ตอนที่ 85 พื้นที่ว่างแคบๆ แต่กลับดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด
คิดได้เช่นนี้ ดวงตาของกู้จิ้งก็เปล่งประกายเจิดจ้า
จริงด้วย ทำไมเธอต้องยึดติดว่าลูกหลานรุ่นหลังของเซียวเถี่ยเฟิงเป็นลูกแท้ๆ ของเขานะ เป็นลูกบุญธรรมไม่ได้หรือ? ถ้าเซียวเถี่ยเฟิงรับเด็กๆ หลายคนมาเป็นลูก ต่อให้เธออยู่ข้างกายเขาต่อไป ประวัติศาสตร์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ตระกูลเซียวจะมีลูกหลานสืบทอดต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้บางทีในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้า คุณยายก็จะถือกำเนิด!
ไม่ว่าใช่ลูกแท้ๆ หรือไม่ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง ประวัติศาสตร์จะไม่เปลี่ยนแปลง กู้จิ้งปลอบใจตัวเอง
สายเลือดราชวงศ์ในยุโรปบางราชวงศ์ยังเปลี่ยนไปเพราะการคบชู้ แม้กระทั่งตำแหน่งกษัตริย์ยังยกให้คนอื่นได้ ตอนนี้ตระกูลเซียวของเขาแม้แต่ที่นาสักแปลงก็ยังไม่มี รับเลี้ยงเด็กสักคนมาเป็นลูกเพื่อสืบสกุลจะมีปัญหาตรงไหน?
คิดได้เช่นนี้ เธอก็สบายใจขึ้นมาก
นึกถึงเรื่องที่เมื่อวานเซียวเถี่ยเฟิงอยากทำแต่ทำไม่สำเร็จ เธอก็อดยิ้มไม่ได้ ช่างเถิด วันนี้เธอจะใช้เสน่ห์ของปีศาจทำให้ผู้ชายคนนี้สยบอยู่ใต้ชายกระโปรง จากนั้นก็จะฉวยโอกาสเป่าหูให้เขายอมละทิ้งความคิดที่จะสร้างลูกด้วยตัวเองแล้วหันไปรับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรมแทน
ไม่แน่ว่าหลังจากรับเด็กสักสองสามคนมาเป็นลูกแล้ว เขาอาจจะไม่คิดอยากทำลูกด้วยตัวเองอีกก็ได้
คิดถึงตรงนี้ กู้จิ้งก็เดินมาหยุดอยู่ที่ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง อากาศสดชื่นในเดือนสามทำให้เธออารมณ์ดีมาก เธอหย่อนกายลงนั่งบนผืนหญ้า เตรียมงีบหลับสักครู่
เมื่อวานมัวแต่กลุ้มใจจนนอนไม่หลับ ตอนนี้ชักจะง่วงขึ้นมาแล้ว
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะหลับตาลงนั้นเอง เธอกลับได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากกระเป๋าซึ่งสะพายอยู่บนบ่า
กู้จิ้งปลดกระเป๋าลงมาด้วยความงุนงง พอตั้งใจฟังอีกครั้ง เสียงนั้นก็หายไปแล้ว
เธอขมวดคิ้วมองมันด้วยความสงสัย ใจอดคิดไม่ได้ว่ากระเป๋านี้มันอะไรกันแน่ เมื่อครู่เธอได้ยินชัดๆ ว่ามีเสียงดังมาจากในนี้
พอนึกขึ้นมาว่ากระเป๋าหนังสีดำใบนี้เป็นไทม์แมชชีนที่เชื่อมโยงระหว่างโลกในยุคอดีตกับปัจจุบัน เธอก็อดคิดไม่ได้ว่า เมื่อก่อนเธอคิดว่ามันเป็นพื้นที่ว่าง แต่ที่แท้มันกลับเป็นศาสตราเวทของพระ (เซียนตัวจริง) อย่างนั้นรึ?
กู้จิ้งหายง่วงทันที ทันใดนั้นเธอก็นึกอยากสำรวจไทม์แมชชีนอันนี้ขึ้นมาอีกรอบ แต่นึกถึงครั้งก่อนตอนที่ออกจากกระเป๋าตัวเองเกือบจะมุดเข้าไปในปากของฮัสกี้ เธอก็ตัดสินใจเอากระเป๋าไปแขวนไว้บนกิ่งไม้ ซ่อนไว้ท่ามกลางใบไม้ แบบนี้ก็จะไม่ถูกคนหรือสัตว์ที่ไหนมาพบได้ง่ายๆ
เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้แล้วมุดเข้าไปในกระเป๋าอย่างยากลำบาก
ในกระเป๋ายังคงมีสิ่งของมากมายลอยอยู่ในอากาศ ไม่แตกต่างจากครั้งก่อนที่เข้ามา แต่ตรงบริเวณที่ห่างออกไปกลับเหมือนมีหมอกปกคลุม ทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดนัก
เธอคิดๆ แล้วก็ตัดสินใจไปสำรวจตรงบริเวณที่ไม่รู้จักนั้นดู
บางที เดินไปๆ เธออาจจะเดินไปถึงโลกยุคปัจจุบันในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้าก็ได้? นับแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็จะสามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างสองกาลเวลาได้อย่างอิสระ
กู้จิ้งเดินไปเรื่อยๆ พอเหนื่อยก็นั่งลงกินอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม จากนั้นก็ออกเดินต่อ แต่เดินไปได้ประมาณสามชั่วโมง เธอก็เริ่มไม่สบายใจนัก
หมอกเหล่านั้นดูเหมือนอยู่ตรงหน้า แต่ไม่ว่าเธอจะเดินไปไกลแค่ไหนก็ดูเหมือนจะไปไม่ถึงเสียที ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ สิ่งของต่างๆ ที่ลอยอยู่ตรงหน้าเธอเช่นกระป๋องเบียร์ ฯลฯ ยังคงลอยอยู่ตรงหน้าเธอเหมือนเดิม
เห็นชัดๆ ว่าเป็นพื้นที่ว่างแคบๆ แต่กลับดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด
จู่ๆ เธอก็นึกถึงเรื่องไซอิ๋วที่เคยดูสมัยยังเด็ก ซุนหงอคงกระโดดลงไปบนฝ่ามือของพระพุทธองค์ เขาคิดว่าแค่ตีลังกาครั้งเดียวก็จะหนีไปได้ คิดไม่ถึงว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขากลับได้แต่ตีลังกาอยู่บนฝ่ามือของพระพุทธองค์นั่นเอง
เป็นไปได้ไหมว่าเธอในตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น เธอคิดว่าตัวเองเดินมาเป็นชั่วโมง น่าจะเดินมาได้ไกลแล้ว แต่จริงๆ กลับเดินวนอยู่ที่เดิม?
ส่วนเรื่องมหัศจรรย์อย่างการข้ามเวลาอะไรนั่น เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่เข้ามาในกระเป๋าก็จะข้ามเวลาได้ ไม่อย่างนั้นคุณยายของเธอคงจะมุดผ่านกระเป๋าไปเล่นไพ่กับบรรพบุรุษไปนานแล้ว
“ช่างเถอะ ฉันยอมแพ้ กลับก่อนดีกว่า”
กลับบ้านไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆ รอต้อนรับท่านบรรพบุรุษกลับมาดีกว่า คืนนี้จะได้หวานชื่นกันให้สะใจแล้วก็ฉวยโอกาสเกลี้ยกล่อมให้ท่านบรรพบุรุษรับเด็กๆ มาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมด้วย
ว่าแล้วกู้จิ้งก็เดินย้อนกลับไปตามทางเดิม คราวนี้เธอเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็กลับไปถึงจุดเริ่มต้น
กู้จิ้งยิ่งเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง เธอคือเจ้าลิงซุนที่ตกอยู่ในกำมือของพระพุทธองค์จริงๆ!
เธอค่อยๆ ปีนออกไปนอกกระเป๋าอย่างยากลำบาก คิดไม่ถึงว่าเพิ่งไปถึงปากกระเป๋าก็รู้สึกเหมือนมีลมหนาวพัดผ่านมา
กู้จิ้งอดประหลาดใจไม่ได้ ใจคิดว่าหรือคราวนี้จะไม่ใช่ฮัสกี้ แต่เป็นนกที่พ่นไอเย็นได้?
เธอดึงเสื้อผ้าให้ห่อร่างแน่นขึ้นพลางพยายามปีนออกจากกระเป๋า ทันใดนั้นอะไรบางอย่างที่เป็นปุยเย็นๆ ก็ตกลงมาบนศีรษะของเธอ
เอ๋…
หิมะตกงั้นรึ?!
กู้จิ้งมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านด้วยสายตาตกตะลึง เห็นหิมะปกคลุมต้นไม้ ปกคลุมกระเป๋าของเธอ เขาเว่ยอวิ๋นเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์
เห็นชัดๆ ว่าตอนที่เธอเข้าไปเป็นฤดูใบไม้ผลิ ทำไมพอกลับออกมาถึงกลายเป็นฤดูหนาวไปได้
ลมหนาวที่พัดผ่านมาทำให้ร่างของเธอสั่นระริกด้วยความหนาว กู้จิ้งรีบมุดกลับเข้าไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมเพิ่ม มันเป็นเสื้อแจ็คเก็ตในยุคปัจจุบัน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว รีบสวมก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้นต้องหนาวตายแน่
เธอกระโดดลงจากต้นไม้แล้วหันไปหยิบกระเป๋ามาสะพายเอาไว้บนบ่า สมองใช้ความคิดอย่างรวดเร็วว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทันใดนั้น ความหวาดกลัวก็ผุดขึ้นในใจของเธอ
เธอคงไม่ได้ข้ามเวลาอีกหรอกนะ?
คราวนี้เธอข้ามเวลามาที่ไหน ยุคปัจจุบันหรือยุคสมัยของเซียวเถี่ยเฟิง… หรือว่า…เป็นยุคสมัยอื่น?
ข้อสงสัยต่างๆ ทำให้เธอตื่นตระหนกมาก กู้จิ้งรีบวิ่งกลับไปที่บ้านของเธอกับเซียวเถี่ยเฟิงตามเส้นทางในความทรงจำโดยไม่สนใจว่าเท้าที่สวมเพียงรองเท้าสานของตัวเองจะหนาวเย็นสักแค่ไหนเมื่อสัมผัสกับพื้นหิมะ
ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจแน่น เธอไม่รู้ว่าอะไรรอเธออยู่ ที่นั่นยังเป็นบ้านของเธอกับเซียวเถี่ยเฟิงอยู่หรือเปล่า? หรือว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีใครรู้จักเซียวเถี่ยเฟิง ยิ่งไม่รู้ว่ากู้ต้าเซียนเคยมีตัวตนอยู่?
กู้จิ้งวิ่งกลับไปที่ป่าแห่งนั้นอย่างไม่คิดชีวิต พอไปถึงก็พบว่าบ้านหลังนั้นยังคงตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหิมะทับถมสูง เพียงแต่ดูเหมือนไม่มีคนดูแลมานานแล้ว กำแพงบ้านบางส่วนแตกหักเสียหาย บานประตูก็เหมือนกำลังจะหลุดออกมา
สายลมโหมกระหน่ำ เกล็ดหิมะปลิวว่อน กู้จิ้งซึ่งสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ ยืนอยู่บนเส้นทางเล็กๆ บนภูเขาพลางมองตรงไปยังบ้านซึ่งอยู่ท่ามกลางเกล็ดหิมะสีขาวหลังนั้น ความรู้สึกที่หนาวเหน็บเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งหมื่นปีเกาะกุมหัวใจของเธอแน่น ทำให้ร่างของเธอสั่นระริก
เธอเข้าไปในกระเป๋านานแค่ไหนกันแน่…
เซียวเถี่ยเฟิงคงไม่ได้แก่ไปแล้วหรอกนะ?
เขา…เขาแต่งงานมีลูกไปแล้วหรือเปล่า?
จริงๆ แล้ว ในใจส่วนลึกของกู้จิ้งเองก็ตระหนักดีว่า ช้าเร็วเรื่องนี้ก็ต้องเกิดขึ้น สักวันเขาจะแต่งงานกับคนอื่นแล้วก็มีลูกโขยงหนึ่ง เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นหลังจากเธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ทั้งยังวางแผนว่าจะรับเด็กกลุ่มหนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรม
สุดท้ายแล้วความต้องการของคนคนหนึ่งก็ไม่อาจเอาชนะกฎเกณฑ์ของประวัติศาสตร์ได้สินะ?
ในตอนนั้นเอง เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นหิมะดังตุบๆๆ ก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง ความยินดีผุดขึ้นในหัวใจของเธอ เซียวเถี่ยเฟิงกลับมาแล้วใช่ไหม?
กู้จิ้งรีบหันกลับไป แต่แล้วเธอกลับพบว่าผู้ชายที่สวมเสื้อคลุมทำจากใบไผ่และฟางข้าวคนนั้นไม่ใช่เซียวเถี่ยเฟิง
เขาคือหนิวปาจิน
เธอรีบวิ่งเข้าไปกวาดตามองหนิวปาจินรอบหนึ่ง เห็นเขาไม่เปลี่ยนไปจากครั้งก่อนที่ได้พบหน้าสักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ไม่ได้แก่ลงอย่างเห็นได้ชัด
ดูท่าตอนนี้คงจะห่างจากตอนที่เธอเข้าไปในกระเป๋าไม่นานมากสินะ
เธอถอนใจโล่งอก จากนั้นจึงเอ่ยถามหนิวปาจินด้วยความร้อนใจ “เซียวเถี่ยเฟิงล่ะ? เขาอยู่ที่ไหน?”
หิมะตกหนักแบบนี้ จู่ๆ เห็นคนแต่งตัวแปลกๆ มายืนอยู่ตรงหน้าบ้านที่เซียวเถี่ยเฟิงเคยอยู่ หนิวปาจินก็อดประหลาดใจไม่ได้
รอจนคนคนนั้นหันกลับมา เขาก็พบว่าเป็นกู้จิ้ง…ต้าเซียนคนนั้น?
หนิวปาจินตกใจมาก แต่พอได้ยินเธอถามถึงเซียวเถี่ยเฟิง เขาก็โมโหขึ้นมาทันที
คนอื่นๆ นับถือเธอเป็นต้าเซียน แต่เขากลับเห็นเธอเป็นนางปีศาจจิ้งจอก ปีศาจจิ้งจอกที่ล่อลวงให้พี่น้องของเขาหลงใหล!
“เจ้ายังมีหน้ามาพูดถึงเถี่ยเฟิงอีกรึ เจ้ายังหลอกเขาไม่พออีกรึไง? ยังทำร้ายเขาไม่พออีกหรือ?”
“นายหมายความว่ายังไง? บอกฉันมา เซียวเถี่ยเฟิงอยู่ที่ไหน? นี่ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว? เซียวเถี่ยเฟิงแต่งงานใหม่หรือเปล่า?” เธอโผเข้าไปคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้พลางเค้นถามด้วยความร้อนใจ
“ฮ่าๆ” หนิวปาจินโมโหจนต้องหัวเราะออกมา นางยังมีหน้ามาถามอีกรึ?!
“ขอร้องนาย บอกฉันหน่อยเถอะ เซียวเถี่ยเฟิงอยู่ที่ไหนกันแน่ ฉันจะไปหาเขา!”