ตอนที่ 86 เขาแต่งงานไปนานแล้ว

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

หนิวปาจินจ้องกู้จิ้งเขม็ง เขามองออกว่ากู้จิ้งร้อนใจอยากจะพบกับเถี่ยเฟิงจริงๆ นางถึงกับกลัวว่าเถี่ยเฟิงอาจจะแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว

แต่แล้วจะทำไม ผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนี้ทอดทิ้งเถี่ยเฟิงไปโดยไม่บอกกล่าวตั้งสามปี!

นึกถึงความเจ็บปวดของเถี่ยเฟิงที่เขาได้เห็นกับตาหลังจากผู้หญิงคนนี้จากไปโดยไม่บอกกล่าว เขาก็ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้น ผู้หญิงประเภทนี้ เถี่ยเฟิงอย่าได้พบเจออีกเลยตลอดชาติถึงจะดี!

“เจ้าไปหาเขาก็ไม่มีประโยชน์” หนิวปาจินถอนใจก่อนจะจงใจกล่าวว่า “เขาแต่งงานไปนานแล้ว แต่งกับหวังซานชุ่ยที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับเรา เจ้าเคยเห็นหวังซานชุ่ยไหม คนที่เคยเรียกเจ้าว่าต้าเซียนยังไงล่ะ?”

“เขาแต่งงานกับคนอื่น?” ทั้งที่น่าจะทายได้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินหนิวปาจินพูด เธอกลับไม่อยากจะเชื่อ

เธอจากไปสามปี เขาแต่งงานกับคนอื่น หากมือไม้เร็วพอ ป่านนี้คงจะมีลูกแล้วด้วยซ้ำ…

“ใช่” หนิวปาจินพูดต่อ “ปีแรกแต่งงาน ปีที่สองมีลูกชายตัวอวบอ้วน ปีนี้ก็มีลูกชายอีกคน สองผัวเมียรักใคร่กลมเกลียวกันมาก เถี่ยเฟิงรักเมียมาก หลายวันก่อนข้าเจอกับเขา เขายังบอกว่าจะซื้อน้ำตาลแดงไปให้เมียบำรุงร่างกาย”

กู้จิ้งรู้สึกว่าคำพูดของหนิวปาจินไม่น่าเชื่อถือนัก แต่จะไม่เชื่อก็ไม่ได้

เธอรู้มาตลอดว่าวันหนึ่งต้องเกิดเรื่องแบบนี้ สักวันเขาต้องแต่งงานกับคนอื่น แต่ตอนนั้นเธอคิดว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายถูกเขาทอดทิ้ง คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วกลับเป็นเธอที่ ‘ทอดทิ้ง’ เขา ทำให้เขาเสียใจจนต้องไปแต่งงานกับคนอื่น

“เขา…เขาเคยพูดถึงฉันไหม?” กู้จิ้งคิดถึงครั้งนั้นเมื่อนานมาแล้ว นึกถึงคำพูดที่เขาเคยสาบานกับเธอ

เขาบอกว่าเขารู้ว่าเธอมีลูกให้เขาไม่ได้ แต่เขาไม่สนใจ เขาไม่มีลูกก็ได้ พวกเขาจะอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ตลอดไป ไม่จำเป็นต้องมีลูก

ตอนนั้นเธอรู้ดีว่าเขาแค่พูดเอาใจเธอ แต่เธอก็ชอบฟัง

ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเป็นแค่คำพูดเอาใจ ทำไมต้องยึดถือเป็นจริงเป็นจังด้วย?

ถึงตอนนี้ ในที่สุดคำพูดนั้นก็กลายเป็นเพียงหมอกควัน

“เคย” หนิวปาจินมองกู้จิ้งด้วยสายตาดูแคลน “ตอนที่เจ้าเพิ่งจากไป เขาเสียใจมาก เขามักจะนั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงนี้แล้วก็พึมพำอยู่คนเดียว แต่ผ่านไปไม่กี่เดือน เขาก็ทำใจได้ บังเอิญตอนนั้นหวังซานชุ่ยถูกตาต้องใจเขาเลยให้จ้าวยาจื่อมาเป็นแม่สื่อ เขาก็ตอบรับ”

หนิวปาจินพูดต่อ “วันที่ตอบรับ เขากลับมายืนมองบ้านหลังนี้อยู่พักใหญ่ ตอนนั้นข้าเองก็มาเป็นเพื่อนเขาด้วย”

กู้จิ้งตะลึงงันไปครู่ใหญ่ สุดท้ายก็เธอทรุดลงนั่งบนพื้นหิมะ นิ้วทั้งสิบกำหิมะแน่น แต่หิมะกลับลอดผ่านร่องนิ้วออกมา

ความหนาวเย็นเสียดแทงไปถึงกระดูก มือของเธอกำลังสั่นระริก

ตอนที่ตัดสินใจแต่งงานกับคนอื่น เขาคงเสียใจมากเหมือนกันสินะ ครั้งสุดท้ายที่เขากลับมาที่บ้านของเธอกับเขา เขาคิดอะไร เขาเกลียดเธอหรือเปล่า? แค้นที่เธอทิ้งเขาไปหรือเปล่า?

กู้จิ้งปวดแปลบอยู่ในอก เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เธอพึมพำเบาๆ ว่า “ใช่ โทษเขาไม่ได้ ฉันไม่อยู่แล้ว คนอื่นชอบเขา เขาย่อมไม่สามารถอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต… ฉัน…ฉันเข้าใจ…”

เธอเข้าใจ แม้ยามนี้เธอจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแช่อยู่ในบึงน้ำลึกที่แสนเยียบเย็น แต่เธอก็ยังเข้าใจ

จริงๆ เธอพอจะเดาผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนี้

เขาไม่ได้หลอกเธอ แต่เป็นเธอเองที่ทรยศเขา

“ได้ ฉันยอมรับ” เธอมองไปยังบ้านที่จมอยู่ท่ามกลางกองหิมะด้วยดวงตาชื้นน้ำตา จากนั้นจึงกัดฟันพูดว่า “นี่เป็นโชคชะตาของฉัน นี่คือประวัติศาสตร์ ฉันต่อต้านไม่ได้”

“เจ้า…เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หนิวปาจินอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้วหรือเปล่า อากาศหนาวแบบนี้แต่กลับสวมแค่เสื้อผ้าบางๆ แถมยังนั่งลงบนพื้นหิมะเหมือนไม่กลัวหนาวอีก นางไม่หนาวบ้างรึไง?

กู้จิ้งเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงขื่น

เธอไม่หนาว ไม่หนาวสักนิด ตอนนี้ร่างของเธอด้านชาไร้ความรู้สึก สองขาไร้เรี่ยวแรง เธอไม่รู้อีกแล้วว่าความหนาวคืออะไร

ถ้าตอนนั้นไม่มีเสียงดังออกมาจากกระเป๋า ถ้าเธอไม่เกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา ถ้าเธอไม่มุดเข้าไปในกระเป๋าใบนั้น ถ้าเธอไม่อยู่ในกระเป๋านานถึงสามชั่วโมงเต็ม เหตุการณ์จะแตกต่างไปจากนี้หรือเปล่า?

แต่ความบังเอิญในประวัติศาสตร์ก็มีความแน่นอนซ่อนอยู่ เธอกับเขาคงต้องมีจุดจบแบบนี้สินะ

เธอแก้ไขอะไรไม่ได้

ระยะเวลาหนึ่งพันปี มีบรรพบุรุษมากมายนับไม่ถ้วนรวมไปถึงคุณยายซึ่งรอคอยจะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ หากเธอไม่จากไป พวกเขาก็จะไม่เกิดมาบนโลกใบนี้

หนิวปาจินมองหญิงสาวที่เงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา ดวงตาสุกใสของนางสะท้อนความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง

หัวใจของเขากระตุกวูบ ในใจรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย

ดูท่านางจะเสียใจที่สูญเสียเถี่ยเฟิงไปจริงๆ สินะ?

“เจ้าเข้าไปพักผ่อนในบ้านก่อนเถอะ บางทีอีกไม่กี่วันเจ้าอาจจะได้พบเขาก็ได้?”

ถึงตอนนี้หนิวปาจินก็ไม่รู้แล้วว่าเขาทำผิดไปหรือเปล่าที่พูดโกหกไปเมื่อครู่ เขาจึงคิดจะกอบกู้สถานการณ์

แต่เสียดายที่กู้จิ้งไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา

เธอส่ายหน้า แววตาเหม่อลอยไปวูบหนึ่ง จากนั้นจึงพึมพำว่า “ไม่ล่ะ เขาแต่งงานกับคนอื่นแล้ว แม้แต่ลูกก็มีแล้ว ถ้าเจอกันจะอึดอัดเสียเปล่าๆ”

เธอรู้ดีว่าเซียวเถี่ยเฟิงเป็นผู้ชายแบบไหน เขาเป็นคนรักษาคำพูด เพราะคิดว่าเธอจากไปแล้วตลอดกาล เขาถึงได้แต่งงานกับคนอื่น ถ้าเห็นเธอกลับมา เขาจะไม่สบายใจเสียเปล่าๆ

เธอเองก็ไม่อยากเป็นแสงจันทร์กระจ่างในใจของผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เธอไม่อยากทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งเสียใจ

“แต่เจ้าก็ไม่ควรนั่งอยู่ตรงนี้! ดูสิว่าอากาศหนาวแค่ไหน!”

หนิวปาจินรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม จริงๆ ผู้หญิงคนนี้ก็รู้ความไม่น้อย นางไม่ใช่คนเลว เมื่อครู่เขาไม่ควรพูดแบบนั้นออกไปเลย

ตอนนี้เขากำลังลังเลว่า ควรบอกความจริงทั้งหมดให้นางรู้ดีหรือไม่

กู้จิ้งรวบรวมกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นหิมะอย่างยากลำบาก

เธอก้มลงปัดฝุ่นบนร่างแล้วกล่าวกับหนิวปาจินว่า “พี่หนิว มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะไหว้วาน”

“อืมๆ บอกมาสิ”

“นี่คือยาเพนิซิลลินวี เขารู้ว่าต้องใช้อย่างไร ถ้าต่อไปเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่สบาย จะได้มีใช้”

“ได้…” หนิวปาจินรู้ว่านี่คือยาวิเศษ ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้คิดว่าเซียวเถี่ยเฟิงแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว แต่ก็ยังคิดจะทิ้งยาวิเศษเอาไว้ให้เขา หนิวปาจินเริ่มคิดว่าผู้หญิงคนนี้เองก็มีน้ำใจต่อเถี่ยเฟิงไม่น้อยเช่นกัน

“แต่อย่าเอาให้เขา แล้วก็ไม่ต้องบอกเขาด้วย ไม่อย่างนั้นเขาจะคิดมาก รอให้เขาจำเป็นต้องใช้ก่อน” กู้จิ้งกล่าวอย่างอ่อนแรง

“เจ้า…” หนิวปาจินลังเลกว่าเดิม “จริงๆ เจ้าจะอยู่ก็ได้ รอเขามา บางที…บางทีอาจจะยังมีโอกาส เมื่อครู่เขาก็เพิ่งมา… มาดูบ้านที่เคยอยู่กับเจ้า เจ้ารีบไปหาเขาดีไหม?”

ได้ยินหนิวปาจินพูดเช่นนี้ กู้จิ้งก็ยิ่งเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง

ถึงเซียวเถี่ยเฟิงจะแต่งงานกับคนอื่น แต่ในใจเขายังคงมีเธอสินะ?

ถ้าเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ไม่เคยผิดต่อเธอ แล้วทำไมเธอถึงต้องเข้าไปขัดขวางชีวิตที่มีความสุขของเขาด้วย?

ความรักไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ในเมื่อเธอมายังยุคสมัยนี้แล้ว ทำไมถึงไม่คิดทำอะไรบางอย่างแทนที่จะมานั่งเสียอกเสียใจให้กับความรักที่สูญเสียไป?

ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือว่าเรื่องทั้งหมดต้องจบลงแบบนี้ มาถึงขั้นนี้ ยังทำใจไม่ได้อีกหรือ?

คิดได้เช่นนี้ เธอก็หัวเราะเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองหนิวปาจิน

“รอให้เถี่ยเฟิงแก่ หากนายยังมีชีวิตอยู่ ช่วยเอาคำพูดประโยคหนึ่งไปบอกเขาแทนฉันด้วย”

หิมะโปรยปรายลงมาบนใบหน้าของกู้จิ้ง หนิวปาจินมองหญิงสาวหน้าตางดงามที่ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ ในใจนึกหวาดหวั่นขึ้นมา

“บอกมาสิว่าจะให้ข้าไปบอกอะไร?”

“ช่วยไปบอกเขาด้วยว่า…” กู้จิ้งสูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวช้าๆ ด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ต่อไปในบรรดาลูกหลานรุ่นหลังของเขาจะมีคนหนึ่งที่ชอบดื่มวาฮาฮา[1] ให้เธอดื่มจนสะใจเถอะนะ!”

“อะไรนะ?”

หนิวปาจินขมวดคิ้วแน่น วาฮาฮาคืออะไร?

แต่กู้จิ้งกลับยัดโอสถทิพย์สามเม็ดใส่มือเขาแล้วหันกายเดินจากไปเสียแล้ว

เกล็ดหิมะปลิวว่อนทั่วท้องฟ้า เส้นผมสีดำซึ่งปลิวสยายอยู่ท่ามกลางพายุหิมะหลอมรวมเข้ากับเกล็ดหิมะสีขาว เห็นเป็นเงาเลือนราง ทำให้นางดูราวกับเทพธิดาซึ่งกำลังจะจากไปไกล

 

วันนั้น เซียวเถี่ยเฟิงเห็นจ้าวจิ้งเทียนมาหากู้จิ้ง

เขารู้สึกไม่พอใจนัก เพราะกู้จิ้งเคยเป็นคู่หมั้นของจ้าวจิ้งเทียน พอเห็นจ้าวจิ้งเทียนทำท่าหมายปองในตัวกู้จิ้ง เขาก็ไม่พอใจขึ้นมา

แต่ยังดีที่กู้จิ้งไม่ชอบจ้าวจิ้งเทียน เขาถึงได้สบายใจขึ้นบ้าง

แต่ทำไมนางถึงได้ทำท่าใจลอยเหมือนมีอะไรปิดบังเขาแบบนี้? มีเรื่องอะไรที่นางไม่สามารถปรึกษากับเขาแล้วช่วยกันหาวิธีแก้ไขอย่างนั้นหรือ?

คืนนั้น เขามีอารมณ์ขึ้นมาจึงเอื้อมมือไปลูบเอวนาง แต่นางกลับปฏิเสธ แถมยังหันหลังให้เขาด้วย

นี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกสินะ เมื่อก่อนนางกระตือรือร้นกับเรื่องนี้มากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ

ท่ามกลางความมืด เขาได้ยินเสียงถอนใจของนาง ท่าทางเหมือนมีเรื่องกลัดกลุ้มใจเอามากๆ

ย้อนกลับไปคิดดู จริงๆ ระยะนี้นางก็ทำท่าเหมือนมีความในใจมาหลายวันแล้ว

เขาสงสัยยิ่งกว่าเดิม

 

——————————–

[1] ยี่ห้อเครื่องดื่มของจีน