ตอนที่ 87 คืนนี้เป็นคืนแรก
เขาไม่เข้าใจเลยว่า ชีวิตในตอนนี้ก็มีความสุขดีไม่ใช่หรือ นางกลุ้มใจเรื่องอะไรกัน?
นางถอนใจเพราะจ้าวจิ้งเทียนอย่างนั้นหรือ?
เขาเอื้อมมือไปคว้านางมากอด ใจนึกอยากปลอบใจนางและอยากจะถามนาง แต่นางกลับผลักเขาให้ถอยห่างออกมาอีกครั้ง
นางผลักเขาเป็นครั้งที่สอง นางไม่สนใจเขาแล้ว ตอนนี้นางไม่ชอบหน้าเขาเอามากๆ
มือที่ยื่นออกไปของเซียวเถี่ยเฟิงแข็งค้างอยู่ท่ามกลางความมืด จนกระทั่งรู้สึกชา เขาถึงได้รั้งมือกลับมาช้าๆ
ยามค่ำคืนในต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศยังคงหนาวเย็น สายลมบนภูเขาพัดผ่านมากระทบกับเนื้อตากแห้งที่แขวนอยู่ด้านนอกเบาๆ
อ้อมกอดของเขาว่างเปล่า เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง
มองดูแผ่นหลังที่แสนเย็นชาของนางแล้ว เขาก็ตัดสินใจหันหลังให้นางบ้าง
คืนนี้เป็นคืนแรกหลังจากได้รู้จักกับนางที่เขาต้องนอนหลับไปเพียงลำพัง
จริงๆ แล้วในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ยังไม่ได้รู้จักกับกู้จิ้ง เขาก็นอนคนเดียวมาตลอด เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรไม่ดีตรงไหน แต่มนุษย์เราก็แปลกประหลาดเช่นนี้ เปลี่ยนจากประหยัดเป็นฟุ่มเฟือยง่าย แต่เปลี่ยนจากฟุ่มเฟือยเป็นประหยัดยาก ตอนนี้เขาเคยชินกับอ้อมกอดที่แสนอ่อนนุ่มและหอมกรุ่นนั้นแล้ว จู่ๆ หายไปเช่นนี้ เขาก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
เซียวเถี่ยเฟิงนอนไม่หลับ เพราะในใจเต็มไปด้วยความสงสัยและขมขื่น แต่เขาไม่อยากให้นางรู้ ดังนั้นจึงโคจรกำลังภายในเพื่อควบคุมลมหายใจให้ช้าลง ทำให้นางเชื่อว่าเขาหลับไปแล้ว
คืนนั้นทั้งคืน เขาได้ยินเสียงกู้จิ้งพลิกตัวไปมาแล้วก็ถอนหายใจไม่หยุด นางนอนไม่หลับ หัวใจของเขาก็พลอยหนาวเยือกไปด้วย
นางมีความในใจอะไรกันแน่ ทำไมถึงบอกเขาไม่ได้? แม้กระทั่งเขาจะกอดนางสักครั้ง นางก็ยังไม่เต็มใจ?
วันรุ่งขึ้น เซียวเถี่ยเฟิงตื่นขึ้นมาเห็นแสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามา เขามองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งนาน เห็นนางมีสีหน้าซีดเซียว แม้กระทั่งปลายคางก็ดูเรียวกว่าเดิม ดูผอมกว่าก่อนไม่น้อย
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจไปล่าสัตว์ นางชอบกินเนื้อไก่ป่านุ่มๆ ก่อนหน้านี้นางก็ชอบน้ำแกงไก่ป่าใส่ชีสอะไรนั่นมากไม่ใช่หรือ?
กินให้อิ่มก่อนค่อยพูดคุยกัน เขากับนางเป็นสามีภรรยากัน มีอะไรก็สมควรเผชิญหน้าด้วยกัน
เซียวเถี่ยเฟิงพาฮัสกี้เข้าป่าไปล่าไก่ป่ามาได้สองตัวกับไข่นกอีกจำนวนหนึ่ง นึกถึงนางชอบกินผลไม้ป่า บังเอิญผลไม้ในป่ากำลังหวานได้ที่ เขาจึงเด็ดมาด้วยไม่น้อย
เซียวเถี่ยเฟิงเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ใจคิดว่าถ้านางเห็นจะต้องดีใจแน่ แต่ใครจะรู้ว่าพอกลับไปถึงกลับไม่พบใครอยู่ที่บ้านสักคน
กู้จิ้ง…ไปไหนหรือ?
ตอนแรกเซียวเถี่ยเฟิงยังไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ เขาคิดว่าบางทีนางอาจไปเก็บฟืนใกล้ๆ นี้ ดังนั้นจึงเริ่มลงมือถอนขนไก่ ควักเครื่องใน ใจคิดว่าถ้ารีบเอาไก่ไปตุ๋น นางกลับมาก็จะได้กินพอดี
แต่ถึงยามบ่าย น้ำแกงไก่ในหม้อเดือดแล้ว นางก็ยังไม่กลับมา เขาเริ่มนั่งไม่ติด ดังนั้นจึงพาฮัสกี้ออกไปตามหา แต่หาจนถึงเย็นก็ยังไม่เจอ เขาร้อนใจมาก ใจคิดว่านางคงไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นหรอกนะ? คิดได้เช่นนี้เขาก็รีบไปที่หมู่บ้านเพื่อสอบถามคนอื่นๆ ที่สนิทสนมกัน
ทุกคนได้ยินว่าต้าเซียนหายไปก็ตกใจมาก พวกเขารีบแยกย้ายกันออกตามหาทันที
แต่หาอยู่หลายวัน เขาเว่ยอวิ๋นแทบจะถูกเหยียบราบเป็นหน้ากลองก็ยังไม่พบร่องรอยใดๆ อยู่ดี
ต้าเซียนหายไปแล้วจริงๆ
พวกเขาถึงกับลงเขาไปตามหาว่ามีใครเห็นต้าเซียนบ้างหรือไม่ แต่ทุกคนต่างก็บอกว่าไม่เห็น
คนคนหนึ่งหายไปเสียเฉยๆ เช่นนี้เอง
ผู้คนเริ่มคาดเดากันไปต่างๆ นานา ต้าเซียนไม่อยู่แล้ว เป็นเพราะกลับไปแดนเซียนแล้วใช่หรือไม่ แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงกลับไปแดนเซียนเล่า เพราะถูกยายเฒ่าหนิงกับพ่อลูกตระกูลจ้าวก่อกวนอย่างนั้นหรือ? เพราะหลังจากเกิดเรื่องนั้นไม่นาน ต้าเซียนก็หายไป!
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงพากันหันไปกล่าวโทษยายเฒ่าหนิงกับสองพ่อลูกตระกูลจ้าว
นับแต่นั้นมายายเฒ่าหนิงก็ไม่มีหน้าพบผู้คนอีก ทุกครั้งที่นางออกจากบ้านจะถูกผู้คนชักสีหน้าใส่แล้วก็พูดจาถากถางอยู่เสมอ
พ่อลูกตระกูลจ้าวเองก็ถูกผู้คนก่นด่า ชาวบ้านทั้งหลายมักจะมองประตูบ้านตระกูลจ้าวด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วก็ถ่มน้ำลายใส่ แม้กระทั่งเด็กๆ ยังขว้างก้อนดินเข้าไปในบ้านของพวกเขา แต่ทุกครั้งก็จับมือใครดมไม่ได้ เพราะทุกคนช่วยกันปิดบัง
ด้วยเหตุนี้ สองพ่อลูกตระกูลจ้าวจึงเป็นคนที่ร้อนใจอยากหาต้าเซียนให้พบยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาบริสุทธิ์ พวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมยิ่งกว่าโต้วเอ๋อ[1]เสียอีก! ต้าเซียนหายไป เกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย?
ทุกคนต่างพยายามค้นหาสุดความสามารถ แต่ก็หาไม่พบ
ไม่นานนัก ทุกคนก็เริ่มท้อแท้และเลิกค้นหา เพราะพวกเขายังมีสัตว์ที่ต้องล่า มีนาที่ต้องดูแล มีข้าวที่ต้องปลูก ต่อให้หาต้าเซียนไม่พบก็จะปล่อยให้ตัวเองอดตายไม่ได้ ไม่สบายยังมีท่านหมอเหลิ่ง แม้วิชาแพทย์จะเทียบกับต้าเซียนไม่ได้และไม่มีอาคมเหมือนต้าเซียน แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถรักษาโรคเล็กๆ น้อยๆ ได้ไม่ใช่หรือ?
นับวันคนที่ค้นหาต้าเซียนก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ พูดถึงกู้จิ้งต้าเซียนขึ้นมา ทุกคนก็ได้แต่ทอดถอนใจ
แต่มีคนคนหนึ่งที่ไม่มีวันเลิกรา นั่นก็คือเซียวเถี่ยเฟิง
นับแต่วันที่กู้จิ้งหายไป เซียวเถี่ยเฟิงก็ไม่กินไม่นอนไม่พูด วันๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาค้นหาไปเรื่อยๆ
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูร้อนผ่านเข้ามา เขาค้นหาทุกซอกทุกมุมบนเขาเว่ยอวิ๋นแล้วจนทั่ว แม้กระทั่งรองเท้าก็พังไปแล้วไม่รู้กี่คู่ต่อกี่คู่
พอถึงฤดูใบไม้ร่วง เขาก็เข้าไปค้นหาในป่าอีก
ปีศาจน้อยจอมซื่อบื้อตนนั้น นางเคยหนีจากเขาเว่ยอวิ๋นไปที่เมืองจูเฉิงตามลำพัง ไม่แน่ว่าครั้งนี้นางอาจจะไปไกลกว่าเดิมก็ได้ นางโง่แบบนั้น ถ้าถูกใครรังแกจะทำอย่างไร ดังนั้นเขาต้องรีบหานางให้พบโดยเร็วที่สุด
ไม่รู้เหมือนกันว่าค้นหาอยู่นานแค่ไหน และแล้วในวันหนึ่งเขาก็ล้มลง เลือดที่กระอักออกมาย้อมพื้นหิมะใต้ร่างจนกลายเป็นสีแดงฉาน
หนิวปาจินแบกเขากลับมาด้วยความโมโห “นางเป็นปีศาจ ปีศาจที่ดีแต่ยั่วยวนผู้คน เจ้าดูซิว่าตอนนี้ตัวเองมีสภาพเป็นยังไง วิญญาณของเจ้าถูกนางกระชากไปแล้ว!”
แต่เซียวเถี่ยเฟิงกลับไม่สนใจคำพูดของหนิวปาจินสักนิด เขาเอาแต่พึมพำเรียกชื่อของกู้จิ้ง เพราะกำลังมีไข้สูง
ท่านหมอเหลิ่งมาตรวจดูอาการแล้วเขียนเทียบยาให้ หนิวปาจินก็คอยเคี่ยวยาให้ดื่ม ผ่านไปเจ็ดแปดวัน ในที่สุดไข้ของเขาก็ลด
หลังจากนั้น เซียวเถี่ยเฟิงเก็บตัวเงียบอยู่หลายวัน ใบหน้าของเขาซูบผอมจนเหลือแต่กระดูก แถมยังดูไม่มีชีวิตชีวาสักนิด
หนิวปาจินเอาอาหารมาให้ พอเห็นสภาพของเขาก็อดถอนใจไม่ได้ “ถ้าอยากมีเมีย แต่งมาสักคนก็มีแล้ว เจ้าดูลูกสาวคนที่สองของตระกูลเถียนในหมู่บ้านเราสิ นางก็ไม่เลวไม่ใช่หรือ แถมยังชอบเจ้ามากอีกด้วย เจ้ารีบแต่งเมียใหม่สักคน นานวันเข้าก็จะลืมคนเก่าไปเอง เชื่อข้าเถอะ ต่อให้เป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานกาลเวลาได้”
ระหว่างที่กล่าวคำพูดนี้ เขาย่อมอดนึกถึงอดีต นึกถึงหญิงสาวที่เคยพบไม่ได้
เซียวเถี่ยเฟิงไม่มองเขาเสียด้วยซ้ำ ราวกับว่าไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
หนิวปาจินขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น “เฮ้! เถี่ยเฟิง เจ้ายังจำลูกสาวคนที่สองของตระกูลเถียนได้ไหม คนที่ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ สมัยเด็กๆ ตอนที่เราไปเรียนหนังสือเคยเจอนางระหว่างทาง”
เซียวเถี่ยเฟิงปรายตามองเขาแวบหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไร
หนิวปาจินพยายามต่อ “จริงๆ แล้วแม่นางตระกูลเถียนคนนี้สวยกว่าเมียของเจ้าอีก นางมีผิวขาวปากนิดจมูกหน่อย แถมยังฉลาด สุภาพอ่อนโยน ซักผ้าเป็น ทำอาหารเป็น ฐานะทางบ้านก็ไม่เลว หญิงสาวที่ดีแบบนี้ คนทั่วไปจุดโคมยังหาไม่เจอเลย”
เซียวเถี่ยเฟิงพลิกตัวหันหลังให้
หนิวปาจินขยับเข้าไปใกล้ “เซียวเถี่ยเฟิง เจ้าได้ยินที่ข้าพูดไหม? เจ้าคิดจะกอดป้ายวิญญาณของต้าเซียนไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ? ต้าเซียนของเจ้ากลับแดนเซียนไปแล้ว นางไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว!”
—————————————–
[1] ตัวละครจากเรื่องโต้วเอ๋อยวน (窦娥冤) กล่าวถึงหญิงสาวซึ่งมีนามว่าโต้วเอ๋อ เป็นคนเข้มแข็ง จิตใจดีงาม นางถูกขายมาเป็นลูกสะใภ้ของยายเฒ่าไช่ตั้งแต่เด็ก แต่ถูกขายมาสองปี สามีก็ล้มป่วยเสียชีวิต นางกับแม่สามีจึงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามลำพัง อันธพาลชื่อจางหลูเอ๋อเห็นพวกนางไม่มีที่พึ่งก็คิดบีบบังคับให้ยายเฒ่าไช่แต่งงานกับบิดาของเขา และบีบบังคับโต้วเอ๋อให้แต่งงานกับเขา แต่โต้วเอ๋อไม่ยอม จางหลูเอ๋อจึงวางแผนวางยาพิษฆ่ายายเฒ่าไช่ให้ตายแล้วค่อยบีบบังคับโต้วเอ๋อ แต่สุดท้ายคนที่ถูกยาพิษตายกลับเป็นบิดาของจางหลูเอ๋อ จางหลูเอ๋อไปฟ้องร้องต่อเจ้าเมืองว่าโต้วเอ๋อเป็นคนฆ่า เจ้าเมืองรับสินบนจากจางหลูเอ๋อจึงพยายามบีบบังคับโต้วเอ๋อต่างๆ นานา โต้วเอ๋อถูกทรมานแสนสาหัสก็ไม่ยอมรับ สุดท้ายเจ้าเมืองให้ทรมานยายเฒ่าไช่แทน โต้วเอ๋อจึงจำต้องยอมรับว่าเป็นฆาตกร ก่อนถูกประหารโต้วเอ๋ออธิษฐานว่าหากนางเป็นผู้บริสุทธิ์ หนึ่งให้เลือดพุ่งขึ้นไปด้านบนไม่ตกต้องพื้นดิน สองให้มีหิมะตกลงมาปกคลุมร่าง (ตอนนั้นเป็นเดือนหกซึ่งอากาศร้อนอบอ้าวที่สุด) และสามให้มีภัยแล้งสามปี สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามคำอธิษฐานของโต้วเอ๋อ ทุกคนจึงเชื่อว่านางเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนจางหลูเอ๋อและเจ้าเมืองก็ได้รับผลกรรมในท้ายที่สุด