระชายามู่ไปแล้ว ทว่าในสายตาของจ้าวหลานหยู่ยังเห็นนางเป็นสตรีมีค่ามากคนหนึ่ง
“จ้าวหลานหยู่ถือว่าวางคันเบ็ดตกปลาในระยะยาวทีเดียว” มู่จวินฮานมองอันหลิงเกอด้วยแววตาที่เปี่ยมความชื่นชม
“อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้ามิอยากเป็นปลาตัวใหญ่”
อันหลิงเกอมิใส่ใจ ในเมื่อจ้าวหลานหยู่ได้ปลาตัวหนึ่งไปแล้วก็มิควรโลภมากอีก
“จ้าวหลานหยู่อยากได้ตัวเจ้า มิสู้เพ้อฝันต่อไปเถิด”
“มู่จวินฮาน ท่านมิปวดใจ…”
“เจ้าอยากถามว่าข้าฝึกจิตแน่วแน่มั่นคงนี้จากที่ใดใช่หรือไม่ ? ”
เดิมทีนางคิดว่ามู่จวินฮานมิพอใจต่อเรื่องของอวี๋หมิงหลัน คาดมิถึงว่าดูจากท่าทีของเขาแล้วเหมือนว่าเขามิได้สนใจจริง ๆ
เมื่อเห็นว่ามู่จวินฮานหยอกล้อนางได้อีกครั้ง อันหลิงเกอก็มิอยากต่อปากต่อคำกับเขาอีก
รุ่งสางของวันที่สองก็มีข่าวลือว่าอ๋องมู่บาดหมางกับพระชายา และดูเหมือนมีองค์ชายเจ็ดเป็นต้นเหตุ ภายในจวนอ๋องจึงเกิดความปั่นป่วนขึ้น
ต้องรู้ก่อนว่าจวนอ๋องมู่และจวนโหวอันเพิ่งเป็นพันธมิตรกันได้มินานก็ให้กำเนิดบุตรถึง 2 คน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องและพระชายาจักมิลงรอยกันได้เยี่ยงไร ?
ในเวลาเดียวกันผู้คนมากมายต่างพากันคาดเดาไปต่างต่างนานา
หลังผ่านเรื่องเมื่อคืนไปแล้วอวี๋หมิงหลันก็มีความปรารถนาต่อตัวมู่จวินฮานมากขึ้น เหตุใดบุรุษที่แสนดีเช่นนี้ต้องตกเป็นของอันหลิงเกอด้วย ?
ส่วนจ้าวหลานหยู่ที่ได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว รอแค่อันหลิงเกอมาติดเบ็ดเท่านั้น
ตราบใดที่*กิ่งมะกอกนี้ส่งถึงอันหลิงเกอได้ เขาก็ถือว่าชนะมู่จวินฮานแล้ว อีกหลายวันต่อมาเนื่องจากอวี๋หมิงหลันมิมีครอบครัวจึงมาอยู่ข้างกายพระชายามู่ ส่วนจ้าวหลานหยู่ในเมื่อมาทำการสู่ขอจึงต้องอยู่ในจวนอ๋องมู่หลายวัน
“หากมิใช่ตำแหน่งพระชายามู่ เจ้าคิดว่าตำแหน่ง*ไท่จื่อเฟยเหมาะสมกับตนหรือไม่ ? ” เขาเข้าใกล้อันหลิงเกอหลายครั้งหลายคราและแสดงจุดประสงค์ออกมาอย่างชัดเจน
หึ จุดประสงค์ชัดเจนเยี่ยงนี้เชียวหรือ ? คิดอยากเป็นรัชทายาทเลยหรือไร ? อันหลิงเกอนั่งอยู่ข้างสวนดอกไม้และรู้สึกประหลาดใจมาก จากนั้นจึงยกยิ้มมุมปากลับหลังจ้าวหลานหยู่
“หืม ? องค์ชายเจ็ดอยากดูตัวหม่อมฉันหรือเพคะ ? แต่น่าเสียดายที่หม่อมฉันออกเรือนแล้ว เฮ้อ”
อันหลิงเกอหันกลับมา เวลานี้กำลังยิ้มให้จ้าวหลานหยู่เกิดความสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาถูกนางดึงดูดเข้าเสียแล้ว
“เจ้าก็รู้ว่าอ๋องมู่เทียบข้ามิได้ ข้าเป็นถึงองค์ชาย ขอเพียงเจ้าช่วยข้าแล้ว ในมิช้าก็เร็วข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์แน่”
อันหลิงเกอมิได้กล่าวอันใด ดูเหมือนยอมรับในคำกล่าวของเขาเงียบ ๆ
“ข้ารู้ว่าเจ้าเชื่อใจอ๋องมู่ แต่ข้าเพิ่งได้ยินเรื่องหนึ่งมา เจ้ารู้หรือไม่ว่ามารดาตายเยี่ยงไร ? ”
พอได้ยินเขาเอ่ยถึงมารดา มือของอันหลิงเกอก็กำหมัดแน่น ตั้งแต่ต้นจนจบนางมิได้กล่าวคำใด กระทั่งเป็นกังวลว่าตนจักควบคุมอารมณ์มิได้ หมัดที่กำแน่นข้างในแขนเสื้ออยากพุ่งเข้าใส่คนมิรู้จักดีชั่วให้รู้แล้วรู้รอด
“อันหลิงเกอ มารดาของเจ้าโดนมู่เหล่าหวางเฟยทำร้ายจนตาย ! ” คำพูดของจ้าวหลานหยู่เหมือนดั่งคำสาป อันหลิงเกอรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน นางมิรู้ว่าพวกตนกำลังวางแผนจัดการจ้าวหลานหยู่หรือนางกำลังตกหลุมพรางอีกฝ่ายกันแน่ ?
พอเอ่ยถึงมารดาแล้ว ในใจของอันหลิงเกอก็เริ่มสับสนจนมิสามารถสงบได้
มิใช่สิ มารดาโดนอันหลิงอีและหลี่หรูเสวี่ยทำร้ายต่างหาก สองแม่ลูกนี้ว่าไปแล้วก็คงตัดความสัมพันธ์กับจ้าวหลานหยู่มิได้
“อย่าเลยเพคะ องค์ชายมิต้องหลอกลวงหม่อมฉันหรอก”
เวลานี้จิตใจของอันหลิงเกอสับสนมาก จ้าวหลานหยู่มองไปยังท้ายทอยของนางจากนั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว
เขาคว้าโอกาสนี้ไว้โดยที่อันหลิงเกอมิทันตั้งตัวจึงหมดสติทันที
ในความมืดมิดอันยาวนาน ดูเหมือนอันหลิงเกอเห็นมารดาและมู่จวินฮานในโลกของนาง ราวกับมีแสงสว่างปรากฏขึ้นมาทั้งยังแบ่งแยกไปคนละทางด้วย
“ในเมื่อข้ามิได้ จักยอมให้มู่จวินฮานได้ไปหรือ ? ”
นางเหมือนได้ยินเสียงตวาดดังอยู่รอบด้าน ในยามที่ลืมตาขึ้นมาอีกครา อันหลิงเกอก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งกาย
นางอยู่ที่ใด ?
“เจ้า มานี่ ! ” อันหลิงเกอส่ายหน้า หลังจากยืนขึ้นอย่างมั่นคงได้มินานก็ถูกคนผลักล้มไปอีกครั้ง นางมิได้รับความเป็นธรรมเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ?
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ? ” อันหลิงเกอพบว่าตนไร้เรี่ยวแรงที่จะกล่าวออกไป ความมั่นใจเมื่อครู่ก็มลายหายไปในชั่วพริบตา
ทว่าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสังเกตเห็นนางแล้วจึงทำให้นางมิมีทางหนี
“เข้ามาอยู่ในหอพิษกู่ของเราแล้วต้องทำตัวดี ๆ อย่ากล่าวอันใดให้มากความ ! ” ในเวลานี้แม่เฒ่าที่อยู่ด้านข้างได้กดนางลงแล้วแกล้งสั่งสอนนาง
อันหลิงเกอทำได้แค่ก้มหน้าลงและดูเหมือนว่ามิเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เลย
หอพิษกู่ ?
เหตุใดจึงคุ้นหูเยี่ยงนี้ ?
พิษกู่ แคว้นชิงเยว่ ! นางเป็นหมอ แต่มาอยู่ในสถานที่มิรู้ชั่วดีโดยมิได้ตั้งใจเสียแล้ว
อันหลิงเกอมิรู้ว่าเป็นอันใด แต่รู้สึกได้ว่าตนอ่อนแอกว่าปกติมาก ต่อมรับกลิ่นอันว่องไวของนางก็มิทำงาน
จ้าวหลานหยู่!
หากเป็นในอดีตนางคงดูถูกจ้าวหลายหยู่มิน้อย คิดว่าเขาไร้ความสามารถอันใดเพราะเติบโตมาใต้การปกป้องของหลี่กุ้ยเฟย มิน่าปีกกล้าขาแข็งต่อตนได้
แต่ตอนนี้จ้าวหลานหยู่กล้าลงมือในจวนอ๋อง !
แค้นนี้มิช้าก็เร็ว นางจักเอาคืนให้จงได้ !
“กู่เหนียง มองแล้วสถานะของท่านมิธรรมดา”
เมื่อเห็นคนเฝ้าจากไป แม่เฒ่าที่ยืนข้างกายจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความขมขื่น
“เมื่อครู่ ขอบพระคุณท่านมาก”
อันหลิงเกอลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นบนตัวออก จากนั้นก็มองไปทางแม่เฒ่าและยกมือขึ้นคารวะ
…
*กิ่งมะกอก เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
*ไท่จื่อเฟย คือ พระชายาเอกขององค์รัชทายาท สามารถแต่งตั้งได้เพียงคนเดียว