ตอนที่ 88 ขาสั้นๆ ไม่สะใจ

จู่ๆ เซียวเถี่ยเฟิงก็เงยหน้าขึ้นมองเขา “นางสวยไหม?”

หนิวปาจินเห็นอีกฝ่ายทำท่าสนใจก็รีบพยักหน้า “สวย สวย!”

เซียวเถี่ยเฟิงถามต่อ “นางมีขาเรียวยาวไหม?”

หนิวปาจินพูดไม่ออก “จะเอาขาเรียวยาวไปทำไม แม่นางเถียนตัวเล็ก!”

จริงๆ แล้วคือเป็นหญิงสาวที่ตัวเตี้ยที่สุดในหมู่บ้าน เพราะเตี้ยเกินไปก็เลยแต่งไม่ออก

เซียวเถี่ยเฟิงนอนหนุนแขนของตัวเองพลางกล่าวเสียงเรียบ “ขาสั้นๆ ไม่สะใจ”

หนิวปาจินตะลึงงัน นี่หมายความว่ายังไง?

แต่พริบตาต่อมาก็เข้าใจ เขาโมโหขึ้นมาทันที “เจ้า…เจ้า… เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยทำตัวต่ำๆ แบบนี้เลย!”

เซียวเถี่ยเฟิงกล่าว “ใช่ ข้ามันต่ำ รีบไปห่างๆ ข้าหน่อย”

“ถ้ารู้แบบนี้ข้าจะไม่ช่วยเจ้า น่าจะปล่อยให้เจ้าหนาวตายอยู่ข้างนอกไปเลย!”

“ใช่ ปล่อยให้ข้าหนาวตายไปเลย!”

เซียวเถี่ยเฟิงหลับตาลงอย่างอ่อนล้า หากู้จิ้งไม่พบ เขายินดีหนาวตายอยู่ระหว่างทางดีกว่า

คราวนี้หนิวปาจินจนปัญญาจริงๆ เขาโมโหมาก แต่พอหายโมโห เขาก็ไม่อาจทิ้งเซียวเถี่ยเฟิงไปเฉยๆ

ครั้งนั้นเขาติดตามเซียวเถี่ยเฟิงออกไปเผชิญโลกภายนอก พวกเขาร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมเป็นร่วมตาย เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรักที่สามารถฝากชีวิตให้กันได้

“คนเราต้องมองไปข้างหน้า กู้จิ้งไปแล้ว นางไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว เจ้าจะรอนางไปตลอดชีวิตได้หรือ เจ้าต้องแต่งงานใหม่แล้วมีลูกหลานสืบสกุล นึกถึงพ่อกับแม่ของเจ้าสิ นึกถึงความหวังที่พวกท่านมีต่อเจ้า เจ้าทำแบบนี้ไม่ผิดต่อพวกท่านหรือ?”

แต่ไม่ว่าหนิวปาจินพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไร เซียวเถี่ยเฟิงก็ไม่ฟัง

รอจนกระทั่งสุขภาพของเขาแข็งแรงขึ้น เขาก็สะพายสัมภาระ แขวนรองเท้าสามคู่ไว้ตรงข้างเอว เตรียมออกเดินทางอีกครั้ง

“นี่เจ้าจะไปไหนอีก?”

“ข้าจะไปตามหานาง”

“เจ้าจะไปหาที่ไหน?”

“ไปถึงไหนก็หาถึงนั่น”

“เจ้า…”

หนิวปาจินไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ได้แต่เบิกตามองเซียวเถี่ยเฟิงจากไป

ฤดูหนาวผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิผ่านเข้ามา เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี เซียวเถี่ยเฟิงกลับมาที่เขาเว่ยอวิ๋นอีกครั้งในวันที่มีหิมะโปรยปราย

เดิมหนิวปาจินแค่คิดจะมาเสี่ยงดวงดูว่าจะมีโชคล่ากวางได้สักตัวหรือไม่ ที่บ้านเขาเพิ่งมีลูกชายเกิดใหม่ เขาจึงคิดจะมาล่าสัตว์กลับไปให้ภรรยาบำรุงร่างกาย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเซียวเถี่ยเฟิงเข้าพอดี ถึงตอนนี้หนิวปาจินก็คร้านจะโกรธแล้ว

“หาเจอไหม?”

“ไม่”

“ในที่สุดเจ้าก็ยอมแพ้แล้วสินะ?”

“ไม่ใช่” เซียวเถี่ยเฟิงซึ่งยืนอยู่บนเส้นทางเล็กๆ บนภูเขา ทอดตามองไปยังบ้านที่เขากับกู้จิ้งเคยอยู่ด้วยกันพลางกล่าวเสียงแหบ “ข้าแค่กลับมาดูว่านางกลับมาหรือเปล่า”

ถ้านางกลับมาแล้วพบว่าเขาไม่อยู่ นางคงต้องเสียใจแน่

เขาเคยพูดว่าจะรอนาง เขาก็ต้องรอนางไปชั่วชีวิต

“เจ้า!” หนิวปาจินถอนใจ “นางจากไปโดยไม่ทิ้งคำพูดอะไรเอาไว้สักคำ ทำให้เจ้าต้องทรมานถึงขนาดนี้!”

“ข้าคิดดูแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า” เซียวเถี่ยเฟิงกล่าว “ข้าอยากมีลูกมาก นางคงจะมองออก นางรู้ว่าข้าอยากมีลูก แต่นางไม่อยากมี ดังนั้นนางก็เลยโกรธแล้วไปจากข้า”

ตอนแรกเขายังไม่เข้าใจ แต่หลังจากหวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ในคืนวันก่อนที่นางจะจากไป เขาก็เริ่มคิดได้

คืนก่อนที่จะจากไป นางอารมณ์ไม่ดีนัก

เรื่องที่ทำให้นางอารมณ์ไม่ดีไม่มีทางเป็นเรื่องของจ้าวจิ้งเทียนไปได้ เพราะจริงๆ แล้วนางไม่ชอบหน้าจ้าวจิ้งเทียนสักเท่าไหร่ จ้าวจิ้งเทียนย่อมไม่สามารถสร้างผลกระทบใดๆ ต่อจิตใจของนาง

คำตอบเดียวที่เป็นไปได้คือ นางรู้ว่าเขาอยากมีลูก เขาทำให้นางรู้สึกกดดัน

“ข้าเคยรับปากนางว่า เราสองคนจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีลูกก็ได้ เสียดายที่ข้าไม่รักษาคำพูด ข้าโลภมาก อยากได้ลูกสักคนที่เป็นสายเลือดของนางกับข้า”

หนิวปาจินได้ยินเซียวเถี่ยเฟิงพึมพำเช่นนี้ก็ถึงกับเบิกตากว้าง

“เจ้าหมายความว่านางมีลูกไม่ได้? รู้ทั้งรู้ว่านางมีลูกไม่ได้ เจ้าก็ยังแต่งงานกับนางอีกหรือ?” หนิวปาจินไม่อยากเชื่อหูของตัวเองเลย

“ข้าไม่ควรมีความคิดเช่นนี้เลย นางคงจะรู้ก็เลยโกรธข้า” เซียวเถี่ยเฟิงยังคงจมอยู่กับความเสียใจและความรู้สึกผิด

“เจ้าแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้ อยากจะสิ้นลูกสิ้นหลานอย่างนั้นหรือ!” หนิวปาจินอดเตือนไม่ได้

“นางฉลาดขนาดนั้น จะอ่านความคิดของข้าไม่ออกได้อย่างไร” เซียวเถี่ยเฟิงไม่อาจให้อภัยตัวเอง

“เจ้าทำแบบนี้ ไม่ผิดต่อท่านอากับอาสะใภ้หรือ?!” หนิวปาจินจนใจเหลือเกิน

“ข้าไม่รักษาคำพูด นางคงจะรู้สึกว่าข้าผิดสัญญา นางคงจะผิดหวังในตัวข้ามาก” เซียวเถี่ยเฟิงเจ็บปวดมาก

“วิญญาณของท่านอาเซียวบนสวรรค์คงจะตายตาไม่หลับแน่!” หนิวปาจินส่ายหน้า

“ชาตินี้ข้าต้องหานางให้พบอีกครั้งให้ได้ ข้าจะบอกนางว่าข้าสนใจแต่นางเท่านั้น ไม่มีลูกก็ไม่เป็นไร” เซียวเถี่ยเฟิงพึมพำ

“ทำไมถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้นะ!” หนิวปาจินถอนใจอีกรอบ

“นางอยากได้ที่นา อยากได้บ้านหลังใหญ่ อยากได้ทรัพย์สินเงินทอง อยากได้เสื้อผ้าสวยๆ อยากมีคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ข้ากลับหาให้นางไม่ได้สักอย่าง นางต้องคิดว่าข้าไม่เอาไหนแน่” เซียวเถี่ยเฟิงสำนึกผิดต่อ

เขาเคยพบเห็นสิ่งเหล่านี้มานักต่อนักจนไม่เห็นมันอยู่ในสายตาอีกต่อไป แต่นางไม่ใช่ นางไม่เคยเห็นมาก่อน จะไม่ปรารถนาได้อย่างไร ในเมื่อนางอยากได้ ทำไมเขาถึงไม่พานางออกไปดูโลกภายนอกบ้างเล่า?

ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเคยพูดด้วยว่าอยู่แต่ในภูเขาน่าเบื่อ

ทุกครั้งที่พานางลงเขาไปเที่ยวเมืองจูเฉิง นางมักจะมองนั่นมองนี่ด้วยความตื่นเต้นเสมอ

ต้องโทษเขาที่โง่ อ่านความคิดของนางไม่ออก หากทำให้นางได้เสพสุขกับลาภยศสรรเสริญ บางทีนางอาจจะไม่จากเขาไป นางอาจจะอยู่ข้างกายเขาไปตลอดชีวิตก็ได้

ทั้งสองพูดกันคนละเรื่องอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเซียวเถี่ยเฟิงก็จากไปอีกครั้ง เขาก้าวเท้าที่สวมเพียงรองเท้าสานพังๆ ออกเดินทาง โดยไม่แม้แต่จะเข้าไปดื่มน้ำในบ้านสักคำเสียด้วยซ้ำ

หนิวปาจินยืนซึมอยู่ตรงนั้นพลางส่ายหน้าด้วยความจนใจ จากนั้นจึงหันกายเดินกลับหมู่บ้าน

เขาเองก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง เถี่ยเฟิงอยากหาก็ให้เขาหาไปเถอะ

ช้าเร็วต้องมีสักวันที่เขาจะยอมแพ้ ถึงตอนนั้นเขาก็ต้องกลับมาที่เขาเว่ยอวิ๋น แต่งงานแล้วมีลูกชายตัวอวบอ้วนหลายๆ คนเหมือนกับเขา ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องในอดีตอีก

ความรักฉันชายหญิง นานวันเข้าก็จะค่อยๆ จืดจางไปเอง

แต่วันนี้ จู่ๆ เขากลับได้พบกู้จิ้ง นางกลับมาในสภาพที่สวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ สีหน้าเลื่อนลอย ราวกับกำลังตกใจเอามากๆ

เขาดูแคลนผู้หญิงคนนี้มาก เสแสร้งอะไรกัน

แต่หลังจากพูดคุยกัน เมื่อได้เห็นเงาหลังของนางที่กำลังเดินจากไป เขาก็อดสงสัยไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้หมายความว่ายังไง คำว่า ‘ลูกหลานรุ่นหลัง’ กับ ‘วาฮาฮา’ ที่นางพูดถึง หมายความว่าอย่างไรกันแน่?

ผ่านไปสักระยะ เซียวเถี่ยเฟิงจะกลับมาที่เขาเว่ยอวิ๋นครั้งหนึ่ง

ปีนี้เขาก็กลับมาอีก เพียงแต่ครั้งนี้เขาสวมเสื้อหลวมกว้างซึ่งตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดี ดูเหมือนคนที่มีฐานะสูงส่งไม่มีผิด

หลังจากกลับมา เขาเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านซึ่งไม่มีคนอยู่มาสี่ปี นอนอยู่บนเตียงซึ่งถูกทิ้งให้ผุพังพลางทอดตามองไปยังหิมะสีขาวโพลนที่ด้านนอก

เขาเคยกอดเสี่ยวจิ้งเอ๋อ เคยมีชีวิตที่แสนหวานชื่นและมีความสุขอยู่ในบ้านหลังนี้

แต่บัดนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป เขาควรจะไปตามหาเสี่ยวจิ้งเอ๋อที่ไหนดี?

เขาอยู่ที่บ้านหลังนั้นสามวัน วันสุดท้ายก่อนจะจากไป หนิวปาจินมาหาเขาอีกครั้ง

“ข้ารอเจ้ามาหนึ่งปีแล้ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมา” คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หนิวปาจินก็อดเสียใจไม่ได้ บางทีตอนนั้นเขาไม่ควรพูดแบบนั้นเลย หากเขาไม่พูดแบบนั้น กู้จิ้งก็อาจจะไม่จากไป ตอนนี้เขาควรทำอย่างไรดี

“หืม?”

“กู้จิ้ง…นางเคยกลับมา” หนิวปาจินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

“เจ้าว่าอะไรนะ?” เซียวเถี่ยเฟิงหันขวับมามองด้วยสายตาคมกริบ

ดวงตาคมกริบราวกับสามารถมองทะลุจิตใจผู้คนนั้น ทำให้หนิวปาจินต้องเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิด

“นางเคยกลับมา ข้าเจอนาง แต่นางก็จากไปอีก”

เซียวเถี่ยเฟิงโผเข้ามาคว้าปกเสื้อของเขาเอาไว้

“นางพูดอะไร นางเป็นยังไง นางไปที่ไหน!” เซียวเถี่ยเฟิงเค้นถาม

หนิวปาจินรับมือไม่ไหว จึงจำต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้เซียวเถี่ยเฟิงฟังอย่างละเอียด แต่เขายังฉลาดพอที่จะปกปิดคำโกหกของตัวเองเอาไว้

สรุปแล้วต่อให้เขาไม่พูดแบบนั้น พวกเขาก็ต้องคลาดจากกันอยู่ดีไม่ใช่หรือ? ไม่เห็นหรือว่ากู้จิ้งเสียใจอยู่ครู่เดียวก็ทำใจได้ แถมยังพูดถึงลูกหลานรุ่นหลังของเถี่ยเฟิงอีกด้วย เห็นได้ชัดว่านางไม่ใส่ใจสักนิด

“เจ้าหมายความว่า ข้าเพิ่งจากไป นางก็กลับมางั้นหรือ?” เซียวเถี่ยเฟิงกัดฟัน เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งเขาแบบนี้!

“ใช่”

“นางยังพูดอะไรอีก?”

“นางบอกว่า ต่อไปในบรรดาลูกหลานรุ่นหลังของเจ้าจะมีคนหนึ่งที่ชอบดื่มวาฮาฮา ให้นางดื่มให้สะใจเถอะนะ… เรื่องนี้ ข้าไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไง นางเองก็ไม่ได้บอก”

“ลูกหลานรุ่นหลัง…” ดวงตาของเซียวเถี่ยเฟิงแดงก่ำ คำพูดแต่ละคำถูกเค้นออกมาอย่างยากลำบาก “ข้ามีลูกหลานรุ่นหลังเสียที่ไหน หากนางไม่มีลูกหลาน ข้าจะมีลูกหลานได้ยังไง นางโกรธข้าเพราะเรื่องนี้จริงๆ ด้วย!”

หนิวปาจินตกใจมาก เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผ่านไปสี่ปีแล้ว เซียวเถี่ยเฟิงก็ยังทำใจไม่ได้อีก